ศูนย์ข่าวภูเก็ต -นายแบงก์การันตีเศรษฐกิจและการลงทุนในภูเก็ตยังเติบโตต่อเนื่องตลอดปี 2551 โดยเฉพาะการท่องเที่ยวขยายตัวจนถึงสิ้นปีและต่อเนื่องไปปีหน้า อสังหาฯบูมสุดๆ นักลงทุนผุดทั้งที่อยู่อาศัยแบบแนวราบและแนวดิ่งที่เป็นคอนโดมิเนียม ส่งผลความต้องการสินเชื่อตลอดปีไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ราคาน้ำมันสูง เงินเฟ้อและการเมืองไม่นิ่ง ไม่ส่งผลกระทบต่อภูเก็ตมากนัก
นายพูนสิน สินธนภัทร์ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนของจังหวัดภูเก็ต ว่า ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ เป็นช่วงของการสะสมทุนและเป็นการขยายการลงทุนของจังหวัดภูเก็ตอย่างสูง จะเห็นได้จากอัตราเติบโตด้านเงินฝากและสินเชื่อของภูเก็ต จากสิ้นปี 2547 ที่มีเงินฝากประมาณ 51,431 ล้านบาท และปริมาณสินเชื่อประมาณ 39,210 ล้านบาท จนถึงเดือนมีนาคม 2551 จังหวัดภูเก็ตมีปริมาณเงินฝากรวมทั้งระบบ 69,633 ล้านบาท เติบโตประมาณ 35% ส่วนปริมาณสินเชื่อมีทั้งระบบ 80,018 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 104%
ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในปี 2551 มีแนวโน้มที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงสิ้นปีและปีหน้า มีตลาดใหม่อีกหลายประเทศที่สนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต เช่น รัสเซีย ยุโรปตะวันออก เป็นต้น รวมทั้งการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะโครงการที่ดีมีคุณภาพ ตั้งอยู่ในทะเลที่โดนใจลูกค้า จะเห็นได้ว่าหลายโครงการสามารถปิดการขายหรือขายได้หมดทั้งโครงการในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน และที่กำลังมาแรงก็คือตลาดที่อยู่อาศัยในรูปแบบอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียม ที่หลายโครงการสามารถขายหมดในเวลารวดเร็วเช่นกัน จากที่รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนภูเก็ตที่เปลี่ยนไปจากที่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ มาอยู่แบบส่วนตัวหรือคอนโดมิเนียมมากยิ่งขึ้น
นายพูนสิน เผยต่อว่า จากการที่ธุรกิจท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าความต้องการสินเชื่อในภูเก็ตสิ้นปี 2551 ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ทำให้สินเชื่อทั้งระบบของภูเก็ตอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท ซึ่งสินเชื่อที่มีความต้องการมากที่สุดคือสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท รองลงมาจะเป็นความต้องการสินเชื่อในภาคธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว
“อย่างกรณีของธนาคารธนชาต ซึ่งปีนี้หันมาให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ มียอดสินเชื่อแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมีสูงมาก” นายพูนสิน กล่าวและว่า ส่วนเงินฝากนั้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของภูเก็ตจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีปัจจัยด้านลบที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตอยู่บ้าง คือ ภาวะราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูงมาก และปัจจุบันราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สินค้าต่างๆ ต้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลายรายการ,อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงนี้ประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น
รวมทั้งการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และต่อไปการเมืองมีความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ตได้ โดยเฉพาะตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อความวุ่นวายอย่างญี่ปุ่นและยุโรปก็จะไม่เดินทางมาภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าเศรษฐกิจและการลงทุนของภูเก็ต ยังไม่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อและการเมืองที่ไม่นิ่งมากนัก เพราะยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีนักลงทุนทั้งในท้องถิ่นภูเก็ต จากส่วนกลางและต่างชาติทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หากการท่องเที่ยวของภูเก็ตยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นายพูนสิน สินธนภัทร์ ประธานชมรมธนาคารจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนของจังหวัดภูเก็ต ว่า ระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมาหลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ เป็นช่วงของการสะสมทุนและเป็นการขยายการลงทุนของจังหวัดภูเก็ตอย่างสูง จะเห็นได้จากอัตราเติบโตด้านเงินฝากและสินเชื่อของภูเก็ต จากสิ้นปี 2547 ที่มีเงินฝากประมาณ 51,431 ล้านบาท และปริมาณสินเชื่อประมาณ 39,210 ล้านบาท จนถึงเดือนมีนาคม 2551 จังหวัดภูเก็ตมีปริมาณเงินฝากรวมทั้งระบบ 69,633 ล้านบาท เติบโตประมาณ 35% ส่วนปริมาณสินเชื่อมีทั้งระบบ 80,018 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้น 104%
ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตในปี 2551 มีแนวโน้มที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ทั้งนี้เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามาภูเก็ตเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนถึงสิ้นปีและปีหน้า มีตลาดใหม่อีกหลายประเทศที่สนใจเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในภูเก็ต เช่น รัสเซีย ยุโรปตะวันออก เป็นต้น รวมทั้งการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีการเติบโตสูงมาก โดยเฉพาะโครงการที่ดีมีคุณภาพ ตั้งอยู่ในทะเลที่โดนใจลูกค้า จะเห็นได้ว่าหลายโครงการสามารถปิดการขายหรือขายได้หมดทั้งโครงการในระยะเวลาเพียงไม่กี่วัน และที่กำลังมาแรงก็คือตลาดที่อยู่อาศัยในรูปแบบอาคารชุด หรือ คอนโดมิเนียม ที่หลายโครงการสามารถขายหมดในเวลารวดเร็วเช่นกัน จากที่รูปแบบการดำเนินชีวิตของคนภูเก็ตที่เปลี่ยนไปจากที่อยู่เป็นครอบครัวใหญ่ มาอยู่แบบส่วนตัวหรือคอนโดมิเนียมมากยิ่งขึ้น
นายพูนสิน เผยต่อว่า จากการที่ธุรกิจท่องเที่ยวและอสังหาริมทรัพย์ในภูเก็ตมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าความต้องการสินเชื่อในภูเก็ตสิ้นปี 2551 ไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาท ทำให้สินเชื่อทั้งระบบของภูเก็ตอยู่ที่ 90,000 ล้านบาท ซึ่งสินเชื่อที่มีความต้องการมากที่สุดคือสินเชื่อด้านอสังหาริมทรัพย์ที่คาดว่ามีไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท รองลงมาจะเป็นความต้องการสินเชื่อในภาคธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว
“อย่างกรณีของธนาคารธนชาต ซึ่งปีนี้หันมาให้ความสำคัญกับการปล่อยสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์ มียอดสินเชื่อแล้วกว่า 2,000 ล้านบาท ซึ่งแสดงให้เห็นว่าความต้องการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยในภูเก็ตมีสูงมาก” นายพูนสิน กล่าวและว่า ส่วนเงินฝากนั้นปีนี้คาดว่าจะเพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 5,000-6,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจของภูเก็ตจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีปัจจัยด้านลบที่จะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและการเติบโตทางเศรษฐกิจของจังหวัดภูเก็ตอยู่บ้าง คือ ภาวะราคาน้ำมันที่มีความผันผวนสูงมาก และปัจจุบันราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะปรับราคาเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สินค้าต่างๆ ต้องปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นหลายรายการ,อัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น ส่งผลให้ค่าครองชีพและต้นทุนการผลิตปรับเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัวของการจับจ่ายใช้สอยในประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าช่วงนี้ประชาชนใช้จ่ายอย่างประหยัดมากขึ้น
รวมทั้งการเมืองที่ยังไม่นิ่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อการลงทุนของนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และต่อไปการเมืองมีความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของภูเก็ตได้ โดยเฉพาะตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อความวุ่นวายอย่างญี่ปุ่นและยุโรปก็จะไม่เดินทางมาภูเก็ต
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ถือว่าเศรษฐกิจและการลงทุนของภูเก็ต ยังไม่ได้รับผลกระทบที่เกิดจากราคาน้ำมัน อัตราเงินเฟ้อและการเมืองที่ไม่นิ่งมากนัก เพราะยังมีนักท่องเที่ยวเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีนักลงทุนทั้งในท้องถิ่นภูเก็ต จากส่วนกลางและต่างชาติทยอยเข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง หากการท่องเที่ยวของภูเก็ตยังเติบโตอย่างต่อเนื่อง
