ASTVผู้จัดการรายวัน - ก.ล.ต. เตรียมออกเกณฑ์กำหนดคุณสมบัติกรรมการและผู้บริหาร บจ. หวังป้องการแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน-เอาเปรียบผู้ถือหุ้น ส่งผลให้ขาดความเชื่อถือในการลงทุนของนักลงทุน เปิดรับฟังความคิดเห็นถึง 30 ธ.ค.นี้
สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดที่จะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะของกรรมการและผู้บริหารที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์เสนอขายต่อประชาชนและบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อเป็นมาตรการในการดำเนินการกับผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีลักษณะไม่เหมาะสมดังกล่าวดำรงอยู่ในตำแหน่งที่สามารถแสวงหาประโยชน์ส่วนตนและเอาเปรียบผู้ถือหุ้น อันอาจทำให้บริษัทโดยรวมขาดความน่าเชื่อถือในการลงทุนได้
โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้กำหนดลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มตามที่มาของลักษณะการขาด ความน่าไว้วางใจและการใช้ดุลยพินิจ คือ (1) กลุ่มที่ไม่ต้องใช้ดุลยพินิจ (2) กลุ่มที่ต้องใช้ดุลยพินิจบางส่วน เนื่องจากเป็นการอ้างอิงผลการพิจารณาของหน่วยงานอื่น และ (3) กลุ่มที่ต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี นอกจากนี้ยังได้กำหนดลักษณะ ขั้นตอนการพิจารณา และสิทธิในการชี้แจงและอุทธรณ์ รวมถึงการมีผลเมื่อบุคคลเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเหล่านั้นด้วย
ในการนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่หลักการและร่างประกาศดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) จึงขอเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.52
สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) มีแนวคิดที่จะกำหนดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับลักษณะของกรรมการและผู้บริหารที่แสดงถึงการขาดความเหมาะสมที่จะได้รับความไว้วางใจให้บริหารจัดการกิจการของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์เสนอขายต่อประชาชนและบริษัทจดทะเบียน (บจ.) เพื่อเป็นมาตรการในการดำเนินการกับผู้มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ที่มีลักษณะไม่เหมาะสมดังกล่าวดำรงอยู่ในตำแหน่งที่สามารถแสวงหาประโยชน์ส่วนตนและเอาเปรียบผู้ถือหุ้น อันอาจทำให้บริษัทโดยรวมขาดความน่าเชื่อถือในการลงทุนได้
โดยหลักเกณฑ์ดังกล่าวได้กำหนดลักษณะที่ไม่เหมาะสม โดยแบ่งเป็น 3 กลุ่มตามที่มาของลักษณะการขาด ความน่าไว้วางใจและการใช้ดุลยพินิจ คือ (1) กลุ่มที่ไม่ต้องใช้ดุลยพินิจ (2) กลุ่มที่ต้องใช้ดุลยพินิจบางส่วน เนื่องจากเป็นการอ้างอิงผลการพิจารณาของหน่วยงานอื่น และ (3) กลุ่มที่ต้องใช้ดุลยพินิจในการพิจารณาข้อเท็จจริงเป็นรายกรณี นอกจากนี้ยังได้กำหนดลักษณะ ขั้นตอนการพิจารณา และสิทธิในการชี้แจงและอุทธรณ์ รวมถึงการมีผลเมื่อบุคคลเข้าข่ายมีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจเหล่านั้นด้วย
ในการนี้ ก.ล.ต. ได้เผยแพร่หลักการและร่างประกาศดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ของ ก.ล.ต. (www.sec.or.th) จึงขอเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจร่วมแสดงความคิดเห็นได้จนถึงวันที่ 30 ธ.ค.52
