นครศรีธรรมราช - ครูเมืองคอนแทบช็อกนำหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูกบริษัท โปรเจอรัล จำกัด อ้างว่า เป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ส่งจดหมายแจ้งว่า เป็นหนี้ธนาคารกว่า 4 แสนบาท วิ่งโร่แจ้งความกับตำรวจเป็นหลักฐาน อ้างบริษัทรับมอบอำนาจทวงหนี้ ข้อมูลมั่วหวั่นแก๊งต้มตุ๋น เตรียมร้องศูนย์ดำรงธรรมอีกทาง
วันนี้ (28 ต.ค.) เวลา 11.30 น.ที่ชมรมนักข่าวจังหวัดนครศรีธรรมราช นายโสภณ สำอางศรี อายุ 57 ปี ข้าราชการครูสังกัดโรงเรียนวัดสวนพล ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 7/1 หมู่ 1 ต.กำแพงเซา อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช พร้อม นางจิตรา ขุทรานนท์ อายุ 55 ปี ภรรยา นำหลักฐานเดินทางเข้าร้องเรียนขอความเป็นธรรมกรณีถูกบริษัทโปรเจอรัล จำกัด ซึ่งอ้างว่าเป็นผู้ได้รับมอบอำนาจจากธนาคารอาคารสงเคราะห์แจ้งว่า ตนเป็นหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ณ.เดือนตุลาคม 2551 ตามเลขที่เงินกู้ 088410055106 ยอดหนี้รวมดอกเบี้ยเป็นเงิน 390,955.10 บาท (สามแสนเก้าหมื่นเก้าร้อยห้าสิบห้าบาทสิบสตางค์) และขอให้ตนไปชำระภายใน 30 วัน หากพ้นกำหนดดังกล่าวทางบริษัทโปรเจอรัล จำกัด ในฐานะผู้รับมอบอำนาจโดยตรงจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
นายโสภณ สำอางศรี เปิดเผยว่า ตนเคยทำสัญญาจำนองทรัพย์สินขอกู้เงินซื้อที่ดินและบ้านกับธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขานครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2540 เลขที่เงินกู้ 075400046805 และได้ชำระหนี้ปิดบัญชีหมดแล้วเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2551 โดยธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขานครศรีธรรมราชออกใบเสร็จรับเงินให้ไว้เป็นหลักฐานและมีการไถ่ถอนทรัพย์สินคืนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แต่กลับมีหนังสือทวงหนี้จากบริษัทโปรเจอรัล จำกัด ที่อ้างว่าตามที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ฟ้องเรียกหนี้เงินกู้จากตนและได้บังคับคดีขายทรัพย์จำนองทอดตลาด
แต่ปรากฏว่า เงินที่ได้รับจากการขายทอดตลาดนั้นไม่เพียงพอในการชำระหนี้ โดยตนยังค้างชำระหนี้กับทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ 390,955.10 บาท และขอให้ตนไปชำระหนี้ภายใน 30 วันหลังจากได้รับหนังสือ
“ผมสงสัยว่าเรื่องนี้จะมีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรบางอย่าง เพราะก่อนหน้านี้ได้มีบุคคลอ้างว่าเป็นพนักงานบริษัท โปรเจอรัล จำกัด โทรศัพท์มาหาตนและพยายามที่จะสอบถามขอหมายเลข 13 หลักบัตรประจำตัวประชาชนของตนหลายครั้ง แต่ตนไม่ยอมบอก จนกระทั้งมีหนังสือแจ้งให้ตนไปชำระหนี้ดังกล่าว ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่ได้เป็นหนี้ธนาคารอาคารสงเคราะห์ตามหนังสือแจ้งของบริษัทโปรเจอรัล จำกัด แต่อย่างใด ตนจึงไปแจ้งความไว้กับ ร.ต.ท.เอกวิทย์ เกิดศิริ ร้อยเวร สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 27 ต.ค.2551 ทางร้อยเวรจึงได้โทรศัพท์ไปตรวจสอบกับบริษัทโปรเจอรัล จำกัด ทางบริษัทยืนยันว่าตนได้ทำสัญญากู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาจังหวัดประจวบคีรีขันธ์จริง ตำรวจจึงสอบถามประวัติบุคคลและข้อมูลของนายโสภณ สำอางศรี ที่ระบุว่าเป็นผู้กู้ ทางบริษัทโปรเจอรัล จำกัด จึงขอพูดโทรศัพท์กับนายโสภณ และพยายามที่จะขอหมายเลขบัตรประจำตัว 13 หลักจากนายโสภณ แต่นายโสภณ ไม่ยอมบอก ปรากฏว่าบริษัท ฯแจ้งข้อมูลไม่ตรงกับข้อมูลนายโสภณ โดยเฉพาะชื่อบิดาก็บอกว่าชื่อประเสริฐ สำอางศรี ซึ่งไม่ใช่เป็นชื่อบิดาของนายโสภณ ผู้เสียหายแต่อย่างใด นายโสภณ จึงทักท้วงโวยวายว่าบริษัทโมเมข้อมูลและกล่าวหาตนโดยไม่เป็นธรรม ทางพนักงานของบริษัทฯ จึงอ้างว่าขอเวลาตรวจสอบให้ชัดเจนอีกครั้งและจะแจ้งทางโทรศัพท์ให้ทราบภายหลัง”
