ASTVผู้จัดการรายวัน-คณะกรรมการสอบโกงไทยเข้มแข็ง สธ.นครศรีธรรมราช พื้นที่ “วิทยา”พบเครื่องมือหลายชิ้นยังน่าสงสัย ราคาครุภัณฑ์แตกต่างกัน 20-25% หมกเม็ดไม่ให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ ก่อนหน้านี้ เตรียมขอเอกสารจังหวัดข้างเคียงเทียบ ขณะที่โรงพยาบาลไม่มีหลักฐานยันนำเข้า “ยูวีแฟน”ราคาสูงจากต่างประเทศ ระบุข้อมูลต่างจากพื้นที่ “มานิต”เพราะ รมว.สธ.ไม่สั่งการจัดซื้อจัดจ้างเอง ด้าน"หมอไพจิตร์" เคาะราคาก่อสร้างแฟลตพยาบาล ขนาด 24 ยูนิตใหม่ลง พร้อมเสนอนำเงินที่ประหยัดได้ไปผลิตแพทย์เพิ่มให้กับ รพ.สต. นำร่อง 20 แห่ง
นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน เปิดเผยว่า วานนี้(4 ธ.ค.) คณะกรรมการฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในโครงการดังกล่าว 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลปากพนัง และโรงพยาบาลนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บริหารของโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คน โดยได้มีการชี้แจงและมอบเอกสารให้คณะกรรมการฯ ซึ่งจะนำไปประกอบในการสรุปผลการตรวจสอบ
นพ.วิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ได้ขอเอกสารจากจังหวัดข้างเคียง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับเอกสารที่ได้รับในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นข้อมูลส่วนใด เพราะอาจทำให้มีผลต่อการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ แต่บอกได้แต่เพียงข้อมูลพื้นฐาน อาทิ ข้อมูลการก่อสร้างว่ามีงบประมาณ สร้างจุดใด และความสัมพันธ์กับจำนวนประชากรในพื้นที่ เบื้องต้นพบว่า มีสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์หลายรายการมีความน่าสงสัย เช่น เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ พบสิ่งที่ไม่เหมาะสมคล้ายคลึงกับที่ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี โดยราคาของครุภัณฑ์มีความต่างกัน 20-50 % ประกอบกับการให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ ก่อนหน้านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงพื้นที่จริง ปรากฏว่ามีบางส่วนที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
"โดยเฉพาะเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงอัลตราไวโอเลต หรือยูวีแฟน ราคา 9 หมื่นบาท โดยมีการให้ข้อมูลอ้างว่า เป็นเครื่องที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี ทางคณะกรรามการฯ ได้ขอให้บริษัทผู้นำเข้าส่งหลักฐานการนำเข้า เนื่องจากพิจารณาดูแล้วไม่มั่นใจว่า เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศจริงหรือไม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลไม่ได้มีหลักฐานที่ชัดเจน โดยให้สิ่งข้อมูลไปยังคณะกรรมการฯภายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้"นพ.วิชัยกล่าว
เมื่อถามว่ามีการให้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ นพ.วิชัย กล่าวว่า ข้อมูลวันนี้จะต่างจากที่ จ.ราชบุรี เพราะ รมว.สธ.ไม่เข้ามาสั่งการหรือเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างที่จ.นครศรีธรรมราช
ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ โดยไปด้วยปากเปล่าไม่มีเอกสารใดๆไป และยืนยันว่าตนเองไม่มีนโยบายในการจัดซื้อยูวีแฟน ไม่ว่าจะเป็นแบบเอกสารหรือคำพูดใดๆ และไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด
