xs
xsm
sm
md
lg

หนุ่มสารคามถูกหลอกทำสัญญาซื้อขายรถแถมถูกไฟแนนซ์ทวงหนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

 นายสมศักดิ์  ศรีวิลัย  อายุ 37 ปี  อยู่บ้านเลขที่  84  หมู่ 6  บ้านดอนกลอย  ต.หัวขวาง  อ.โกสุมพิสัย  จ.มหาสารคาม ร้องเรียนผู้สื่อข่าวถูกเต้นท์รถมือสองในเมืองขอนแก่นหลอกทำสัญญาซื้อรถยนต์ ขณะนี้ทุกข์หนักเพราะบริษัทธนชาติส่งเจ้าหน้าที่ข่มขู่ตามทวงหนี้ค่างวดรถทั้งที่ไม่ได้รับมอบรถจากเต้นท์รถและไม่เคยจ่ายเงินดาวน์เลยแม้แต่บาทเดียว
มหาสารคาม - หนุ่มมหาสารคามตกเป็นเหยื่อแก๊งต้มตุ๋น ถูกหลอกทำสัญญาซื้อขายรถยนต์ เสียทั้งเงินรถก็ไม่ได้นั่ง แถมยังโดนทวงหนี้จากไฟแนนซ์

นายสมศักดิ์ ศรีวิลัย อายุ 37 ปี อยู่บ้านเลขที่ 84 หมู่ 6 บ้านดอนกลอย ต.หัวขวาง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม เปิดเผยต่อผู้สื่อข่าวว่า เมื่อประมาณเดือนธันวาคม ปี 2550 ที่ผ่านมา ตนได้เดินทางไปดูรถปิคอัพมือสองที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งในเขตอำเภอเมืองขอนแก่น เพื่อนำมาใช้รับจ้างบริการเครื่องเสียงตามงานหมอลำต่างๆ ซึ่งรถที่ไปดูเป็นรถปิกอัพ ยี่ห้ออีซูซุ ดีแมคซ์ สีแดง หมายเลขทะเบียน ผก 4188 ขอนแก่น จากนั้นได้มีพนักงานขายอ้างชื่อว่า นายกิติกร หรือไก่ คงดี เป็นคนแนะนำให้ตนทำสัญญาซื้อขายรถคันดังกล่าว

โดยขณะนั้นตนเพียงแค่ไปดูรถไว้เฉยๆ ยังไม่มีเงินดาวน์ และเอกสาร ตลอดจนคนค้ำประกัน ซึ่งต้องเป็นข้าราชการเท่านั้นถึงจะค้ำประกันได้ แต่กลับได้รับคำตอบจากนายกิติกรว่า ให้กรอกหลักฐานลงไปก่อน แล้วเรื่องเงินดาวน์ เงินผ่อน ค่อยว่ากันทีหลัง ซึ่งตนก็เห็นดีด้วยเลยตกลงทำสัญญากัน

หลังจากกลับมาที่บ้านไม่กี่วัน ได้มีพนักงานบริษัทไฟแนนซ์มาติดต่อตนที่บ้าน เพื่อให้กรอกเอกสารสัญญาใหม่ โดยอ้างว่าเอกสารหมดอายุ ตนไม่ได้เอะใจ จึงกรอกเอกสารให้ใหม่ และต่อมาได้มีพนักงานบริษัทฯมาที่บ้านอีกครั้งหนึ่ง โดยนำสัญญาค้ำประกันของบริษัท ธนชาติ จำกัด(มหาชน) มาให้นางดวงพร ศรีวิลัย มารดาของตนเซนต์ชื่อ โดยหลอกว่าเป็นเอกสารเกี่ยวกับที่ทำกินของทางราชการ นางดวงพร ซึ่งไม่รู้หนังสือ จึงเซนต์ชื่อให้ไป

หลังจากที่ตนกลับมาที่บ้านก็นึกเอะใจ ว่าทำไมนางดวงพรเซนต์ชื่อค้ำประกันได้ ทั้งที่เมื่อตอนที่ไปดูรถที่เต็นท์ ได้รับคำแนะนำจากพนักงานว่าต้องเป็นข้าราชการเท่านั้น

จนกระทั่งเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีหนังสือจากบริษัท ธนชาติ จำกัด(มหาชน) มีหนังสือมาหาตนที่บ้านเพื่อขอให้ชำระค่าเช่าซื้อและบอกเลิกสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ รถยนต์อีซูซุ ดีแมกซ์ สีแดง หมายเลยทะเบียน ผก 4188 ขอนแก่น โดยระบุว่าตนได้ทำการเช่าซื้อรถคันดังกล่าวเมื่อวันที่ 14 มกราคม 2551 ในราคา 557,784 บาท โดยแบ่งชำระเป็น 72 งวด งวดละ 7,747 บาท กำหนดชำระทุกวันที่ 15 ของแต่ละเดือนจนกว่าจะครบสัญญา

ปรากฏว่า ตนได้ผิดสัญญาตั้งแต่งวดที่ 2-4 รวมระยะเวลา 3 งวด รวมเป็นเงิน 23,241 บาท ซึ่งรถคันดังกล่าวตนยังไม่ได้จ่ายเงินแม้แต่บาทเดียว จะนำรถออกมาจากเต็นท์รถได้อย่างไร ตนจึงได้ไปติดต่อที่เต็นท์รถดังกล่าวอีกครั้ง ซึ่งได้รับคำตอบว่ารถปิคอัพคันดังกล่าวได้ขายให้กับลูกค้ารายอื่นไปแล้ว

แต่เมื่อเห็นว่ามีหนังสือให้ชำระค่างวดรถมาถึงตนที่บ้าน และมีจดหมายจากบริษัทฯแจ้งว่าตนไม่ส่งค่างวดรถ ซึ่งรถคันดังกล่าวตนไม่ได้ครอบครองอยู่ เกรงว่าจะได้รับความเสียหาย ตนจึงได้เข้าแจ้งความไว้กับ พ.ต.ท.ณฤทธิ์ นามมาวงษ์ ร้อยเวร สภ.โกสุมพิสัย ตั้งแต่วันที่ 4 เมษายน 2551 ที่ผ่านมา ระบุว่า ตนได้เคยทำสัญญาเช่าซื้อรถยนต์กับบริษัทธนาคารธนชาติ จำกัด(มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 14 มกราคม 2551 เพื่อเช่าซื้อรถอีซูซุ ดีแมกซ์ หมายเลขตัวถัง MP1TFR77H3T128148

โดยในสัญญาแนบเอกสารประกอบหมายเลขทะเบียนไม่ตรงกัน โดยในแบบฟอร์มให้ชำระค่างวดจะเป็นหมายเลขทะเบียน บต 6136 ประจวบคีรีขันธ์ แต่ในหนังสือสัญญาเป็นหมายเลขทะเบียน ผก 4188 ขอนแก่น ซึ่งยังไม่เคยจ่ายเงินใด ๆ เกี่ยวกับการเช่าซื้อรถ ต่อมาได้รับแบบฟอร์มการชำระเงินของบริษัท ธนชาต จำกัด (มหาชน) จึงได้ติดต่อไปที่พนักงานผู้จะจำหน่ายรถดังกล่าวที่เต้นท์รถในจังหวัดขอนแก่น ได้รับคำตอบว่ารถได้ถูกขายให้กับผู้อื่นนำไปใช้งานแล้ว ซึ่งเกรงว่าจะได้รับความเสียหายอย่างใดอย่างหนึ่งจึงได้มาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน

อย่างไรก็ตาม ตนได้มอบหมายและแต่งตั้งให้นายศุภชัย ใยแก้ว ทนายความ ดำเนินการแทนตน โดยการส่งหนังสือไประงับสัญญาในการเช่าซื้อรถกับบริษัทฯแล้ว

นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เกิดเรื่องดังกล่าว ได้มีกลุ่มบุคคลเข้ามาข่มขู่ถึงที่บ้านให้ไปชำระหนี้ที่ติดค้างบริษัทอยู่ทุกเดือน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 51 ได้มีชายฉกรรจ์เข้ามาที่บ้านอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่จากบริษัทไฟแนนซ์ถามหาตน ซึ่งขณะนั้นมีนางดวงพร ศรีวิลัย มารดาของตนอยู่บ้านเพียงคนเดียว โดยบอกว่าให้ครอบครัวของตนเตรียมย้ายออกจากบ้านไปหาที่อยู่ใหม่

โดยจะมายึดบ้าน ยึดที่นา เนื่องจากติดค้างค่างวดรถไว้ ซึ่งตนก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพราะรถคันที่เกิดปัญหาก็ไม่มี แถมยังต้องมารับใช้หนี้ไฟแนนซ์อีก ถึงตอนนี้เกรงว่าจะไม่ได้รับความปลอดภัย ตอนกลางคืนก็นอนไม่หลับ เป็นกังวลไปหมด คงเป็นเพราะตนเป็นคนซื่อ เชื่อคนง่าย จึงทำให้ต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ เหมือนเป็นการฉ้อโกงกันชัด ๆ ไม่รู้ว่าจะไปขอความเป็นธรรมกับใคร

“อยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้ที่เกี่ยวข้องให้ช่วยดำเนินการหรือติดตามเรื่องของตนให้ด้วย เพราะคิดว่าตนคงไม่ใช่รายแรกและรายสุดท้ายแน่นอน”นายสมศักดิ์ กล่าว
กรณีนายสมศักดิ์ไม่ใช่รายสุดท้ายที่ถูกเต้นท์รถมือสองและบริษัทไฟแนนซ์หลอกต้มตุ๋น เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องปราบปรามบริษัทที่มีพฤติกรรมหลอกลวงประชาชนให้หมด
กำลังโหลดความคิดเห็น