นครศรีธรรมราช - หลวงตาสุดซวยเจอสาวบริการรุ่นเดอะ ชิงทรัพย์ทำร้าย-มั่วอ้างค่าบริการทางเพศ โวยลั่นโรงพักอ้างคิดค่าบริการทางเพศ พระเบี้ยวไม่ยอมจ่าย ด้านพระท้าพิสูจน์อ้างหมดสมรรถภาพ ตร.รู้ทัน เผ่นจากโรงพักหายจ้อยก่อนส่งพระกลับวัด
วันนี้ (20 ส.ค.) พ.ต.ท.บุญเชิญ ชูเสือหึง สวส.เวร สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้หญิงทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์พระภิกษุชรา บริเวณสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจรีบรุดไปตรวจสอบ พบคู่กรณีทราบชื่อ นางยอด (นามสมมติ) อายุ 53 ปี มีภูมิเนาเดิมอยู่ อ.ระโนด จ.สงขลา ในปัจจุบันเช่าห้องแถวอยู่ในซอย 3 ชุมชนสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กำลังดุด่าและตรงฉุดกระชากลากถูและตบตีพระเจริญ ฐานธมฺโม (อักษรสิทธิ์) อายุ 73 ปี พระลูกวัดเทพมงคล หมู่ 2 ต.ควนเกย อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตาข้างซ้ายพิการบอดสนิท จนพระเจริญ จนล้มลุกคลุกคลานอย่างไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
นอกจากนี้ นางยอด ยังชี้หน้าดุด่าพระเจริญ อย่างหยาบคายจนผู้คนจำนวนมากทนไม่ไหวต้องเข้าไปด่าทอนางยอดตอบโต้แทนพระเจริญ จนหญิงสาวคนหนึ่งถูกนางยอด ตบหน้าไปอย่างแรง 1 ครั้งฐานยุ่งเรื่องของคนอื่นๆ จนหญิงสาวคนดังกล่าวโกรธแค้นอย่างหนักตรงเข้าไปจะทำร้ายนางยอดเพื่อตอบโต้ จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปแยกจากกัน
จากการตรวจค้น นางยอด พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียของพระเจริญ 1 เครื่อง เงินสดอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นของพระเจริญเช่นกัน จึงเชิญพระเจริญ และนางยอด มาสอบสวนที่โรงพัก โดยมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งตามมาด้วย
เมื่อมาถึงโรงพักนางยอด ได้ตะโกนโวยวายเหมือนคนเมาสุราหรือยาเสพติดจนควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ โดยชี้หน้าด่าทอพระเจริญอย่างหยาบคาสาดเสียเทเสีย และอ้างว่าเงินและโทรศัพท์ที่เอาจากพระเจริญนั้นเป็นค่าบริการทางเพศ ที่ตนเคยให้บริการทางเพศกับพระเจริญ จนสำเร็จความใคร่ 2 ครั้ง และยังทำออรัลเซ็กซ์ให้กับพระเจริญด้วย โดยพระเจริญ บอกว่า มาทีหลังจะให้เงิน 3,000 บาท หลังจากนั้นพระเจริญ ก็หายหน้าหลบหนีไป เมื่อตนมาพบพระเจริญที่สถานีรถไฟจึงเข้าไปทวงเงิน แต่พระเจริญ ไม่ยอมพูดจาด้วย ตนจึงค้นในย่ามเอาเงิน 280 บาทและโทรศัพท์มือถือของพระเจริญ เพื่อเป็นค่าบริการทางเพศตามสัญญาที่พระเจริญให้ไว้ แต่พระเจริญ ไม่ยอมให้จึงเกิดการแช่งชิงกันขึ้นจนมีชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งตำรวจดังกล่าว
