ในการต่อสู้กับรัฐบาลทรราชม้วนเดียวจบ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตัดสินใจเคลื่อนมวลชนเข้าไปในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน 2551 เพื่อบีบให้นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ลาออกโดยทันที
ผ่านมาหลายวันไม่เพียงไม่ลาออก ไม่รู้สึกรู้สา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และลูกหาบในระบอบทักษิณ ใช้โอกาสนี้บิดเบือนและชักจูงให้สังคมเห็นว่า พันธมิตรฯ คือ จำเลยของสังคมที่ต้องประณาม
เขาออกทีวีพูดซ้ำไปซ้ำมาตอกย้ำว่า ค่าความเสียหายที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปอยู่ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นมากมายมหาศาล
การท่องเที่ยวฉิบหาย การค้าวินาศสันตะโร และภาพลักษณ์ของประเทศตกต่ำถึงขีดสุด คำก็เสียหาย สองคำก็เสียหาย นายสมชาย เอาแต่พร่ำพูดว่า พันธมิตรฯ ต้องถอยออกจากสุวรรณภูมิ เพราะชาติเสียหายวันละแสนล้าน!
แม้ค่อนข้างจะประหลาดใจในความเก่งกาจของนายสมชายที่ประวัติไม่เคยบอกไว้เลยว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ หรือมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์อะไร นอกจากการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ข้าราชการหญิงในกระทรวงที่เคยทำงานในอดีตเลือกซื้อตู้เย็น
คำว่า “วันละแสนล้าน” ตรวจดูกี่รอบต่อกี่รอบ นายสมชายที่พูดผ่านเอ็นบีทีจากเชียงใหม่ ถ่ายทอดสดให้ผู้ฟังทั่วประเทศที่ฟังหลายต่อหลายครั้งก็ระบุเช่นนี้จริงๆ
ถ้ายึดตามการคำนวณค่าความเสียหายวันละแสนล้านของนายสมชาย พันธมิตรฯอยู่ที่สนามบินมา 4 วันก็เสียหาย 4 แสนล้านกลมๆ!
ผู้มีสติ และมีข้อเท็จจริงอยู่ในมือย่อมทราบดีว่า นายสมชายคนนี้พูดจาน่าเชื่อถือแล้วหรือ?
แน่นอนว่า การปิดล้อมสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมืองของพันธมิตรฯ ย่อมมีผลความเสียหายเกิดตามมา แต่คิดให้ตายก็ไม่ได้มากมายเหมือนที่นายสมชายบอกหรอก
เอาละต่อให้นับรวมความเสียหายที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจงใจทำตัวเอง สั่งปิดสนามบินเอง ผละงานไม่สนใจดูแลผู้โดยสาร ไม่ประชาสัมพันธ์กับนักธุรกิจ เจ้าของตู้สินค้า และการจัดการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรับผิดของพันธมิตรฯ เลยเข้ามาด้วยก็ไม่ถึง
เสียหาย ใช่ เสียหาย แต่…นี่ก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และลูกหาบในระบอบทักษิณ (รวมตัวคุณด้วย นายสมชาย) ทำกับประเทศนี้ มิใช่หรือ?
ระบอบทักษิณที่กัดกินประเทศด้วยข้อครหาว่าทุจริตคอร์รัปชันมากกว่าทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ค่าความเสียหายมันเกิดขึ้นเท่าไร? นายสมชายที่เก่งเลข คำนวณออกมาหน่อยซิว่าเท่าไร?