**ลดราคากลางสร้างแฟลตพยาบาล
ขณะที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. ที่มี นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ. เป็นประธาน โดยมีวาระสำคัญที่ต้องพิจารณาคือโครงการก่อสร้างแฟลตพยาบาล ขนาด 24 ยูนิต ที่ก่อนหน้านี้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทได้เสนอราคาให้เหลือ 7.2 ล้านบาท แต่คณะกรรมการฯ มีมติปรับลดวงเงินเหลือ 8.2 ล้านบาท ทำให้นพ.เกรียงศักดิ์ ไม่พอใจและลาออกจากกรรมการฯ นั้น
นพ.ไพจิตร์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้พิจารณารายละเอียดรายการครุภัณฑ์และราคา ในส่วนของพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 วงเงิน 1.15 หมื่นล้านบาทใหม่อีกครั้ง เนื่องจากยังมีความเห็นขัดแย้ง 2 เรื่อง โดยได้ข้อสรุป คือ 1.โครงการก่อสร้างแฟลตพยาบาล ขนาด 24 ยูนิต จำนวนกว่า 200 หลัง ได้คำนวณอัตราวงเงินใหม่ โดยนำราคาของมติคณะกรรมการฯ ในราคา 8.2 ล้านบาท และราคาที่ นพ.เกรียงศักดิ์ เสนอมาคือ 7.2 ล้านบาท มาหารเฉลี่ย รวมถึงนำผลการประกวดราคาก่อสร้างในรอบ 3 ปีที่ผ่านมามาคำนวณด้วย และเพิ่มอัตราเงินเฟ้ออีก 8% จึงได้ข้อสรุปในราคาแฟลตพยาบาล หลังละ 7.8-7.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมที่สุด
“หากวงเงินที่ สธ. กำหนดใหม่นี้เป็นราคาที่น้อยเกินไปทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถหาผู้รับเหมาม่าก่อสร้างได้ สธ. จะต้องทำเรื่องเสนอขอเพิ่มงบประมาณจากสำนักงบประมาณ ซึ่งตามระเบียบแล้ว สำนักงบประมาณสามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มให้กับหน่วยงานนั้นๆ ได้ทันทีในกรณีที่เงินที่ขาดไม่เกิน 10% ของโครงการก่อสร้างนั้นๆ และหากโครงการก่อสร้างใดของ สธ. ที่มีเงินเหลือก็สามารถโยกเงินมาช่วยเหลือพื้นที่ที่มี่ปัญหางบไม่พอได้อยู่แล้ว” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า 2.พิจารณาเรื่องงบประมาณที่ สธ.สามารถประหยัดได้ จะนำไปเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ที่มีความพร้อมทั้งสถานที่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ นำร่องก่อน 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับ รพ.สต. โดยกำหนดจะเริ่มโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 เป็นต้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายในโครงการใด โดยในสัปดาห์หน้า สธ. จะเสนอเรื่องไปยัง ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการด้วย รวมทั้งเสนอขออนุญาตยกเว้นการใช้ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่อิงตามราคากลางตามที่มติ ครม.กำหนดด้วย
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ในส่วนของของหน่วยบริการปฐมภูมิ ที่ประชุมมีมติยืนยันการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินราคา 1.8 ล้านบาท โดยหากซื้อในราคานี้ต้องมีครุภัณฑ์เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุกหัวใจแบบอัตโนมัติด้วย ส่วนรถยนต์บรรทุกกระบะเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1 ตัน ที่ต่อเติมหลังคาไฟเบอร์กลาสพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ 63 คัน ราคาคันละ 669,800 บาท และส่วนของหน่วยงานบริหารคือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ได้มีการทบทวนเรื่องการกระจายให้เหมาะสม ยกเลิกบางแห่งที่กระจุกตัว ปรับชื่อรายการเดิมที่มีความหลากหลายให้เหมือนกัน และทบทวนการก่อสร้างอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ชำรุดทรุดโทรม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นายวิทยา ได้เรียกประชุมอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ที่ สธ. พร้อมทั้งร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน โดยคาดว่าจะมีการหารือเรื่องการให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการฯ ด้วย