“ฉันไม่ยอมฉันจะต้องให้ตำรวจสึกพระบ้ากามรายนี้ให้ได้ เป็นพระอะไรหลอกลวงให้ฉันให้ร่วมหลับนอนและทำออรัลเซ็กซ์จนสำเร็จความใคร่ 2 ครั้ง และบอกว่า จะให้เงินฉัน 3,000 บาท แต่กลับเบี้ยวฉันไม่ยอม นางยอดพูดในลักษณะตะโกนจนลั่นโรงพักและตรงเข้าไปชี้หน้าและจะทำร้ายร่างกายพระเจริญ จนตำรวจต้องเข้าไปขวางและพานางยอด ออกมาจากห้องสอบสวน แต่นางยอดก็ยังพูดจาด่าทอพระเจริญอย่างหยาบคายรุนแรงจนเป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาติดต่อราชการบนโรงพัก
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามเรื่องราวจากพระเจริญ คู่กรณีโดยพระเจริญ ได้เล่าว่าเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา อาตมาเดินทางด้วยขบวนรถไฟมาซื้อยาแก้โรคหวัดและภูมิแพ้ เมื่อขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชอาตมาได้เดินลงจากขบวนรถไฟ ก็ได้มีนางยอด คู่กรณีเดินทางเข้าไปหาและนั่งลงก้มกราบอาตมา 3 ครั้ง อย่างเสื่อมใสศรัทธา จากนั้นได้นิมนต์อาตมาไปฉันภัตตาหารเพลที่บ้าน โดยบอกว่าอาศัยอยู่ในชุมชนสถานีรถไฟไม่ไกลจากสถานีมากนัก อาตมาจึงรับกิจนิมนต์และเดินตามไปบ้านของนางยอด แต่เมื่อไปถึงพบว่าเป็นชุมชนแออัดมีผู้หญิงกว่า 10 คน เช่าห้องแถวอยู่กันเป็นห้องๆ และพูดจากันอย่างหยาบคายอย่างไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน อาตมาเห็นว่าเป็นสถานที่ไม่เหมาะสม จึงตัดสินใจเดินทางกลับไปซื้อยาที่ร้าน “เชาว์เภสัช” ก่อนจะรีบเดินทางกลับวัดไปทันที
จนกระทั่งในวันนี้ (20 ส.ค.) ได้โดยสารรถไฟเดินทางมาในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อซื้อยาแก้หวัดและภูมิแพ้เหมือนเดิม หลังจากลงจากขบวนรถพระเจริญ ก็เดินทางมานั่ง ที่ม้านั่งที่ทางการรถไฟจัดไว้ในสถานี นางยอดเห็นอาตมาก็ตรงเข้ามานั่งใกล้ ๆ พยายามชวนอาตมาคุยต่างๆ นานา แต่อาตมา ไม่ยอมคุยด้วยเพราะแน่ใจว่านางยอด ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปๆ พูดจาหยาบคายไม่อยู่กับร่องกับรอยและไม่เกรงใจใคร
นางยอด จึงถือวิสาสะหยิบย่ามของอาตมาไปตรวจค้นก่อนจะหยิบเอาเงินสดรวม 250 บาท เป็นฉบับละ 100 บาท 1 ฉบับๆ ละ 20 บาท 4 ฉบับ และเหรียญบาท เหรียญ 1 บาท เหรียญ 5 บาทและ เหรียญ 10 บาท รวมกันประมาณ 70 บาท และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง อาตมาจึงขอเงินและโทรศัพท์คืนแต่นางยอดไม่ยอมคืนให้ พร้อมกับตรงเข้ามาผลักอาตมาจนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น
“สำหรับเรื่องที่นางยอดอ้างว่า อาตมาเคยมีเพศสัมพันธ์กับนางยอด 2 ครั้ง และอาตมาสัญญาว่าจะให้เงิน 3,000 บาท อาตมาขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง อาตมาอายุปูนนี้แล้วและเป็นบวชพระภิกษุมานาน 15 พรรษา ไม่เคยคิดถึงเรื่องบัดสีบัดเถลิงตามที่ถูกเขากล่าวหา ประกอบอาตมาหมดสมรรถภาพทางเพศไปตั้งแต่ก่อนบวชเป็นพระภิกษุ และขอท้าไปตรวจทางการแพทย์ก็ได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับนางยอด อาตมาเป็นพระภิกษุบ้านนอกไม่คาดคิดมาก่อนว่าในสังคมเมือง ผู้คนจะมีจิตใจต่ำช้าถึงขนาดนี้ อย่างไรก็ตามอาตมาไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับนางยอด เพราะเสียเวลาและไม่เป็นผลดีกับอาตมาแน่ เพียงแต่ขอเงินและโทรศัพท์คืนเท่านั้น”
ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านทั้งที่อาศัยอยู่ในชุมชนสถานีรถไฟและที่รู้จักนางยอด ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจ ว่า นางยอดมีพฤติกรรมในการหากินในลักษณะนี้จนเป็นที่ทราบกันของชาวบ้านทั่วๆ ไป แต่ไม่มีงานการทำเป็นหลักแหล่งเตร็ดเตร่หากิน โดยการเสนอขายบริการทางเพศกับผู้ชายแก่ๆ หรือพวกขี้เมาครั้งละ 10-50 บาท และยังมีพฤติกรรมเรื่องลักเล็กขโมยน้อยหากนางยอดไปป้วนเปี้ยนเพื่อนบ้านต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และเชื่อว่า นางยอดคงจะใส่ร้ายป้ายสีพระเจริญ เพื่อเรียกค่าเสียหายและตามปกตินางยอดถือเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านและไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนมาเช่าห้องแถวเล็กๆ ในชุมชนสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชนานนับสิบปีแล้วและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเงินและโทรศัพท์ของพระเจริญ จาก นางยอด มาคืนให้กับพระเจริญ ในขณะที่นางยอดเห็นท่าไม่ดี ตะโกนบอกตำรวจว่าช่วยสึกพระเจริญด้วย หลังจากนั้นจึงวิ่งลงจากโรงพักหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพระเจริญ ยืนยันกับตำรวจว่าไม่ติดใจเอาเรื่องเอาความกับนางยอดและคงไม่กล้าเดินทางเข้ามาในตัวเมืองนครศรีธรรมราชอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุญาตให้พระเจริญ เดินทางกลับไป
วันนี้ (20 ส.ค.) พ.ต.ท.บุญเชิญ ชูเสือหึง สวส.เวร สภ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้หญิงทำร้ายร่างกายและชิงทรัพย์พระภิกษุชรา บริเวณสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช จึงพร้อมด้วยกำลังตำรวจรีบรุดไปตรวจสอบ พบคู่กรณีทราบชื่อ นางยอด (นามสมมติ) อายุ 53 ปี มีภูมิเนาเดิมอยู่ อ.ระโนด จ.สงขลา ในปัจจุบันเช่าห้องแถวอยู่ในซอย 3 ชุมชนสถานีรถไฟนครศรีธรรมราช อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช กำลังดุด่าและตรงฉุดกระชากลากถูและตบตีพระเจริญ ฐานธมฺโม (อักษรสิทธิ์) อายุ 73 ปี พระลูกวัดเทพมงคล หมู่ 2 ต.ควนเกย อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งตาข้างซ้ายพิการบอดสนิท จนพระเจริญ จนล้มลุกคลุกคลานอย่างไม่คำนึงถึงความเหมาะสม
นอกจากนี้ นางยอด ยังชี้หน้าดุด่าพระเจริญ อย่างหยาบคายจนผู้คนจำนวนมากทนไม่ไหวต้องเข้าไปด่าทอนางยอดตอบโต้แทนพระเจริญ จนหญิงสาวคนหนึ่งถูกนางยอด ตบหน้าไปอย่างแรง 1 ครั้งฐานยุ่งเรื่องของคนอื่นๆ จนหญิงสาวคนดังกล่าวโกรธแค้นอย่างหนักตรงเข้าไปจะทำร้ายนางยอดเพื่อตอบโต้ จนเจ้าหน้าที่ต้องเข้าไปแยกจากกัน
