การเปลี่ยนแปลงทางการเมือง จากการเมืองเก่าสู่การเมืองใหม่ ไม่เพียงต้องสร้างฐานอำนาจมวลมหาชนทางด้านการเมืองเท่านั้น แต่ยังต้องสร้างฐานอำนาจมวลมหาชนทางด้านเศรษฐกิจและด้านอื่นๆ ต่อไป เพื่อนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของสังคมไทย จากสังคมแยกขั้ว เป็นสังคมสมดุล กลมกลืน เหมาะสำหรับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนไทยโดยรวมให้ดีขึ้นเรื่อยๆและอย่างยั่งยืน
การสร้างอำนาจมวลมหาชนทางการเมือง หลักๆ ก็คือการสร้างประชาธิปไตยกงล้อ (Cycle Democracy)ในทางเศรษฐกิจก็คือการสร้างเศรษฐกิจกงล้อ (Cycle Economy) ซึ่ง ณ วันนี้ ได้ปรากฏเป็นเค้าโครงเบื้องต้นแล้ว
การปรากฏขึ้นของสองสิ่งนี้แสดงถึงพัฒนาการต่อเนื่องของกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนชาวไทยเราได้ก้าวขึ้นมาเป็น “เจ้าภาพ” อย่างแท้จริงแล้ว
ทั้งนี้ กระบวนการสร้างการเมืองใหม่ เริ่มต้นด้วยการจุดเทียนปัญญา ใช้ความจริงเป็นอาวุธ โดยเอาธรรมนำหน้า ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม ดำเนินยุทธศาสตร์การต่อสู้แบบสันติอหิงสา อารยะขัดขืน ดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมและสนับสนุน สร้างฐานอำนาจทางปัญญาของมวลมหาชนไปทั่วทั้งแผ่นดิน
อำนาจทางปัญญาของมวลมหาชน เป็นฐานของอำนาจการเมืองใหม่ในทุกๆ ด้าน เช่น อำนาจกำหนดใหม่ และระบบประชาธิปไตยกงล้อ (โปรดดูบท “อำนาจกำหนดใหม่” และ “การสร้างประชาธิปไตยภายในพรรค/ประชาธิปไตยกงล้อ” ประกอบ) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอื่นๆ ตามไปด้วย ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงจะพัฒนาขยายตัวต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปในทุกๆ ด้าน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนทัศนคติและค่านิยม
อำนาจทางปัญญาของมวลมหาชน ปัจจุบันแสดงออกในรูปของความตื่นตัว สนับสนุน และเข้าร่วมขบวนการการเมืองภาคประชาชนภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตระเตรียมความพร้อมสำหรับการเกิดขึ้นอย่างเต็มตัวของการเมืองใหม่ในระดับชาติ
การตระเตรียมความพร้อมที่ว่านี้ ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยและความจำเป็น ตามหลัก “ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง” ตามที่เรารับรู้และเข้าใจในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ในแต่ละขั้นตอน เช่น การสร้างสื่อทันสมัยที่ทรงประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการจุดเทียนปัญญา ให้ความจริงแก่ประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแนวรบสำคัญสุดยอดของการต่อสู้ทางการเมืองในยุคสังคมข่าวสาร สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี หนังสือพิมพ์และเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ สถานีวิทยุชุมชน ฯลฯ จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ การเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทีมงานและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบทุกระดับจึงเป็นภารกิจยิ่งใหญ่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
การสร้างพรรคการเมืองใหม่ให้เข้มแข็ง เป็นพรรคคุณภาพ ประกอบด้วยสมาชิกพรรคและผู้ปฏิบัติงานที่มีปัญญา มีจิตใจที่ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และทำงานเป็น นับเป็นภารกิจสำคัญยิ่งร่วมกันอีกขั้นหนึ่งของชาวพันธมิตรฯ เพื่อตระเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภา แนวรบสำคัญอีกด้านหนึ่งที่เราชาวพันธมิตรฯ จะต้องยืนหยัดต่อสู้ ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เพื่อให้ได้ชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จในบั้นปลาย บรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พร้อมกันนั้น การสร้างอำนาจมวลมหาชนในด้านเศรษฐกิจก็มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเพื่อความอยู่รอดขององค์กร (กลุ่มบริษัทเอเอสทีวี) และการขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดยั้งของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรฯ โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจเอเอสทีวีขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในรูปของเอเอสทีวีชอป จำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคประจำวันร่วม 200 รายการ
ตามแผนการพัฒนาระยะยาว การขยายตัวของเครือข่ายเอเอสทีวีชอปจะดำเนินไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศในรูปแฟรนไชส์พันธมิตรฯ คือพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด ทุกแห่งหนมีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นแฟรนไชส์ได้โดยตรงและฟรีไม่ต้องชำระค่ารอยัลตี้ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอเอสทีวีได้ทันที
