ASTVผู้จัดการรายวัน - ครม.เศรษฐกิจสั่งไอซีทีทำแผนแก้ปัญหาสัญญาสัมปทานมือถือภายใน 90 วัน หลังจับได้ว่าแก้สัญญา 29 ครั้ง ในอดีตไม่เคยเสนอ ครม.เลย
วานนี้ (2 ธ.ค.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท.โทรคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกันให้สอดคล้องกับแนวทางที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยได้ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาแก้สัญญาสัมปทานที่รัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง คือ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ทำไว้กับบริษัทเอกชนรวม 10 ฉบับ หลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่าสัญญาดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วย สัญญาเกี่ยวกับสัญญาณโทรศัทพ์มือถือ สัญญาเกี่ยวกับสายเคเบิลใยแก้วนำแสง ฯลฯ
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เห็นว่าทั้ง ทีโอที และ กสท. จะต้องดำเนินการแก้สัญญาสัมปทานให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การร่วมการงานระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2535
“ที่ประชุมมีมติ ให้กำหนดกรอบในการแก้ไขปัญหาใน 90 วัน โดยนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานภาครัฐในกรณีที่จะให้เอกชนเข้าร่วมงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป”
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า มีการแก้ไขสัญญาหลายครั้ง ครั้งแรกแก้ไขกัน 10 ครั้ง ครั้งที่สองแก้ไขกัน 19 ครั้ง ไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีในอดีตเลย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังนั้นกระทรวงไอซีที จึงจะต้องไปตรวจสอบว่า การแก้ไขปัญหานี้มีความไม่ถูกต้องอย่างไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดมานานและมีการเพิกเฉย
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผยว่า สคร.ได้รายงานให้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสัญญาที่ไม่ถูกต้องที่คาดว่าจะสูงไม่ต่ำกว่า 1.3 แสนล้านบาท นอกจากนั้นยังเสนอให้ดำเนินการเรียกชดใช้ค่าเสียหาย ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ให้กับที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจโดยเฉพาะ กระทรวงไอซีที ในฐานะกระทรวงต้นสังกัด และคณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง จะพิจารณาดำเนินการ
“ความเสียหายที่เกิดขึ้น สคร.แจ้งว่า สัญญาที่ทำในอดีตไม่เคยมีการนำเสนอ ครม.เลย ซึ่ง สคร.ระบุว่า อะไรที่ไม่มีความร้ายแรงก็ควรจะนำเสนอ ครม.เพื่อแก้ไข อะไรที่ผิดมากก็ควรที่จะยกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย ซึ่ง สคร.ขอให้ ไอซีทีทำให้เสร็จภายใน 30 วันแต่มี มติครม.ให้ดำเนินการใน 90 วันแทน”
แหล่งข่าวกล่าวว่า สคร.ได้เสนอให้กระทรวงไอซีที ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งรต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ชี้แจงว่า เหตุใด สคร.จึงต้องเร่งดำเนินการทั้งที่เรื่องนี้ น่าจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาและหาทางออก และเรื่องนี้แม้ที่ผ่านมาในอดีตจะไม่มีการนำเสนอ ครม.เพื่อเสนอแก้สัญญาสัมปทานเลย รวมทั้งไม่มีความชัดเจนในทุกด้าน