จากการตรวจค้น นางยอด พบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกียของพระเจริญ 1 เครื่อง เงินสดอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเป็นของพระเจริญเช่นกัน จึงเชิญพระเจริญ และนางยอด มาสอบสวนที่โรงพัก โดยมีชาวบ้านจำนวนหนึ่งตามมาด้วย
เมื่อมาถึงโรงพักนางยอด ได้ตะโกนโวยวายเหมือนคนเมาสุราหรือยาเสพติดจนควบคุมสติอารมณ์ไม่อยู่ โดยชี้หน้าด่าทอพระเจริญอย่างหยาบคาสาดเสียเทเสีย และอ้างว่าเงินและโทรศัพท์ที่เอาจากพระเจริญนั้นเป็นค่าบริการทางเพศ ที่ตนเคยให้บริการทางเพศกับพระเจริญ จนสำเร็จความใคร่ 2 ครั้ง และยังทำออรัลเซ็กซ์ให้กับพระเจริญด้วย โดยพระเจริญ บอกว่า มาทีหลังจะให้เงิน 3,000 บาท หลังจากนั้นพระเจริญ ก็หายหน้าหลบหนีไป เมื่อตนมาพบพระเจริญที่สถานีรถไฟจึงเข้าไปทวงเงิน แต่พระเจริญ ไม่ยอมพูดจาด้วย ตนจึงค้นในย่ามเอาเงิน 280 บาทและโทรศัพท์มือถือของพระเจริญ เพื่อเป็นค่าบริการทางเพศตามสัญญาที่พระเจริญให้ไว้ แต่พระเจริญ ไม่ยอมให้จึงเกิดการแช่งชิงกันขึ้นจนมีชาวบ้านโทรศัพท์มาแจ้งตำรวจดังกล่าว
“ฉันไม่ยอมฉันจะต้องให้ตำรวจสึกพระบ้ากามรายนี้ให้ได้ เป็นพระอะไรหลอกลวงให้ฉันให้ร่วมหลับนอนและทำออรัลเซ็กซ์จนสำเร็จความใคร่ 2 ครั้ง และบอกว่า จะให้เงินฉัน 3,000 บาท แต่กลับเบี้ยวฉันไม่ยอม นางยอดพูดในลักษณะตะโกนจนลั่นโรงพักและตรงเข้าไปชี้หน้าและจะทำร้ายร่างกายพระเจริญ จนตำรวจต้องเข้าไปขวางและพานางยอด ออกมาจากห้องสอบสวน แต่นางยอดก็ยังพูดจาด่าทอพระเจริญอย่างหยาบคายรุนแรงจนเป็นที่สนใจของเจ้าหน้าที่ตำรวจ และผู้คนจำนวนมากที่เดินทางมาติดต่อราชการบนโรงพัก
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบถามเรื่องราวจากพระเจริญ คู่กรณีโดยพระเจริญ ได้เล่าว่าเมื่อประมาณ 1 เดือนที่ผ่านมา อาตมาเดินทางด้วยขบวนรถไฟมาซื้อยาแก้โรคหวัดและภูมิแพ้ เมื่อขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชอาตมาได้เดินลงจากขบวนรถไฟ ก็ได้มีนางยอด คู่กรณีเดินทางเข้าไปหาและนั่งลงก้มกราบอาตมา 3 ครั้ง อย่างเสื่อมใสศรัทธา จากนั้นได้นิมนต์อาตมาไปฉันภัตตาหารเพลที่บ้าน โดยบอกว่าอาศัยอยู่ในชุมชนสถานีรถไฟไม่ไกลจากสถานีมากนัก อาตมาจึงรับกิจนิมนต์และเดินตามไปบ้านของนางยอด แต่เมื่อไปถึงพบว่าเป็นชุมชนแออัดมีผู้หญิงกว่า 10 คน เช่าห้องแถวอยู่กันเป็นห้องๆ และพูดจากันอย่างหยาบคายอย่างไม่เคยได้ยินได้ฟังมาก่อน อาตมาเห็นว่าเป็นสถานที่ไม่เหมาะสม จึงตัดสินใจเดินทางกลับไปซื้อยาที่ร้าน “เชาว์เภสัช” ก่อนจะรีบเดินทางกลับวัดไปทันที