นายโสภณ เปิดเผยอีกว่า หลังจากแจ้งความและตำรวจได้ลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้วตนได้เดินทางมาที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขานครศรีธรรมราช เพื่อตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น โดยจะเข้าไปพบกับฝ่ายนิติกรของธนาคาร แต่ปรากฏว่า นิติกรไม่อยู่จึงมีพนักงานผู้ชายคนหนึ่งรับที่จะตรวจสอบให้เอง โดยทำการตรวจสอบข้อมูลจากคอมพิวเตอร์ก่อนจะปริ้นข้อมูลออกมาให้ตน 2 ชุดๆ แรกเป็นข้อมูลที่ตนทำสัญญาจำนองกู้เงินซื้อที่ดินและบ้านจากธนาคารอาคารสงเคราะห์ สาขานครศรีธรรมราช ซึ่งระบุชัดเจนว่า ได้ชำระหนี้หมดแล้วและไถ่ถอนทรัพย์สินไปเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
ส่วนอีกชุดหนึ่งเป็นข้อมูลสัญญาจำนองกู้เงินระบุชื่อ นายโสภณ สำอางศรี เช่นกัน แต่กู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาประจวบคีรีขันธ์ ระบุวันเดือนปีที่กู้ เลขที่เงินกู้ก็แตกต่างกันอย่างชัดเจน จึงน่าจะสรุปได้ว่าเป็นคนละสัญญากันและ นายโสภณ สำอางศรี ก็เป็นคนละคนกัน ตนจึงขับรถกลับบ้าน
แต่ระหว่างทางพนักงานคนเดิมของบริษัทโปรเจอรัล จำกัด โทรมาหาตนพร้อมยืนยันว่าตนทำสัญญาจำนองกู้เงินจากธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขาประจวบคีรีขันธ์จริง โดยสามารถบอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ของตนได้อย่างถูกต้องทั้งๆ ที่ตอนอยู่บนโรงพักเขาแจ้งข้อมูลส่วนตัวของตนผิดทั้งหมด ตนจึงสงสัยว่าหลังจากที่ตนไปติดต่อกับธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขานครศรีธรรมราชและเจ้าหน้าที่ขอเลขบัตรประจำตัวประชาชนของตนไปตรวจสอบ ทางพนักงานของบริษัทโปรเจอรัล จำกัดจึงทราบข้อมูลส่วนตัวของตนอย่างละเอียดทันที ตนไม่แน่ใจว่าเจ้าหน้าที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์สาขานครศรีธรรมราช จะเป็นคนให้ข้อมูลเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของตนกับพนักงานบริษัทโปรเจอรัล จำกัด หรือเปล่า ตนจึงเดินทางมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับสื่อมวลชน และจะต่อสู้ในเรื่องนี้จนถึงที่สุด เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้กับประชาชนคนอื่นๆ อีก
ในขณะที่ นางจิตรา ขุทรานนท์ ภรรยาของนายโสภณ กล่าวว่า หลังจากเกิดเรื่องนี้ตนและนายโสภณ เครียดมาก เพราะอยู่ดีๆ มีจดหมายทวงหนี้บอกว่าเป็นหนี้เกือบ 4 แสนบาท และระดับธนาคารไม่น่าจะเกิดความผิดพลาดในเรื่องข้อมูลในลักษณะนี้และทางธนาคารเมื่อทางธนาคารอาคารสงเคราะห์ตรวจสอบและยืนยันว่าเป็นคนละสัญญากันหากบริษัทโปรเจอรัล จำกัด เป็นบริษัทที่ได้รับมอบหมายจากธนาคารอาคารสงเคราะห์จริง ก็น่าจะติดต่อประสานงานแก้ไขให้ถูกต้อง จึงไม่แน่ใจว่าเป็นพฤติกรรมของแก๊งมิจฉาชีพที่ข่มขู่ หลอกลวงต้มตุ๋นประชาชนหรือไม่ ซึ่งตนจะร้องเรียนขอความเป็นธรรมกับศูนย์ดำรงธรรมและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป