การเปิดตัว นักรบระบอบทักษิณชุดใหม่ ที่หันมาใช้งานคนระดับ อดีตผู้พิพากษา – อดีตนายทหาร จปร.9 - อดีตแม่ทัพภาค 3 มือไม้คณะรัฐประหาร หรือแม้แต่อดีตนายพลผู้เคยปฏิญาณตนจะพลีชีพเพื่อปกป้องสถาบันจนกว่าชีวิต “จะหาไม่” ล้วนเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นถึงทิศทางการปรับกระบวนยุทธ์ครั้งใหญ่สุด ของนักโทษชายตักขี้ – ชินไวอากร้า
เพราะศึกนี้ใหญ่หลวงนัก เกินกว่าจะปล่อยให้สามเกลอหัวขวดบัญชาการรบแบบไร้ทิศทางต่อไป เพราะศึกสุดท้ายมีเส้นตาย คือ คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7 หมื่น 6 พันล้านเป็นเดิมพัน
เป็นเดิมพันที่มีมูลค่าสูงลิบลิ่ว ไม่ใช่แค่เงิน 7 หมื่นกว่าล้าน แต่คดีดังกล่าวยังจะเป็นใบเสร็จมัดทรราชหน้าเหลี่ยมในข้อกล่าวหาร้ายแรงอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น ฟอกเงิน ปั่นหุ้น หลบเลี่ยงการตรวจสอบ หนีภาษี และฉกฉวยผลประโยชน์ทับซ้อนจากนโยบายรัฐบาลของตนเอง
ใบเสร็จดังกล่าวไม่ได้จะมัดแต่ตนเอง และภรรยา หากแต่จะถูกโยงใยไปถึงลูกทั้งสาม ที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจ แต่ถูกบุพการีดึงเข้ามาเป็นนอมินีซุกหุ้นแทนคนใช้
จึงไม่แปลกที่ในกระบวนท่าท้ายๆ จะได้เห็นนักโทษชายตักขี้ หันมาใช้ยุทธวิธีรุกกลับในลักษณะที่อาจจะเรียกได้ว่า “หนามยอกเอาหนามบ่ง” “...เถาถั่วใช้ต้มถั่ว…”
เคยถูกคณะนายทหารรัฐประหาร ก็ใช้ (อดีต) นายทหาร (ชั่ว) ชิงบัลลังก์คืนให้
เคยถูกกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ ก็หวังจะใช้อดีตคนในแวดวงตุลาการรุกกลับคืน
แม้ว่าในหมู่นักรบเหล่านี้ หลายคนจะถูกตีตรา ว่าเป็นทาสระบอบทักษิณมานานแล้ว
************************************
เมื่อวันพุธ แกนนำเสื้อแดงกลับลำประกาศ นัดชุมนุม 10 ธันวาคมนี้ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะเริ่มตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป โดยไฮไลต์มุ่งไปที่การจัดเวทีเชิญนักวิชาการที่ได้รับความนิยมในหมู่คนเสื้อแดงมาร่วมชำแหละรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์บ้านเมือง มีทั้งนักวิชาการขาประจำอย่าง นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นน้องใหม่เวทีแดงอย่าง “นายอุดม มั่งมีดี” อดีตหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลฎีกา
แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่สำหรับนายอุดม มีชื่อเสียงในเว็บไซต์คนเสื้อแดงมาได้ระยะหนึ่งแล้วจากวีรกรรมการลุกขึ้นมาขอโทษคนไทยทั้งประเทศ ในฐานะผู้พิพากษาในกระบวนการยุติธรรม สถาบันที่นายอุดมกล่าวหาว่า ล่มสลายในความน่าเชื่อถือ กระทำสองมาตรฐานตลอดหลายปีที่ผ่านมา คำพูดของนายอุดม ถือเป็นการ “เผาบ้านตัวเอง” ที่เข้าทางนักโทษหนีคดีอย่างที่อาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรือเตรียมมาจากบ้าน ก็ไม่อาจทราบได้
“คลิปหลักฐานนายอุดม มั่งมีดี กล่าวหากระบวนการยุติธรรม”
ก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของนายอุดม มั่งมีดี เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณี นั่งบังลังก์เป็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อปี 2550 ตัดสินจำคุก นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาทนายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวหาว่าเป็นอดีตสมาชิกคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ พร้อมสั่งปรับจำเลยร่วม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเป็นจำนวน 2 แสนบาท