หากคิดตัวเลขไม่ออกเพราะมันมากมายเหลือคณานับก็อนุญาตให้คำนวณเอาแค่การโกงกินที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียวก็ได้
หากคิดไม่ออกอีก ในฐานะเคยเป็นบอร์ดดูแลสุวรรณภูมิยุคที่ภรรยาตัวเองได้งานสนามบินแห่งนี้ไปครอบครองหลายหมื่นล้าน แนะนำว่า ให้ไปขอเอกสารหลักฐานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ที่มีคดีเหล่านี้ไว้ในการพิจารณาหลายต่อหลายคดีเพื่อประกอบการคำนวณตัวเลขเผื่อจะแม่นยำขึ้น
ถึงที่สุดถ้าคิดไม่ออกจริงๆ จะด้วยไม่ต้องการอยากคิด หรือติดอยู่ในกมลสันดานว่าเป็น “ชายกระโปรง” อย่างที่มีคนตั้งฉายาให้ ไม่เป็นไรค่อยๆ คิดไป
กลับมาว่ากันในระหว่าง 4-5 วันนับแต่พันธมิตรฯ ปิดล้อมสุวรรณภูมิ หากให้เดา นายสมชาย และระบอบทักษิณคงกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่ากลยุทธ์พลิกวิกฤตเป็นโอกาสกลบความผิดเราไว้ให้คนอื่นเห็นความผิดพันธมิตรฯ เท่าภูเขาดำเนินการสำเร็จแล้ว!
เห็นได้จากการหยิบเรื่องตัวเลขความเสียหายมากรอกหูประกอบกับสื่อแทบทุกสื่อพากันสนใจเพียง ‘เรียลไทม์’ รายงานขยายความคำพูดของนายสมชายทุกวันเช้าค่ำมันได้ผลเกินคาด
คำให้สัมภาษณ์อย่างฉุนเฉียวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดค้าง คำของนักธุรกิจผู้สูญเสียผลประโยชน์ คำของนักวิชาการบางจำพวก ทำให้คนที่ไม่คิดก็คิด คนที่ไม่ได้ติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็เกลียดพันธมิตรฯ เสียงสาปแช่ง เสียงก่นด่า ดังขรม
จากที่ตกเป็นจำเลยสังคมด้วยข้อหาต่างๆ นานา พลิกกลับมากลายเป็นว่า สังคมตราหน้าพันธมิตรฯ ว่า เป็นผู้กระทำให้บ้านเมืองนี้เสียหายวันละแสนล้านจากการปิดล้อมสุวรรณภูมิ ผิดมหันต์สมควรตาย! สมควรถูกสลาย!
ความเป็นไป ณ ขณะนี้ จะว่าน่าหดหู่ ก็น่าหดหู่!
หดหู่ตรงที่ว่า ทำไมคนไทยบางส่วนจึงปล่อยให้ตัวเลขความเสียหายวันละแสนล้าน (ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นตัวเลขเหนือจริง) ของการปิดล้อมสุวรรณภูมิหลอกหลอน ครอบงำจิตใจที่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี
น้อยนักที่จะตั้งคำถามกับรัฐบาลมือเปื้อนเลือด และย้อนดูวันเวลาที่ผ่านมา
อาทิ การสั่งการให้ตำรวจฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ตาย 2 คนและบาดเจ็บทุพพลภาพนับไม่ถ้วน กรรมการสิทธิมนุษยชนมีข้อสรุปแล้วว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบ
- การปล่อยให้คนเสื้อแดงกลุ่มรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ที่อุดรธานีบาดเจ็บปางตาย ยกพวกจากสนามหลวงเข้ามาถล่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และล่าสุดเหิมเกริมหนัก กระหน่ำยิงคนตายที่เชียงใหม่อย่างทารุณ ป่าเถื่อน
- การปล่อยให้อันธพาลในฝ่ายรัฐบาล ยิงระเบิดถล่มผู้ชุมพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
- การปล่อยและสนับสนุนโจรติดอาวุธสงครามปฎิบัติการคุกคามหมายเอาชีวิตต่อเอเอสทีวีหลายต่อหลายครั้งต่อเนื่อง
-กรณีที่ปล่อยให้นักโทษชายพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน บ่อนทำลายความมั่นคงต่อสถาบันที่คนไทยเคารพรักอย่างสูงสุด ทำลายความน่าเชื่อถือของศาล กระบวนการยุติธรรมของไทย
รัฐบาลที่อำมหิตต่อประชาชน ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม เทียบกับพันธมิตรฯ ปิดล้อมสุวรรณภูมิ ใครก่อความเสียหายทำลายภาพลักษณ์ของประเทศมากกว่ากัน?
