MACO เบรกงานป้ายโฆษณา 10 ป้ายที่เหลือ หลังเศรษฐกิจชะลอ ไม่เอื้อต่อการลงทุน ขณะที่เดินหน้าโครงการป้ายเซ็นเตอร์พ้อยท์แอด เซ็นทรัลเวิลด์ เพื่อแล้วเสร็จตามแผน ส่วนแผนการเจรจาโครงการใหม่ยังไม่สรุป เผยปีนี้รายได้โตกว่าปี 50 แน่
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ( MACO ) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าผลงานของบริษัทโดยรวมปีนี้ จะดีกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าโดยภาพรวมของบริษัทอื่นและอุตสาหกรรมต่าง ๆ สื่อโฆษณาจะดูไม่คึกคักและซบเซาไปบ้าง เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ MACO กลับได้รับผลดีจากงานเก่าที่ทะยอยรับรู้รายได้มาจากปีที่ผ่านมา
แม้ก่อนหน้านี้ มองว่าภาพรวมของเศรษฐกิจครึ่งปีหลังประเมินยาก เพราะภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง แต่ในการดำเนินของบริษัทก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงาน โดยเฉพาะแผนการลงทุนที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ก็ยังดำเนินต่อไปอาจปรับบ้างเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ เพราะแต่ละโครงการเป็นงานเก่าที่ทำต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกันก็พร้อมสำหรับโครงการใหม่ ที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ ซึ่งบริษัทก็พร้อมเข้าศึกษาเพื่อลงทุนและเดินหน้าโดยไม่ลังเล ภายใต้เงื่อนไขค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวาในช่วงที่เศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน
สำหรับโครงการที่ต่อเนื่องจากเดิม คืองานสัมปทานป้ายโฆษณาแบบไตรวิชั่นบนพื้นที่เสาตอม่อสะพานข้ามทางแยกของ กรุงเทพมหานคร (Fly Over ) จำนวน 20 แห่ง ขณะนี้ได้ ดำเนินการแล้ว 10 แห่ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังเหลืออีก 10 สะพาน ซึ่งบริษัทฯเตรียมที่จะดำเนินการปรับ พื้นที่และติดตั้งป้ายโฆษณาต่อหลังจากนี้ เช่น สะพานข้ามทางแยกรัชโยธิน สะพานข้ามทางแยกพระรามเก้า สะพานข้ามทางแยกอโศก สะพานข้ามทางแยกคลองตัน โดยคาดว่าต้องใช้งบประมาณรวม 80-90 ล้านบาท
" แต่ในส่วนที่เหลือเราต้องเบรกไว้ก่อน เพราะขณะนี้กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนและบูรณะป้ายโฆษณาบนสะพานตามแผนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโครงการของส่วนที่เหลือได้ประมาณไตรมาส 3 ปีหน้า " นายนพดลกล่าว
ทั้งนี้ การชะลอลงทุนในส่วนที่เหลือ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ และไม่เหมาะกับการลงทุนเท่าใดนัก ดังนั้น MACO จึงหันมาให้ความสำคัญในการติดตั้งและลงทุนสื่อโฆษณาในรูปแบบใหม่ ๆ ที่โครงการเซ็นเตอร์พ้อยท์แอด เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งบริษัทฯได้รับสัมปทานพื้นที่มา จึงเดินหน้าเตรียมดำเนินงานให้ต่อเนื่องและแล้วเสร็จ ส่วนงานโครงการใหม่บางส่วนที่อยู่ระหว่างเจรจานั้น ยังไม่ได้สรุปผลแต่อย่างใด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมบอร์ดบริษัท เพื่อหารือ
สำหรับ ผลประกอบการของบริษัทฯไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 51 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 3.91 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.74 ล้านบาท หรือลดลง 66.69% โดยบริษัทมีรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 113.54 ล้านบาทและรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 122.22 ล้านบาท ที่ไตรมาส 3/50 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบบริษัทฯมีรายได้ลดลง 8.68 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 7.11% สืบเนื่องจากรายได้ของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมยังคงมีอัตราที่ลดลงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้รวมถึงผลกระทบจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจการเมืองภายในประเทศ และทางด้านการเงินของทั่วโลก ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ และประกอบกับมีการตั้งมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้สินค้าต่างตอบแทน ทำให้กำไรสุทธิงบการเงินรวมของไตรมาส 3/51 ต่ำกว่าไตรมาส 3/50 จำนวน 7.82 ล้านบาท หรือลดลงในอัตรา 66.62 %