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เกิดวาทกรรมที่ว่า “เคารพ แต่ไม่เห็นด้วย” เมื่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวผ่านรายการยามเฝ้าแผ่นดิน เมื่อ 29 มีนาคม ปีเดียวกันว่า ตนน้อมรับและเคารพคำตัดสินของผู้พิพากษาคือ นายอุดม มั่งมีดี แต่ในขณะที่ตนเคารพ ตนขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับท่านหลายประการ แต่จะไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษา จึงขอร้องเรียนขอความเป็นธรรม ก็คือการขออุทธรณ์ และมั่นใจ 100% ว่า ความเป็นธรรมจะถูกมอบให้ตนในที่สุด เพราะเห็นว่า ตนมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ สามารถใช้ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย เพื่อมาแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกกล่าวหา
พร้อมกับประกาศว่า “ตนเป็นนักรบ ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย เพียงแต่ประหลาดใจ ปีนี้อายุ 60 ปี ทำนสพ.มาตั้งแต่อายุ 28 ปี ขึ้นศาลมาในคดีหมิ่นประมาท 200 กว่าครั้ง ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ไม่เคยมีคดีหมิ่นประมาทไหน ที่พิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่มีการรอลงอาญา ตนประหลาดใจมาก และในวงการศาลก็ประหลาดใจ”
แล้ว 2 ปีต่อมาก็เป็นจริงดังคาด เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ออกนั่งบัลลังก์ในคดีเดียวกัน มีคำสั่งให้แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียใหม่ โดยตอนหนึ่งของคำพิพากษา ระบุว่า “..ศาลเห็นว่ามี อัตราโทษสูงเกินไป เห็นสมควรแก้ไขโทษให้เหมาะสมกับการกระทำ..” (ไทยรัฐ, 12 ก.ย. 52)
หลังคดีคุณสนธิ-ภูมิธรรมผ่านไปสองศาล ผู้คนส่วนใหญ่แทบลืมเลือนชื่อของนายอุดมไปแล้ว ถ้าเขาไม่ประกาศตัวลุกขึ้นมากลางวงสัมมนา เรื่อง “มาตรการยุบพรรคในรัฐธรรมนูญ : มีผลต่อการพัฒนาทางการเมืองอย่างไร” ที่จัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 7 อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก วิทยาการยุติธรรม สถาบันข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อ 22 เมษายน ที่ผ่านมา
งานวันนั้น รายชื่อวิทยากรที่ปรากฏบนเวทีมี นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ศาสตราจารย์ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ หัวหน้าภาควิชากฎหมายมหาชนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมี ดร.เสนีย์ สุวรรณดี รองอธิบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนามหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เป็นผู้ดำเนินการสัมมนา
แต่ไม่มีชื่อของนายอุดม ร่วมวงอยู่บนเวทีแต่อย่างไร เพียงแต่นายอุดมได้ฉวยใช้โอกาสช่วงที่มีการเปิดกว้างให้ซักถามประกาศเจตนารมณ์ดิสเครดิตศาลและองค์กรอิสระอันรวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการ “เปิดตัว” ก่อนหน้าจะก้าวลงจากตำแหน่งข้าราชการตุลาการเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น มาวันนี้นายอุดมมีชื่อเป็นวิทยากรเวทีเสื้อแดง จึงทำให้เกิดคำถาม..