ไม่ใช่แก้ต่างหรือแก้ตัวแทนพันธมิตรฯ แต่ข้อเท็จจริงมันเป็นบิดเบือนกันไม่ได้!...
เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์นี้จบลงจะพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ช้า-เร็ว เมื่อคุณธรรม-จริยธรรมที่ดีงามคืนกลับสู่สังคมไทย เวลานั้นผู้คนรุ่นลูกรุ่นหลานกลับมาพลิกประวัติศาสตร์อ่านย้อนหลังกัน เชื่อและมุ่งหวังว่า คนเหล่านั้นคงจะไม่มีใครมานั่งและตั้งคำถาม
ระหว่างค่าความเสียหายคิดเป็นตัวเลขจากการปิดล้อมสุวรรณภูมิวันละแสนล้านของพันธมิตรฯ กับจริยธรรมที่พันธมิตรฯ ต่อสู้ยิบตาทวงคืนมาจากระบอบทักษิณให้สังคมด้วยเลือดและชีวิตเทียบกันได้หรือไม่
เนื่องเพราะจริยธรรม และชีวิตผู้คนนั้นย่อมมิอาจประเมินค่าได้!
ผ่านมาหลายวันไม่เพียงไม่ลาออก ไม่รู้สึกรู้สา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และลูกหาบในระบอบทักษิณ ใช้โอกาสนี้บิดเบือนและชักจูงให้สังคมเห็นว่า พันธมิตรฯ คือ จำเลยของสังคมที่ต้องประณาม
เขาออกทีวีพูดซ้ำไปซ้ำมาตอกย้ำว่า ค่าความเสียหายที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเข้าไปอยู่ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมินั้นมากมายมหาศาล
การท่องเที่ยวฉิบหาย การค้าวินาศสันตะโร และภาพลักษณ์ของประเทศตกต่ำถึงขีดสุด คำก็เสียหาย สองคำก็เสียหาย นายสมชาย เอาแต่พร่ำพูดว่า พันธมิตรฯ ต้องถอยออกจากสุวรรณภูมิ เพราะชาติเสียหายวันละแสนล้าน!
แม้ค่อนข้างจะประหลาดใจในความเก่งกาจของนายสมชายที่ประวัติไม่เคยบอกไว้เลยว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจ หรือมีความรู้ด้านเศรษฐศาสตร์อะไร นอกจากการเป็นที่ปรึกษาให้แก่ข้าราชการหญิงในกระทรวงที่เคยทำงานในอดีตเลือกซื้อตู้เย็น
คำว่า “วันละแสนล้าน” ตรวจดูกี่รอบต่อกี่รอบ นายสมชายที่พูดผ่านเอ็นบีทีจากเชียงใหม่ ถ่ายทอดสดให้ผู้ฟังทั่วประเทศที่ฟังหลายต่อหลายครั้งก็ระบุเช่นนี้จริงๆ
ถ้ายึดตามการคำนวณค่าความเสียหายวันละแสนล้านของนายสมชาย พันธมิตรฯอยู่ที่สนามบินมา 4 วันก็เสียหาย 4 แสนล้านกลมๆ!
ผู้มีสติ และมีข้อเท็จจริงอยู่ในมือย่อมทราบดีว่า นายสมชายคนนี้พูดจาน่าเชื่อถือแล้วหรือ?
