ASTVผู้จัดการรายวัน - ระยองเพียวฯดิ้นขอพึ่งอนุญาโตตุลาการ หลังจาก ปตท. แจ้งยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบล่วงหน้า 3ปีตามการสิ้นสุดของสัญญาในปี 2555 อ้างเป็นสัญญาต่างตอบแทนไม่สามารถยกเลิกได้ ด้านปตท.โต้ไม่มีสัญญาใดในโลกที่ยกเลิกไม่ได้ ระบุสัญญาบอกเลิกได้เมื่อครบกำหนดแต่ต้องบอกล่วงหน้า 1ปี สาเหตุที่บอกเลิกเพื่อนำวัตถุดิบไปป้อนโรงงานในPTTAR
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯขอพึ่งอนุญาโตตุลาการชี้ขาดสัญญาซื้อขายวัตถุดิบคือ คอนเดนเสท เรสซิดิวจากปตท. ภายหลังจากปตท.ได้ทำหนังสือแจ้งเมื่อวันที 30 ก.ย.นี้เพื่อขอยกเลิกสัญญาดังกล่าวเมื่อสัญญาครบ 15ปีในปี 2555 ซึ่งเป็นการแจ้งล่วงหน้า 3ปี
โดยระยองเพียวฯเห็นว่าสัญญานี้เป็นสัญญาต่างตอบแทน ที่ระบุให้บริษัฯต้องสร้างโรงกลั่นขึ้นมารองรับเพื่อแปรรูปวัตถุดิบคอนเดนเสท เรสซิดิว ที่ได้จากปตท.เท่านั้น และยังเป็นสัญญาลักษณะEvergreen Basis คือ ไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด โดยสัญญาจะต่อโดยอัตโนมัติเมื่อครบกำหนด 15 ปีแรก
ส่วนการยกเลิกสัญญาจะกระทำได้ ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย หรือในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา แต่บริษัทฯไม่เคยผิดสัญญาการชำระเงินเลย จึงทำให้สัญญาไม่สามารถยกเลิกได้ จึงได้มีการเจรจากับปตท.แต่ไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างตีความในสัญญาแตกต่างกัน
”การได้รับหนังสือยกเลิกการขายวัตถุดิบครั้งนี้ บริษัทฯไม่ได้เซอร์ไพร์ส เพราะที่ผ่านมามีข่าวลือมาโดยตลอด แต่ปตท.ทำหนังสือแจ้งว่าจะปฏิบัติตามสัญญา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ และไม่มีนโยบายที่จะขายกิจการหรือร่วมทุนกับใคร เพียงแต่ขอให้สัญญาที่ทำไว้กับปตท.ดำเนินต่อไป ” นายศุภพงศ์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯได้ลงทุนสร้างโรงงานเพื่อรับคอนเดนเสทเรสซิดิวเป็นมูลค่ารวม 1พันล้านบาท โดยมีกำลังการผลิต 1.7 หมื่นบาร์เรล/วัน แต่ผลิตจริงอยู่ที่ 1.1 หมื่นบาร์เรล/วัน
นายศุภพงศ์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีหน้าว่าจะมีรายได้ประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทหากราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 320-400 ล้านบาท และค่าการกลั่นไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2 เหรียญกว่าต่อบาร์เรล ส่วนปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้รวม 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) กล่าวว่า สัญญาซื้อขายคอนเดนเสท เรสซิดิวที่ทำไว้กับระยองเพียวฯเป็นสัญญา 15 ปีหลังจากนั้นหากไม่บอกเลิกก็จะต่อสัญญาต่อไปอีก แต่ถ้าบอกเลิกสัญญาจะต้องแจ้งล่วงหน้า 1ปี ซึ่งปตท.ก็ดำเนินการตามสัญญาไว้
“ไม่มีสัญญาใดในโลกที่บอกเลิกไม่ได้ ผมเชื่อว่าเขาคิดไปเองว่าสัญญาบอกเลิกไม่ได้ ซึ่งสัญญาซื้อขายนี้มีอายุถึง 15 ปีก็เพียงพอที่ระยองเพียวฯจะคืนทุนจากการลงทุนสร้างโรงงานไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่ลงทุน ซึ่งปตท.ก็พร้อมที่จะชี้แจงในอนุญาโตตุลาการ เพราะมั่นใจว่าสัญญานี้ยกเลิกได้ “
นายชายน้อย กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ต้องบอกเลิกสัญญา เนื่องจากบริษัทฯมีโครงการคอนเดนเสท เรสซิดิว สปริทเตอร์ ซึ่งจะใช้คอนเดนเสท เรสซิดิวเป็นวัตถุดิบ โดยโครงการนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ แต่ต้องซื้อวัตถุดิบจากที่อื่นมาป้อนโครงการไปก่อนจนกว่าสัญญาที่ทำไว้กับระยองเพียวฯจะสิ้นสุดลงในปี 2555