โดยผลประกอบการงบการเงินรวมสำหรับ 9 เดือนในปี 2551 มีรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 354.24 ล้านบาท และ 9 เดือนในปี 2550 บริษัทฯมีรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 358.03 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ บริษัทฯ มีรายได้ลดลง 3.79 ล้านบาทหรือเทียบเท่าอัตราลดลง 1.06 % และ กำไรสุทธิ 9เดือนในปี 2551 สูงกว่า 9 เดือนในปี 2550 เป็นจำนวน 7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 33.87 %
นายนพดล ตัณศลารักษ์ ประธานกรรมการ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) ( MACO ) เปิดเผยว่าปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่าผลงานของบริษัทโดยรวมปีนี้ จะดีกว่าปีที่แล้ว แม้ว่าโดยภาพรวมของบริษัทอื่นและอุตสาหกรรมต่าง ๆ สื่อโฆษณาจะดูไม่คึกคักและซบเซาไปบ้าง เนื่องจากผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ MACO กลับได้รับผลดีจากงานเก่าที่ทะยอยรับรู้รายได้มาจากปีที่ผ่านมา
แม้ก่อนหน้านี้ มองว่าภาพรวมของเศรษฐกิจครึ่งปีหลังประเมินยาก เพราะภาวะราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้กำลังซื้อผู้บริโภคลดลง แต่ในการดำเนินของบริษัทก็ยังคงเดินหน้าตามแผนงาน โดยเฉพาะแผนการลงทุนที่เตรียมไว้ล่วงหน้า ก็ยังดำเนินต่อไปอาจปรับบ้างเล็กน้อยเพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ เพราะแต่ละโครงการเป็นงานเก่าที่ทำต่อเนื่องมาก่อนหน้านี้แล้ว ขณะเดียวกันก็พร้อมสำหรับโครงการใหม่ ที่น่าสนใจและมีความเป็นไปได้ ซึ่งบริษัทก็พร้อมเข้าศึกษาเพื่อลงทุนและเดินหน้าโดยไม่ลังเล ภายใต้เงื่อนไขค่อยเป็นค่อยไปไม่หวือหวาในช่วงที่เศรษฐกิจเช่นปัจจุบัน
สำหรับโครงการที่ต่อเนื่องจากเดิม คืองานสัมปทานป้ายโฆษณาแบบไตรวิชั่นบนพื้นที่เสาตอม่อสะพานข้ามทางแยกของ กรุงเทพมหานคร (Fly Over ) จำนวน 20 แห่ง ขณะนี้ได้ ดำเนินการแล้ว 10 แห่ง ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ยังเหลืออีก 10 สะพาน ซึ่งบริษัทฯเตรียมที่จะดำเนินการปรับ พื้นที่และติดตั้งป้ายโฆษณาต่อหลังจากนี้ เช่น สะพานข้ามทางแยกรัชโยธิน สะพานข้ามทางแยกพระรามเก้า สะพานข้ามทางแยกอโศก สะพานข้ามทางแยกคลองตัน โดยคาดว่าต้องใช้งบประมาณรวม 80-90 ล้านบาท
" แต่ในส่วนที่เหลือเราต้องเบรกไว้ก่อน เพราะขณะนี้กรุงเทพมหานคร อยู่ระหว่างการปรับเปลี่ยนและบูรณะป้ายโฆษณาบนสะพานตามแผนของกรุงเทพมหานคร ซึ่งคาดว่าจะเริ่มโครงการของส่วนที่เหลือได้ประมาณไตรมาส 3 ปีหน้า " นายนพดลกล่าว
ทั้งนี้ การชะลอลงทุนในส่วนที่เหลือ เพราะภาวะเศรษฐกิจที่ไม่เอื้อ และไม่เหมาะกับการลงทุนเท่าใดนัก ดังนั้น MACO จึงหันมาให้ความสำคัญในการติดตั้งและลงทุนสื่อโฆษณาในรูปแบบใหม่ ๆ ที่โครงการเซ็นเตอร์พ้อยท์แอด เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งบริษัทฯได้รับสัมปทานพื้นที่มา จึงเดินหน้าเตรียมดำเนินงานให้ต่อเนื่องและแล้วเสร็จ ส่วนงานโครงการใหม่บางส่วนที่อยู่ระหว่างเจรจานั้น ยังไม่ได้สรุปผลแต่อย่างใด เพราะขณะนี้อยู่ระหว่างการประชุมบอร์ดบริษัท เพื่อหารือ
สำหรับ ผลประกอบการของบริษัทฯไตรมาส 3 สิ้นสุด 30 กันยายน 51 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 3.91 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 11.74 ล้านบาท หรือลดลง 66.69% โดยบริษัทมีรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 113.54 ล้านบาทและรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 122.22 ล้านบาท ที่ไตรมาส 3/50 ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบบริษัทฯมีรายได้ลดลง 8.68 ล้านบาท คิดเป็นอัตราลดลง 7.11% สืบเนื่องจากรายได้ของบริษัทย่อยและบริษัทร่วมยังคงมีอัตราที่ลดลงไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้รวมถึงผลกระทบจากภายนอกไม่ว่าจะเป็นทางด้านเศรษฐกิจการเมืองภายในประเทศ และทางด้านการเงินของทั่วโลก ยังเป็นปัจจัยที่สำคัญ และประกอบกับมีการตั้งมีการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญสำหรับลูกหนี้สินค้าต่างตอบแทน ทำให้กำไรสุทธิงบการเงินรวมของไตรมาส 3/51 ต่ำกว่าไตรมาส 3/50 จำนวน 7.82 ล้านบาท หรือลดลงในอัตรา 66.62 %
โดยผลประกอบการงบการเงินรวมสำหรับ 9 เดือนในปี 2551 มีรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 354.24 ล้านบาท และ 9 เดือนในปี 2550 บริษัทฯมีรายได้จากการบริการและขายสินค้ารวม 358.03 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบ บริษัทฯ มีรายได้ลดลง 3.79 ล้านบาทหรือเทียบเท่าอัตราลดลง 1.06 % และ กำไรสุทธิ 9เดือนในปี 2551 สูงกว่า 9 เดือนในปี 2550 เป็นจำนวน 7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตรา 33.87 %