“รมว.ไอซีที ระบุว่า น่าจะมีการมาคุยกันตรงๆ ก่อน ที่จะนำมาเสนอให้เร่งดำเนินการ เพราะคงจะเร่งทำไม่ได้ ควรจะมีการนำเสนอประเด็นก่อน เพราะเรื่องนี้ก็มีการแก้สัญญาสัมปทานมามากกว่า 10 ปีแล้ว” แหล่งข่าวระบุคำพูดของ รมว.ไอซีที
ทั้งนี้ รมว.ไอซีที รับจะดูเงื่อนไขในแต่ละส่วนก่อนว่า จะสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาอะไรได้ก่อนหลังและไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป ขณะที่นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ควรจะดำเนินการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าสัญญาใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
***คลังไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.กล่าวว่า ต้องการให้กลับไปใช้สัญญาก่อนที่จะมีการแก้ไข และเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะเรียกร้องค่าเสียหายเนื่องจากหากพบเป็นการกระทำผิดจริง ผู้รับผิดชอบต้องเป็นทั้งสองฝ่ายคือรัฐวิสาหกิจและเอกชน หากเป็นรัฐวิสาหกิจก็เหมือนกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา แต่เอกชนพิจารณาแล้วว่าผู้บริหารและผู้ถือหุ้นในครั้งนั้นกับวันนี้เป็นคนละคนกัน ผลประโยชน์ที่ได้จากการแก้ไขสัญญาก็หายไปกับกลุ่มคนเหล่านั้นแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่เลี่ยงภาษีและอยู่ระหว่างขั้นตอนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิจารณาคดีเลี่ยงภาษี 76,000 ล้านบาท
ขณะที่ปัญหาสัญญาร่วมการงานเป็นยุคของกิจการโทรคมนาคมยุค 2จี แม้จะคนละเรื่องกับการเปิดใบอนุญาต 3จี แต่ก็มีตัวละครเดียวกันทั้งหมด เพื่อความเหมาะสมเป็นธรรมจึงไม่ควรที่จะเปิดใบอนุญาต 3จี ตามขั้นตอนหรือเวลาที่ กทช.กำหนดไว้ตั้งแต่แรก" นายกรณ์กล่าว.
วานนี้ (2 ธ.ค.) นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี (นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมเห็นชอบในหลักการให้ 3 หน่วยงาน ประกอบด้วย บมจ.ทีโอที และบมจ.กสท.โทรคมนาคม และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ดำเนินการแก้ไขปัญหาร่วมกันให้สอดคล้องกับแนวทางที่คณะกรรมการกฤษฎีกาได้วินิจฉัยได้ถึงแนวทางแก้ไขปัญหาแก้สัญญาสัมปทานที่รัฐวิสาหกิจ 2 แห่ง คือ บมจ.ทีโอที และ บมจ.กสท โทรคมนาคม ทำไว้กับบริษัทเอกชนรวม 10 ฉบับ หลังจากที่คณะกรรมการกฤษฎีกาพิจารณาว่าสัญญาดังกล่าวไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งประกอบด้วย สัญญาเกี่ยวกับสัญญาณโทรศัทพ์มือถือ สัญญาเกี่ยวกับสายเคเบิลใยแก้วนำแสง ฯลฯ
ทั้งนี้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เห็นว่าทั้ง ทีโอที และ กสท. จะต้องดำเนินการแก้สัญญาสัมปทานให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.การร่วมการงานระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2535
“ที่ประชุมมีมติ ให้กำหนดกรอบในการแก้ไขปัญหาใน 90 วัน โดยนายอภิสิทธ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกำชับให้หน่วยงานภาครัฐในกรณีที่จะให้เอกชนเข้าร่วมงานดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายอย่างเคร่งครัดต่อไป”