แน่นอนว่า การปิดล้อมสุวรรณภูมิ หรือสนามบินดอนเมืองของพันธมิตรฯ ย่อมมีผลความเสียหายเกิดตามมา แต่คิดให้ตายก็ไม่ได้มากมายเหมือนที่นายสมชายบอกหรอก
เอาละต่อให้นับรวมความเสียหายที่การท่าอากาศยานสุวรรณภูมิจงใจทำตัวเอง สั่งปิดสนามบินเอง ผละงานไม่สนใจดูแลผู้โดยสาร ไม่ประชาสัมพันธ์กับนักธุรกิจ เจ้าของตู้สินค้า และการจัดการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับความรับผิดของพันธมิตรฯ เลยเข้ามาด้วยก็ไม่ถึง
เสียหาย ใช่ เสียหาย แต่…นี่ก็ยังน้อยกว่าสิ่งที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และลูกหาบในระบอบทักษิณ (รวมตัวคุณด้วย นายสมชาย) ทำกับประเทศนี้ มิใช่หรือ?
ระบอบทักษิณที่กัดกินประเทศด้วยข้อครหาว่าทุจริตคอร์รัปชันมากกว่าทุกๆ รัฐบาลที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2544 เป็นต้นมา ค่าความเสียหายมันเกิดขึ้นเท่าไร? นายสมชายที่เก่งเลข คำนวณออกมาหน่อยซิว่าเท่าไร?
หากคิดตัวเลขไม่ออกเพราะมันมากมายเหลือคณานับก็อนุญาตให้คำนวณเอาแค่การโกงกินที่สนามบินสุวรรณภูมิแห่งเดียวก็ได้
หากคิดไม่ออกอีก ในฐานะเคยเป็นบอร์ดดูแลสุวรรณภูมิยุคที่ภรรยาตัวเองได้งานสนามบินแห่งนี้ไปครอบครองหลายหมื่นล้าน แนะนำว่า ให้ไปขอเอกสารหลักฐานจากสำนักงาน ป.ป.ช.ที่มีคดีเหล่านี้ไว้ในการพิจารณาหลายต่อหลายคดีเพื่อประกอบการคำนวณตัวเลขเผื่อจะแม่นยำขึ้น
ถึงที่สุดถ้าคิดไม่ออกจริงๆ จะด้วยไม่ต้องการอยากคิด หรือติดอยู่ในกมลสันดานว่าเป็น “ชายกระโปรง” อย่างที่มีคนตั้งฉายาให้ ไม่เป็นไรค่อยๆ คิดไป
กลับมาว่ากันในระหว่าง 4-5 วันนับแต่พันธมิตรฯ ปิดล้อมสุวรรณภูมิ หากให้เดา นายสมชาย และระบอบทักษิณคงกระหยิ่มยิ้มย่องคิดว่ากลยุทธ์พลิกวิกฤตเป็นโอกาสกลบความผิดเราไว้ให้คนอื่นเห็นความผิดพันธมิตรฯ เท่าภูเขาดำเนินการสำเร็จแล้ว!
เห็นได้จากการหยิบเรื่องตัวเลขความเสียหายมากรอกหูประกอบกับสื่อแทบทุกสื่อพากันสนใจเพียง ‘เรียลไทม์’ รายงานขยายความคำพูดของนายสมชายทุกวันเช้าค่ำมันได้ผลเกินคาด
คำให้สัมภาษณ์อย่างฉุนเฉียวของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ติดค้าง คำของนักธุรกิจผู้สูญเสียผลประโยชน์ คำของนักวิชาการบางจำพวก ทำให้คนที่ไม่คิดก็คิด คนที่ไม่ได้ติดตามการชุมนุมของพันธมิตรฯ ก็เกลียดพันธมิตรฯ เสียงสาปแช่ง เสียงก่นด่า ดังขรม
จากที่ตกเป็นจำเลยสังคมด้วยข้อหาต่างๆ นานา พลิกกลับมากลายเป็นว่า สังคมตราหน้าพันธมิตรฯ ว่า เป็นผู้กระทำให้บ้านเมืองนี้เสียหายวันละแสนล้านจากการปิดล้อมสุวรรณภูมิ ผิดมหันต์สมควรตาย! สมควรถูกสลาย!