นพ.วิชัย โชควิวัฒน เลขานุการและคณะกรรมการตรวจสอบเกี่ยวกับโครงการไทยเข้มแข็งของกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) ที่มี นพ.บรรลุ ศิริพานิช เป็นประธาน เปิดเผยว่า วานนี้(4 ธ.ค.) คณะกรรมการฯได้ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในโครงการดังกล่าว 2 แห่ง ได้แก่ โรงพยาบาลปากพนัง และโรงพยาบาลนครศรีธรรมราช พร้อมทั้งสัมภาษณ์บุคคลที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครศรีธรรมราช ผู้บริหารของโรงพยาบาลและเจ้าหน้าที่ประมาณ 10 คน โดยได้มีการชี้แจงและมอบเอกสารให้คณะกรรมการฯ ซึ่งจะนำไปประกอบในการสรุปผลการตรวจสอบ
นพ.วิชัย กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ได้ขอเอกสารจากจังหวัดข้างเคียง เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับเอกสารที่ได้รับในครั้งนี้ด้วย แต่ไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นข้อมูลส่วนใด เพราะอาจทำให้มีผลต่อการตรวจสอบของคณะกรรมการฯ แต่บอกได้แต่เพียงข้อมูลพื้นฐาน อาทิ ข้อมูลการก่อสร้างว่ามีงบประมาณ สร้างจุดใด และความสัมพันธ์กับจำนวนประชากรในพื้นที่ เบื้องต้นพบว่า มีสิ่งก่อสร้างและครุภัณฑ์หลายรายการมีความน่าสงสัย เช่น เครื่องตรวจมะเร็งเต้านม เครื่องตรวจคลื่นหัวใจ พบสิ่งที่ไม่เหมาะสมคล้ายคลึงกับที่ลงพื้นที่ จ.ราชบุรี โดยราคาของครุภัณฑ์มีความต่างกัน 20-50 % ประกอบกับการให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ ก่อนหน้านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับการลงพื้นที่จริง ปรากฏว่ามีบางส่วนที่ให้ข้อมูลไม่ครบถ้วน
"โดยเฉพาะเครื่องทำลายเชื้อโรคด้วยระบบแสงอัลตราไวโอเลต หรือยูวีแฟน ราคา 9 หมื่นบาท โดยมีการให้ข้อมูลอ้างว่า เป็นเครื่องที่นำเข้าจากประเทศอิตาลี ทางคณะกรรามการฯ ได้ขอให้บริษัทผู้นำเข้าส่งหลักฐานการนำเข้า เนื่องจากพิจารณาดูแล้วไม่มั่นใจว่า เป็นการนำเข้าจากต่างประเทศจริงหรือไม่ ซึ่งทางโรงพยาบาลไม่ได้มีหลักฐานที่ชัดเจน โดยให้สิ่งข้อมูลไปยังคณะกรรมการฯภายในวันที่ 9 ธ.ค.นี้"นพ.วิชัยกล่าว
เมื่อถามว่ามีการให้ข้อมูลที่เชื่อมโยงไปยังนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขหรือไม่ นพ.วิชัย กล่าวว่า ข้อมูลวันนี้จะต่างจากที่ จ.ราชบุรี เพราะ รมว.สธ.ไม่เข้ามาสั่งการหรือเกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างที่จ.นครศรีธรรมราช
ด้าน นายวิทยา กล่าวว่า ในวันที่ 8 ธ.ค.นี้จะเดินทางไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมการฯ โดยไปด้วยปากเปล่าไม่มีเอกสารใดๆไป และยืนยันว่าตนเองไม่มีนโยบายในการจัดซื้อยูวีแฟน ไม่ว่าจะเป็นแบบเอกสารหรือคำพูดใดๆ และไม่รู้สึกหนักใจแต่อย่างใด
**ลดราคากลางสร้างแฟลตพยาบาล
ขณะที่ นพ.ไพจิตร์ วราชิต ปลัดกระทรวงสาธารณสุข(สธ.) เป็นประธานในการประชุมคณะกรรมการพิจารณาความเหมาะสมและแก้ไขโครงการไทยเข้มแข็งของ สธ. ที่มี นพ.สถาพร วงษ์เจริญ รองปลัด สธ. เป็นประธาน โดยมีวาระสำคัญที่ต้องพิจารณาคือโครงการก่อสร้างแฟลตพยาบาล ขนาด 24 ยูนิต ที่ก่อนหน้านี้ นพ.เกรียงศักดิ์ วัชรนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบทได้เสนอราคาให้เหลือ 7.2 ล้านบาท แต่คณะกรรมการฯ มีมติปรับลดวงเงินเหลือ 8.2 ล้านบาท ทำให้นพ.เกรียงศักดิ์ ไม่พอใจและลาออกจากกรรมการฯ นั้น