นายพุทธิพงษ์กล่าวว่า มีการแก้ไขสัญญาหลายครั้ง ครั้งแรกแก้ไขกัน 10 ครั้ง ครั้งที่สองแก้ไขกัน 19 ครั้ง ไม่มีการนำเสนอคณะรัฐมนตรีในอดีตเลย ทั้งในอดีตและปัจจุบัน ดังนั้นกระทรวงไอซีที จึงจะต้องไปตรวจสอบว่า การแก้ไขปัญหานี้มีความไม่ถูกต้องอย่างไร เนื่องจากเป็นเรื่องที่เกิดมานานและมีการเพิกเฉย
แหล่งข่าวจากที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผยว่า สคร.ได้รายงานให้ ครม.เศรษฐกิจรับทราบถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นจากสัญญาที่ไม่ถูกต้องที่คาดว่าจะสูงไม่ต่ำกว่า 1.3 แสนล้านบาท นอกจากนั้นยังเสนอให้ดำเนินการเรียกชดใช้ค่าเสียหาย ว่าจะสามารถทำได้หรือไม่ ให้กับที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจโดยเฉพาะ กระทรวงไอซีที ในฐานะกระทรวงต้นสังกัด และคณะกรรมการบริหารรัฐวิสาหกิจทั้ง 2 แห่ง จะพิจารณาดำเนินการ
“ความเสียหายที่เกิดขึ้น สคร.แจ้งว่า สัญญาที่ทำในอดีตไม่เคยมีการนำเสนอ ครม.เลย ซึ่ง สคร.ระบุว่า อะไรที่ไม่มีความร้ายแรงก็ควรจะนำเสนอ ครม.เพื่อแก้ไข อะไรที่ผิดมากก็ควรที่จะยกเลิกสัญญาและเรียกค่าเสียหาย ซึ่ง สคร.ขอให้ ไอซีทีทำให้เสร็จภายใน 30 วันแต่มี มติครม.ให้ดำเนินการใน 90 วันแทน”
แหล่งข่าวกล่าวว่า สคร.ได้เสนอให้กระทรวงไอซีที ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ซึ่งรต.หญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รมว.ไอซีที ชี้แจงว่า เหตุใด สคร.จึงต้องเร่งดำเนินการทั้งที่เรื่องนี้ น่าจะมีหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยกันแก้ไขปัญหาและหาทางออก และเรื่องนี้แม้ที่ผ่านมาในอดีตจะไม่มีการนำเสนอ ครม.เพื่อเสนอแก้สัญญาสัมปทานเลย รวมทั้งไม่มีความชัดเจนในทุกด้าน
“รมว.ไอซีที ระบุว่า น่าจะมีการมาคุยกันตรงๆ ก่อน ที่จะนำมาเสนอให้เร่งดำเนินการ เพราะคงจะเร่งทำไม่ได้ ควรจะมีการนำเสนอประเด็นก่อน เพราะเรื่องนี้ก็มีการแก้สัญญาสัมปทานมามากกว่า 10 ปีแล้ว” แหล่งข่าวระบุคำพูดของ รมว.ไอซีที
ทั้งนี้ รมว.ไอซีที รับจะดูเงื่อนไขในแต่ละส่วนก่อนว่า จะสามารถดำเนินการแก้ไขปัญหาอะไรได้ก่อนหลังและไม่ให้มีผลกระทบต่อประชาชนเพื่อเสนอ ครม.ต่อไป ขณะที่นายกรัฐมนตรี เห็นว่า ควรจะดำเนินการตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าสัญญาใดถูกต้องหรือไม่ถูกต้อง
***คลังไม่ฟ้องเรียกค่าเสียหาย
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.กล่าวว่า ต้องการให้กลับไปใช้สัญญาก่อนที่จะมีการแก้ไข และเวลานี้ไม่เหมาะสมที่จะเรียกร้องค่าเสียหายเนื่องจากหากพบเป็นการกระทำผิดจริง ผู้รับผิดชอบต้องเป็นทั้งสองฝ่ายคือรัฐวิสาหกิจและเอกชน หากเป็นรัฐวิสาหกิจก็เหมือนกระเป๋าซ้ายกระเป๋าขวา แต่เอกชนพิจารณาแล้วว่าผู้บริหารและผู้ถือหุ้นในครั้งนั้นกับวันนี้เป็นคนละคนกัน ผลประโยชน์ที่ได้จากการแก้ไขสัญญาก็หายไปกับกลุ่มคนเหล่านั้นแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มเดียวกับที่เลี่ยงภาษีและอยู่ระหว่างขั้นตอนของศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองพิจารณาคดีเลี่ยงภาษี 76,000 ล้านบาท
ขณะที่ปัญหาสัญญาร่วมการงานเป็นยุคของกิจการโทรคมนาคมยุค 2จี แม้จะคนละเรื่องกับการเปิดใบอนุญาต 3จี แต่ก็มีตัวละครเดียวกันทั้งหมด เพื่อความเหมาะสมเป็นธรรมจึงไม่ควรที่จะเปิดใบอนุญาต 3จี ตามขั้นตอนหรือเวลาที่ กทช.กำหนดไว้ตั้งแต่แรก" นายกรณ์กล่าว.