ความเป็นไป ณ ขณะนี้ จะว่าน่าหดหู่ ก็น่าหดหู่!
หดหู่ตรงที่ว่า ทำไมคนไทยบางส่วนจึงปล่อยให้ตัวเลขความเสียหายวันละแสนล้าน (ทั้งๆ ที่รู้ว่าเป็นตัวเลขเหนือจริง) ของการปิดล้อมสุวรรณภูมิหลอกหลอน ครอบงำจิตใจที่รู้จัก ผิด ชอบ ชั่ว ดี
น้อยนักที่จะตั้งคำถามกับรัฐบาลมือเปื้อนเลือด และย้อนดูวันเวลาที่ผ่านมา
อาทิ การสั่งการให้ตำรวจฆ่าประชาชนเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2551 ตาย 2 คนและบาดเจ็บทุพพลภาพนับไม่ถ้วน กรรมการสิทธิมนุษยชนมีข้อสรุปแล้วว่า รัฐบาลต้องรับผิดชอบ
- การปล่อยให้คนเสื้อแดงกลุ่มรุมทำร้ายพันธมิตรฯ ที่อุดรธานีบาดเจ็บปางตาย ยกพวกจากสนามหลวงเข้ามาถล่มพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาล และล่าสุดเหิมเกริมหนัก กระหน่ำยิงคนตายที่เชียงใหม่อย่างทารุณ ป่าเถื่อน
- การปล่อยให้อันธพาลในฝ่ายรัฐบาล ยิงระเบิดถล่มผู้ชุมพันธมิตรฯ ที่ทำเนียบรัฐบาลครั้งแล้วครั้งเล่าจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก
- การปล่อยและสนับสนุนโจรติดอาวุธสงครามปฎิบัติการคุกคามหมายเอาชีวิตต่อเอเอสทีวีหลายต่อหลายครั้งต่อเนื่อง
-กรณีที่ปล่อยให้นักโทษชายพ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน บ่อนทำลายความมั่นคงต่อสถาบันที่คนไทยเคารพรักอย่างสูงสุด ทำลายความน่าเชื่อถือของศาล กระบวนการยุติธรรมของไทย
รัฐบาลที่อำมหิตต่อประชาชน ไร้คุณธรรม ไร้จริยธรรม เทียบกับพันธมิตรฯ ปิดล้อมสุวรรณภูมิ ใครก่อความเสียหายทำลายภาพลักษณ์ของประเทศมากกว่ากัน?
ไม่ใช่แก้ต่างหรือแก้ตัวแทนพันธมิตรฯ แต่ข้อเท็จจริงมันเป็นบิดเบือนกันไม่ได้!...
เมื่อเวลาผ่านไป เหตุการณ์นี้จบลงจะพรุ่งนี้ มะรืนนี้ ช้า-เร็ว เมื่อคุณธรรม-จริยธรรมที่ดีงามคืนกลับสู่สังคมไทย เวลานั้นผู้คนรุ่นลูกรุ่นหลานกลับมาพลิกประวัติศาสตร์อ่านย้อนหลังกัน เชื่อและมุ่งหวังว่า คนเหล่านั้นคงจะไม่มีใครมานั่งและตั้งคำถาม
ระหว่างค่าความเสียหายคิดเป็นตัวเลขจากการปิดล้อมสุวรรณภูมิวันละแสนล้านของพันธมิตรฯ กับจริยธรรมที่พันธมิตรฯ ต่อสู้ยิบตาทวงคืนมาจากระบอบทักษิณให้สังคมด้วยเลือดและชีวิตเทียบกันได้หรือไม่
เนื่องเพราะจริยธรรม และชีวิตผู้คนนั้นย่อมมิอาจประเมินค่าได้!