จนกระทั่งในวันนี้ (20 ส.ค.) ได้โดยสารรถไฟเดินทางมาในตัวเมืองนครศรีธรรมราช เพื่อซื้อยาแก้หวัดและภูมิแพ้เหมือนเดิม หลังจากลงจากขบวนรถพระเจริญ ก็เดินทางมานั่ง ที่ม้านั่งที่ทางการรถไฟจัดไว้ในสถานี นางยอดเห็นอาตมาก็ตรงเข้ามานั่งใกล้ ๆ พยายามชวนอาตมาคุยต่างๆ นานา แต่อาตมา ไม่ยอมคุยด้วยเพราะแน่ใจว่านางยอด ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปๆ พูดจาหยาบคายไม่อยู่กับร่องกับรอยและไม่เกรงใจใคร
นางยอด จึงถือวิสาสะหยิบย่ามของอาตมาไปตรวจค้นก่อนจะหยิบเอาเงินสดรวม 250 บาท เป็นฉบับละ 100 บาท 1 ฉบับๆ ละ 20 บาท 4 ฉบับ และเหรียญบาท เหรียญ 1 บาท เหรียญ 5 บาทและ เหรียญ 10 บาท รวมกันประมาณ 70 บาท และโทรศัพท์มือถืออีก 1 เครื่อง อาตมาจึงขอเงินและโทรศัพท์คืนแต่นางยอดไม่ยอมคืนให้ พร้อมกับตรงเข้ามาผลักอาตมาจนเกิดการยื้อแย่งกันขึ้น
“สำหรับเรื่องที่นางยอดอ้างว่า อาตมาเคยมีเพศสัมพันธ์กับนางยอด 2 ครั้ง และอาตมาสัญญาว่าจะให้เงิน 3,000 บาท อาตมาขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง อาตมาอายุปูนนี้แล้วและเป็นบวชพระภิกษุมานาน 15 พรรษา ไม่เคยคิดถึงเรื่องบัดสีบัดเถลิงตามที่ถูกเขากล่าวหา ประกอบอาตมาหมดสมรรถภาพทางเพศไปตั้งแต่ก่อนบวชเป็นพระภิกษุ และขอท้าไปตรวจทางการแพทย์ก็ได้ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีเพศสัมพันธ์กับนางยอด อาตมาเป็นพระภิกษุบ้านนอกไม่คาดคิดมาก่อนว่าในสังคมเมือง ผู้คนจะมีจิตใจต่ำช้าถึงขนาดนี้ อย่างไรก็ตามอาตมาไม่อยากเอาเรื่องเอาราวกับนางยอด เพราะเสียเวลาและไม่เป็นผลดีกับอาตมาแน่ เพียงแต่ขอเงินและโทรศัพท์คืนเท่านั้น”
ในขณะเดียวกัน ชาวบ้านทั้งที่อาศัยอยู่ในชุมชนสถานีรถไฟและที่รู้จักนางยอด ได้ให้ข้อมูลกับตำรวจ ว่า นางยอดมีพฤติกรรมในการหากินในลักษณะนี้จนเป็นที่ทราบกันของชาวบ้านทั่วๆ ไป แต่ไม่มีงานการทำเป็นหลักแหล่งเตร็ดเตร่หากิน โดยการเสนอขายบริการทางเพศกับผู้ชายแก่ๆ หรือพวกขี้เมาครั้งละ 10-50 บาท และยังมีพฤติกรรมเรื่องลักเล็กขโมยน้อยหากนางยอดไปป้วนเปี้ยนเพื่อนบ้านต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ และเชื่อว่า นางยอดคงจะใส่ร้ายป้ายสีพระเจริญ เพื่อเรียกค่าเสียหายและตามปกตินางยอดถือเป็นคนไม่มีหัวนอนปลายเท้า ไม่มีสำเนาทะเบียนบ้านและไม่มีบัตรประจำตัวประชาชนมาเช่าห้องแถวเล็กๆ ในชุมชนสถานีรถไฟนครศรีธรรมราชนานนับสิบปีแล้วและเที่ยวเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆ
เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำเงินและโทรศัพท์ของพระเจริญ จาก นางยอด มาคืนให้กับพระเจริญ ในขณะที่นางยอดเห็นท่าไม่ดี ตะโกนบอกตำรวจว่าช่วยสึกพระเจริญด้วย หลังจากนั้นจึงวิ่งลงจากโรงพักหายไปอย่างรวดเร็ว ส่วนพระเจริญ ยืนยันกับตำรวจว่าไม่ติดใจเอาเรื่องเอาความกับนางยอดและคงไม่กล้าเดินทางเข้ามาในตัวเมืองนครศรีธรรมราชอีก เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงอนุญาตให้พระเจริญ เดินทางกลับไป