- อยู่บ้านรับเงินบำนาญจากภาษีประชาชนได้ไม่ถึงปี วันนี้อาสาจะโดดขึ้นเวทีเสื้อแดงเสียแล้ว
เพราะศึกนี้ใหญ่หลวงนัก เกินกว่าจะปล่อยให้สามเกลอหัวขวดบัญชาการรบแบบไร้ทิศทางต่อไป เพราะศึกสุดท้ายมีเส้นตาย คือ คำพิพากษาคดียึดทรัพย์ 7 หมื่น 6 พันล้านเป็นเดิมพัน
เป็นเดิมพันที่มีมูลค่าสูงลิบลิ่ว ไม่ใช่แค่เงิน 7 หมื่นกว่าล้าน แต่คดีดังกล่าวยังจะเป็นใบเสร็จมัดทรราชหน้าเหลี่ยมในข้อกล่าวหาร้ายแรงอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น ฟอกเงิน ปั่นหุ้น หลบเลี่ยงการตรวจสอบ หนีภาษี และฉกฉวยผลประโยชน์ทับซ้อนจากนโยบายรัฐบาลของตนเอง
ใบเสร็จดังกล่าวไม่ได้จะมัดแต่ตนเอง และภรรยา หากแต่จะถูกโยงใยไปถึงลูกทั้งสาม ที่เป็นเสมือนแก้วตาดวงใจ แต่ถูกบุพการีดึงเข้ามาเป็นนอมินีซุกหุ้นแทนคนใช้
จึงไม่แปลกที่ในกระบวนท่าท้ายๆ จะได้เห็นนักโทษชายตักขี้ หันมาใช้ยุทธวิธีรุกกลับในลักษณะที่อาจจะเรียกได้ว่า “หนามยอกเอาหนามบ่ง” “...เถาถั่วใช้ต้มถั่ว…”
เคยถูกคณะนายทหารรัฐประหาร ก็ใช้ (อดีต) นายทหาร (ชั่ว) ชิงบัลลังก์คืนให้
เคยถูกกระบวนการยุติธรรมตรวจสอบ ก็หวังจะใช้อดีตคนในแวดวงตุลาการรุกกลับคืน
แม้ว่าในหมู่นักรบเหล่านี้ หลายคนจะถูกตีตรา ว่าเป็นทาสระบอบทักษิณมานานแล้ว
************************************
เมื่อวันพุธ แกนนำเสื้อแดงกลับลำประกาศ นัดชุมนุม 10 ธันวาคมนี้ บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยจะเริ่มตั้งแต่เที่ยงเป็นต้นไป โดยไฮไลต์มุ่งไปที่การจัดเวทีเชิญนักวิชาการที่ได้รับความนิยมในหมู่คนเสื้อแดงมาร่วมชำแหละรัฐธรรมนูญ และสถานการณ์บ้านเมือง มีทั้งนักวิชาการขาประจำอย่าง นายคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ หรือจะเป็นน้องใหม่เวทีแดงอย่าง “นายอุดม มั่งมีดี” อดีตหัวหน้าคณะผู้พิพากษาศาลฎีกา
แม้จะเป็นน้องใหม่ แต่สำหรับนายอุดม มีชื่อเสียงในเว็บไซต์คนเสื้อแดงมาได้ระยะหนึ่งแล้วจากวีรกรรมการลุกขึ้นมาขอโทษคนไทยทั้งประเทศ ในฐานะผู้พิพากษาในกระบวนการยุติธรรม สถาบันที่นายอุดมกล่าวหาว่า ล่มสลายในความน่าเชื่อถือ กระทำสองมาตรฐานตลอดหลายปีที่ผ่านมา คำพูดของนายอุดม ถือเป็นการ “เผาบ้านตัวเอง” ที่เข้าทางนักโทษหนีคดีอย่างที่อาจจะไม่ได้ตั้งใจ หรือเตรียมมาจากบ้าน ก็ไม่อาจทราบได้
“คลิปหลักฐานนายอุดม มั่งมีดี กล่าวหากระบวนการยุติธรรม”
ก่อนหน้านี้ ชื่อเสียงของนายอุดม มั่งมีดี เป็นที่รู้จักโดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณี นั่งบังลังก์เป็นผู้พิพากษาศาลชั้นต้น เมื่อปี 2550 ตัดสินจำคุก นายสนธิ ลิ้มทองกุล เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีหมิ่นประมาทนายภูมิธรรม เวชยชัย กล่าวหาว่าเป็นอดีตสมาชิกคอมมิวนิสต์ ไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ พร้อมสั่งปรับจำเลยร่วม หนังสือพิมพ์ผู้จัดการเป็นจำนวน 2 แสนบาท
เหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้เกิดวาทกรรมที่ว่า “เคารพ แต่ไม่เห็นด้วย” เมื่อคุณสนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวผ่านรายการยามเฝ้าแผ่นดิน เมื่อ 29 มีนาคม ปีเดียวกันว่า ตนน้อมรับและเคารพคำตัดสินของผู้พิพากษาคือ นายอุดม มั่งมีดี แต่ในขณะที่ตนเคารพ ตนขออนุญาตไม่เห็นด้วยกับท่านหลายประการ แต่จะไม่ออกมาวิพากษ์วิจารณ์คำพิพากษา จึงขอร้องเรียนขอความเป็นธรรม ก็คือการขออุทธรณ์ และมั่นใจ 100% ว่า ความเป็นธรรมจะถูกมอบให้ตนในที่สุด เพราะเห็นว่า ตนมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ได้ สามารถใช้ข้อเท็จจริงทางกฎหมาย เพื่อมาแก้ข้อกล่าวหาที่ถูกกล่าวหา
พร้อมกับประกาศว่า “ตนเป็นนักรบ ไม่ได้เกรงกลัวอะไรเลย เพียงแต่ประหลาดใจ ปีนี้อายุ 60 ปี ทำนสพ.มาตั้งแต่อายุ 28 ปี ขึ้นศาลมาในคดีหมิ่นประมาท 200 กว่าครั้ง ชนะบ้าง แพ้บ้าง แต่ไม่เคยมีคดีหมิ่นประมาทไหน ที่พิพากษาจำคุก 2 ปีโดยไม่มีการรอลงอาญา ตนประหลาดใจมาก และในวงการศาลก็ประหลาดใจ”
แล้ว 2 ปีต่อมาก็เป็นจริงดังคาด เมื่อศาลอุทธรณ์ได้ออกนั่งบัลลังก์ในคดีเดียวกัน มีคำสั่งให้แก้ไขคำพิพากษาศาลชั้นต้นเสียใหม่ โดยตอนหนึ่งของคำพิพากษา ระบุว่า “..ศาลเห็นว่ามี อัตราโทษสูงเกินไป เห็นสมควรแก้ไขโทษให้เหมาะสมกับการกระทำ..” (ไทยรัฐ, 12 ก.ย. 52)
หลังคดีคุณสนธิ-ภูมิธรรมผ่านไปสองศาล ผู้คนส่วนใหญ่แทบลืมเลือนชื่อของนายอุดมไปแล้ว ถ้าเขาไม่ประกาศตัวลุกขึ้นมากลางวงสัมมนา เรื่อง “มาตรการยุบพรรคในรัฐธรรมนูญ : มีผลต่อการพัฒนาทางการเมืองอย่างไร” ที่จัดขึ้น ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 7 อาคารสถาบันพัฒนาข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม ถนนรัชดาภิเษก วิทยาการยุติธรรม สถาบันข้าราชการฝ่ายตุลาการศาลยุติธรรม เมื่อ 22 เมษายน ที่ผ่านมา
งานวันนั้น รายชื่อวิทยากรที่ปรากฏบนเวทีมี นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ศาสตราจารย์ นายสมคิด เลิศไพฑูรย์ คณบดีคณะนิติศาสตร์มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายวรเจตน์ ภาคีรัตน์ หัวหน้าภาควิชากฎหมายมหาชนคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และมี ดร.เสนีย์ สุวรรณดี รองอธิบดีฝ่ายวางแผนและพัฒนามหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต เป็นผู้ดำเนินการสัมมนา
แต่ไม่มีชื่อของนายอุดม ร่วมวงอยู่บนเวทีแต่อย่างไร เพียงแต่นายอุดมได้ฉวยใช้โอกาสช่วงที่มีการเปิดกว้างให้ซักถามประกาศเจตนารมณ์ดิสเครดิตศาลและองค์กรอิสระอันรวมถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นการ “เปิดตัว” ก่อนหน้าจะก้าวลงจากตำแหน่งข้าราชการตุลาการเพียงไม่กี่เดือนเท่านั้น แต่เรื่องยังไม่จบแค่นั้น มาวันนี้นายอุดมมีชื่อเป็นวิทยากรเวทีเสื้อแดง จึงทำให้เกิดคำถาม..
- อยู่บ้านรับเงินบำนาญจากภาษีประชาชนได้ไม่ถึงปี วันนี้อาสาจะโดดขึ้นเวทีเสื้อแดงเสียแล้ว