นายกฯ โปรยยาหอมธุรกิจอสังหาฯ ระบุภาครัฐพร้อมสนับสนุนการเจาะตลาด เน้นกระตุ้นการดำเนินธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น ยันมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกแต่ละปีจะมีสูงถึง 150 ล้านล้านบาท เฉพาะในตลาดเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง มีมูลค่าราว 70 ล้านล้านบาท หรือ 50% ของมูลค่าทั่วโลก
วันนี้ (5 พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานในพิธีเปิดงานเสวนาและปาฐกถาหัวข้อ “นโยบาย ของรัฐบาลในการส่งเสริมธุรกิจที่ปรึกษา ออกแบบและก่อสร้างในต่างประเทศ” ถึงนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมธุรกิจที่ปรึกษา ออกแบบและก่อสร้างในต่างประเทศว่า ภาครัฐพร้อมสนับสนุนการเจาะตลาดเน้นกระตุ้นการดำเนินธุรกิจก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศให้มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากมูลค่าตลาดอสังหาริมทรัพย์โลกแต่ละปีจะมีสูงถึง 150 ล้านล้านบาท เฉพาะในตลาดเอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง มีมูลค่าราว 70 ล้านล้านบาท หรือ 50% ของมูลค่าทั่วโลก แต่ภาคธุรกิจไทยมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 2.4 หมื่นล้านบาทเท่านั้นซึ่งไม่ถึง 1% ของทั้งโลก
“ในขณะที่มูลค่าอุตสาหกรรมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ภายในประเทศ ช่วงรอบ 10 ปีที่ผ่านมา มีมูลค่าราว 9 แสนล้านบาทต่อปี หรือประมาณ 9-10% ต่อจีดีพีเท่านั้น” นายกรัฐมนตรีกล่าว
นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงแนวทางของรัฐบาลว่า อยากชักชวนภาคธุรกิจให้เข้ามาลงทุนโครงการก่อสร้างในโครงการปฎิบัติการไทยเข้มแข็ง ระยะ 3 ปี มูลค่า 1.43 ล้านล้านบาท คิดเฉพาะเป็นโครงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มูลค่า 7 แสนล้านบาท ซึ่งสามารถสร้างงานได้ 1.5 ล้านคน โดยเฉพาะภาคการออกแบบอสังหาฯที่ไทยเคยได้รับรางวัลมาในหลายภูมิภาค
นอกจากนี้ ทางภาครัฐได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการผู้แทนการค้าไทย ซึ่งมีนายเกียรติ สิทธีอมร เป็นประธาน รับผิดชอบประสานงานกับ 5 สมาคมและสถาบันการเงิน ร่วมกันวางยุทธศาสตร์เชิงนโยบาย พร้อมกับมอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปดูในเรื่องข้อกฎหมาย เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งองค์กรถาวรในการส่งเสริมการบุกตลาดต่างประเทศ
“จะมีการสนับสนุนเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมการออกแบบอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ โดยขณะนี้บีโอไอจะเป็นผู้ร่างข้อกฏหมายเชื่อว่าจะสามารถจัดทำข้อกฎหมายเสนอรัฐสภาได้ใน 1 ปีนี้ ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจะเป็นตัวกลางในการสนับสนุนด้วย”
นายอภิสิทธิ์กล่าวอีกว่า ทางภาครัฐพร้อมสนับสนุนทางการเงินให้เอกชนเข้าไปลงทุนต่างประเทศ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศจะช่วยประสานไปยังสถานทูตทุกแห่งทั่วโลกสนับสนุนการให้คนไทยไปทำงานในประเทศนั้นๆ ได้ง่ายมากขึ้น พร้อมกับสนับสนุนการขยายผลการเชื่อมโยงภาคธุรกิจวัสดุ และ อุปกรณ์ก่อสร้าง รวมถึงการพัฒนาบุคลากรสถาปนิก วิศวกร และผู้เชี่ยวชาญให้เกิดการดำเนินธุรกิจที่ครบวงจรสามารถแข่งขันกับต่างประเทศได้
ทั้งนี้ ทาง 5 สมาคมก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ ยื่นข้อเสนอมาตรการเร่งด่วนขอให้รัฐบาลเร่งเปิดตลาดในต่างประเทศ 6 ประเทศ คือ ลิเบีย บาห์เรน กาตาร์ อินเดีย เวียดนาม และบรูไน รวมถึงการจัดตั้งองค์กรถาวรในการส่งเสริมสนับสนุนการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์ในการเจาะตลาดต่างประเทศ