นายศุภพงศ์ กฤษณกาญจน์ ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ระยองเพียวริฟายเออร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯขอพึ่งอนุญาโตตุลาการชี้ขาดสัญญาซื้อขายวัตถุดิบคือ คอนเดนเสท เรสซิดิวจากปตท. ภายหลังจากปตท.ได้ทำหนังสือแจ้งเมื่อวันที 30 ก.ย.นี้เพื่อขอยกเลิกสัญญาดังกล่าวเมื่อสัญญาครบ 15ปีในปี 2555 ซึ่งเป็นการแจ้งล่วงหน้า 3ปี
โดยระยองเพียวฯเห็นว่าสัญญานี้เป็นสัญญาต่างตอบแทน ที่ระบุให้บริษัฯต้องสร้างโรงกลั่นขึ้นมารองรับเพื่อแปรรูปวัตถุดิบคอนเดนเสท เรสซิดิว ที่ได้จากปตท.เท่านั้น และยังเป็นสัญญาลักษณะEvergreen Basis คือ ไม่มีกำหนดเวลาสิ้นสุด โดยสัญญาจะต่อโดยอัตโนมัติเมื่อครบกำหนด 15 ปีแรก
ส่วนการยกเลิกสัญญาจะกระทำได้ ต่อเมื่อได้รับความยินยอมจากทั้ง 2 ฝ่าย หรือในกรณีที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำผิดสัญญา แต่บริษัทฯไม่เคยผิดสัญญาการชำระเงินเลย จึงทำให้สัญญาไม่สามารถยกเลิกได้ จึงได้มีการเจรจากับปตท.แต่ไม่สามารถหาทางออกร่วมกันได้ เนื่องจากต่างฝ่ายต่างตีความในสัญญาแตกต่างกัน
”การได้รับหนังสือยกเลิกการขายวัตถุดิบครั้งนี้ บริษัทฯไม่ได้เซอร์ไพร์ส เพราะที่ผ่านมามีข่าวลือมาโดยตลอด แต่ปตท.ทำหนังสือแจ้งว่าจะปฏิบัติตามสัญญา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เรื่องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้ว และอยู่ในระหว่างการพิจารณาของอนุญาโตตุลาการ คาดว่าจะได้ข้อสรุปประมาณ 6 เดือน ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาผลประโยชน์ให้กับผู้ถือหุ้น ส่วนธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปตามปกติ และไม่มีนโยบายที่จะขายกิจการหรือร่วมทุนกับใคร เพียงแต่ขอให้สัญญาที่ทำไว้กับปตท.ดำเนินต่อไป ” นายศุภพงศ์ กล่าว
ปัจจุบันบริษัทฯได้ลงทุนสร้างโรงงานเพื่อรับคอนเดนเสทเรสซิดิวเป็นมูลค่ารวม 1พันล้านบาท โดยมีกำลังการผลิต 1.7 หมื่นบาร์เรล/วัน แต่ผลิตจริงอยู่ที่ 1.1 หมื่นบาร์เรล/วัน
นายศุภพงศ์ กล่าวถึงผลประกอบการในปีหน้าว่าจะมีรายได้ประมาณ 1.6-1.7 หมื่นล้านบาทหากราคาน้ำมันดีเซลอยู่ที่ 65 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีกำไรสุทธิประมาณ 320-400 ล้านบาท และค่าการกลั่นไม่เปลี่ยนแปลงที่ 2 เหรียญกว่าต่อบาร์เรล ส่วนปีนี้บริษัทฯจะมีรายได้รวม 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท
นายชายน้อย เผื่อนโกสุม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น จำกัด (มหาชน) (PTTAR) กล่าวว่า สัญญาซื้อขายคอนเดนเสท เรสซิดิวที่ทำไว้กับระยองเพียวฯเป็นสัญญา 15 ปีหลังจากนั้นหากไม่บอกเลิกก็จะต่อสัญญาต่อไปอีก แต่ถ้าบอกเลิกสัญญาจะต้องแจ้งล่วงหน้า 1ปี ซึ่งปตท.ก็ดำเนินการตามสัญญาไว้
“ไม่มีสัญญาใดในโลกที่บอกเลิกไม่ได้ ผมเชื่อว่าเขาคิดไปเองว่าสัญญาบอกเลิกไม่ได้ ซึ่งสัญญาซื้อขายนี้มีอายุถึง 15 ปีก็เพียงพอที่ระยองเพียวฯจะคืนทุนจากการลงทุนสร้างโรงงานไปแล้ว ไม่งั้นเขาคงไม่ลงทุน ซึ่งปตท.ก็พร้อมที่จะชี้แจงในอนุญาโตตุลาการ เพราะมั่นใจว่าสัญญานี้ยกเลิกได้ “
นายชายน้อย กล่าวต่อไปว่า สาเหตุที่ต้องบอกเลิกสัญญา เนื่องจากบริษัทฯมีโครงการคอนเดนเสท เรสซิดิว สปริทเตอร์ ซึ่งจะใช้คอนเดนเสท เรสซิดิวเป็นวัตถุดิบ โดยโครงการนี้ได้ดำเนินการแล้วเสร็จ แต่ต้องซื้อวัตถุดิบจากที่อื่นมาป้อนโครงการไปก่อนจนกว่าสัญญาที่ทำไว้กับระยองเพียวฯจะสิ้นสุดลงในปี 2555