นพ.ไพจิตร์ กล่าวภายหลังการประชุมว่า ได้พิจารณารายละเอียดรายการครุภัณฑ์และราคา ในส่วนของพ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูและเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ พ.ศ.2552 วงเงิน 1.15 หมื่นล้านบาทใหม่อีกครั้ง เนื่องจากยังมีความเห็นขัดแย้ง 2 เรื่อง โดยได้ข้อสรุป คือ 1.โครงการก่อสร้างแฟลตพยาบาล ขนาด 24 ยูนิต จำนวนกว่า 200 หลัง ได้คำนวณอัตราวงเงินใหม่ โดยนำราคาของมติคณะกรรมการฯ ในราคา 8.2 ล้านบาท และราคาที่ นพ.เกรียงศักดิ์ เสนอมาคือ 7.2 ล้านบาท มาหารเฉลี่ย รวมถึงนำผลการประกวดราคาก่อสร้างในรอบ 3 ปีที่ผ่านมามาคำนวณด้วย และเพิ่มอัตราเงินเฟ้ออีก 8% จึงได้ข้อสรุปในราคาแฟลตพยาบาล หลังละ 7.8-7.9 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่เหมาะสมที่สุด
“หากวงเงินที่ สธ. กำหนดใหม่นี้เป็นราคาที่น้อยเกินไปทำให้บางพื้นที่ไม่สามารถหาผู้รับเหมาม่าก่อสร้างได้ สธ. จะต้องทำเรื่องเสนอขอเพิ่มงบประมาณจากสำนักงบประมาณ ซึ่งตามระเบียบแล้ว สำนักงบประมาณสามารถเบิกจ่ายเงินเพิ่มให้กับหน่วยงานนั้นๆ ได้ทันทีในกรณีที่เงินที่ขาดไม่เกิน 10% ของโครงการก่อสร้างนั้นๆ และหากโครงการก่อสร้างใดของ สธ. ที่มีเงินเหลือก็สามารถโยกเงินมาช่วยเหลือพื้นที่ที่มี่ปัญหางบไม่พอได้อยู่แล้ว” ปลัด สธ. กล่าว
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า 2.พิจารณาเรื่องงบประมาณที่ สธ.สามารถประหยัดได้ จะนำไปเพิ่มบุคลากรทางการแพทย์ในส่วนของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.) ที่มีความพร้อมทั้งสถานที่ อุปกรณ์ทางการแพทย์ต่างๆ นำร่องก่อน 20 แห่งทั่วประเทศ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับ รพ.สต. โดยกำหนดจะเริ่มโครงการตั้งแต่ปีงบประมาณ 2553 เป็นต้นไป ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมยังไม่มีข้อสรุปว่าจะนำเงินไปใช้จ่ายในโครงการใด โดยในสัปดาห์หน้า สธ. จะเสนอเรื่องไปยัง ครม. เพื่อขออนุมัติโครงการด้วย รวมทั้งเสนอขออนุญาตยกเว้นการใช้ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างที่ไม่อิงตามราคากลางตามที่มติ ครม.กำหนดด้วย
นพ.ไพจิตร์ กล่าวว่า ในส่วนของของหน่วยบริการปฐมภูมิ ที่ประชุมมีมติยืนยันการจัดซื้อรถพยาบาลฉุกเฉินราคา 1.8 ล้านบาท โดยหากซื้อในราคานี้ต้องมีครุภัณฑ์เครื่องช่วยหายใจ เครื่องกระตุกหัวใจแบบอัตโนมัติด้วย ส่วนรถยนต์บรรทุกกระบะเครื่องยนต์ดีเซลขนาด 1 ตัน ที่ต่อเติมหลังคาไฟเบอร์กลาสพร้อมอุปกรณ์การแพทย์ 63 คัน ราคาคันละ 669,800 บาท และส่วนของหน่วยงานบริหารคือ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขอำเภอ ได้มีการทบทวนเรื่องการกระจายให้เหมาะสม ยกเลิกบางแห่งที่กระจุกตัว ปรับชื่อรายการเดิมที่มีความหลากหลายให้เหมือนกัน และทบทวนการก่อสร้างอาคารสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดที่ชำรุดทรุดโทรม
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 3 ธันวาคมที่ผ่านมา นายวิทยา ได้เรียกประชุมอดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รวมถึงเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขทุกคน ที่ สธ. พร้อมทั้งร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกัน โดยคาดว่าจะมีการหารือเรื่องการให้ถ้อยคำกับคณะกรรมการฯ ด้วย