หลายฝ่ายเชื่อว่า ภายในระยะเวลาที่ไม่นานนัก ร้านค้าปลีก “เอเอสทีวีชอป” ที่มีมาตรฐาน เป็นมิตรต่อผู้บริโภค จะผุดพรายขึ้นทั่วทั้งแผ่นดินไทย
ในทางการเมือง เอเอสทีวีชอปจะเป็นเครือข่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจการเงินที่สำคัญยิ่งให้แก่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสามารถแสดงบทบาทเป็นพี่เลี้ยงทางด้านวัตถุให้แก่พรรคการเมืองใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในจินตภาพการเมืองใหม่ การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในรูปของเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกเอเอสทีวีชอป เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอำนาจมวลมหาชน ซึ่งเป็นฐานของอำนาจกำหนดใหม่ และอำนาจตั้งต้นของระบบประชาธิปไตยกงล้อ ดังนั้น การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของพันธมิตรฯ จึงเท่ากับเป็นการสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองให้แก่พันธมิตรฯด้วยเช่นกัน
บนฐานคิดนี้ การสร้างเครือข่ายธุรกิจในด้านอื่นๆ การดำเนินการผลิตสินค้าทั้งทางด้านเกษตร และอุตสาหกรรม ตลอดจนธุรกิจภาคบริการต่างๆ ตามการขยายตัวทางการเมืองของพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ ก็คือการสร้างอำนาจมวลมหาชนให้เติบใหญ่ เข้มแข็ง เกรียงไกรยิ่งๆขึ้นนั่นเอง
เมื่ออำนาจมวลมหาชนเป็นฐานและอำนาจตั้งต้นของระบบประชาธิปไตยกงล้อ ฉันใดฉันนั้น อำนาจมวลมหาชนก็เป็นฐานและอำนาจตั้งต้นของระบบเศรษฐกิจกงล้อของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรฯ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจใหม่ ตามการสร้างการเมืองใหม่ จึงอยู่ที่การสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจของมวลมหาชนให้เข้มแข็ง
ต้องยอมรับว่า ในห้วงเกือบร้อยปีที่ผ่านมา การเมืองเก่าได้ทำลายฐานเศรษฐกิจมวลมหาชนาอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศเกินจำเป็น ไม่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง คนไทยพึ่งตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะคนยากคนจน
การเมืองใหม่นำมาซึ่งอำนาจมวลมหาชน เศรษฐกิจใหม่ก็ย่อมนำมาซึ่งพลังทางเศรษฐกิจของมวลมหาชน เมื่อมวลมหาชนเป็นเจ้าของอำนาจทางการเมืองในฐานะ “ผู้มีอำนาจกำหนด” ย่อมง่ายที่จะกำกับให้คณะผู้บริหารประเทศที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจ ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการผลิตของมวลมหาชนเบื้องล่างเป็นสำคัญ โดยไม่ละเลยการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับกลางและระดับบนด้วยเช่นเดียวกัน
ในระยะยาว การสร้างเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้แข็งแกร่ง ทั้งภาคการผลิต การแปรรูปและการจัดจำหน่าย จะเป็นหลักประกันสูงสุดให้แก่การสร้างสังคมอุดมธรรมที่มีพลวัตสูงยิ่งตั้งแต่ระดับฐานราก ขับเคลื่อนสังคมไทยเข้าสู่สภาวะสมดุล เกิดความกลมกลืนบนความแตกต่างที่มีอยู่ตามธรรมชาติของสังคมไทย โดยไม่มีฝ่ายใดผูกขาดความได้เปรียบเหนือฝ่ายอื่นได้อย่างแท้จริง
ในภาพรวม ระบบการเมืองใหม่ ประชาธิปไตยใหม่ และเศรษฐกิจใหม่ที่เรากำลังร่วมกันสร้าง ถือเอาการสร้างอำนาจมวลมหาชนเป็นภารกิจสำคัญสูงสุด เน้นบทบาทความเป็น “เจ้าภาพ” ของมวลมหาชน ดังนั้น แม้จะดำเนินไปในระบอบเดิมคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยโดยรวมได้ตั้งแต่เริ่มต้น คนไทยจะเกิดความสุขในทันทีที่หลุดพ้นจากการเมืองเก่า ประชาธิปไตยแบบเก่า และเศรษฐกิจแบบเก่า
นั่นหมายถึงว่า ระบอบการปกครองแบบไทย ในการกำกับของอำนาจมวลมหาชน สามารถพลิกชีวิตคนไทยให้พ้นจากความทุกข์ ประสบความสุขได้จริง
การสร้างอำนาจมวลมหาชนทางการเมือง หลักๆ ก็คือการสร้างประชาธิปไตยกงล้อ (Cycle Democracy)ในทางเศรษฐกิจก็คือการสร้างเศรษฐกิจกงล้อ (Cycle Economy) ซึ่ง ณ วันนี้ ได้ปรากฏเป็นเค้าโครงเบื้องต้นแล้ว
การปรากฏขึ้นของสองสิ่งนี้แสดงถึงพัฒนาการต่อเนื่องของกระบวนการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ ที่ประชาชนชาวไทยเราได้ก้าวขึ้นมาเป็น “เจ้าภาพ” อย่างแท้จริงแล้ว
ทั้งนี้ กระบวนการสร้างการเมืองใหม่ เริ่มต้นด้วยการจุดเทียนปัญญา ใช้ความจริงเป็นอาวุธ โดยเอาธรรมนำหน้า ยึดมั่นในความถูกต้องชอบธรรม ดำเนินยุทธศาสตร์การต่อสู้แบบสันติอหิงสา อารยะขัดขืน ดึงดูดผู้คนให้เข้าร่วมและสนับสนุน สร้างฐานอำนาจทางปัญญาของมวลมหาชนไปทั่วทั้งแผ่นดิน
อำนาจทางปัญญาของมวลมหาชน เป็นฐานของอำนาจการเมืองใหม่ในทุกๆ ด้าน เช่น อำนาจกำหนดใหม่ และระบบประชาธิปไตยกงล้อ (โปรดดูบท “อำนาจกำหนดใหม่” และ “การสร้างประชาธิปไตยภายในพรรค/ประชาธิปไตยกงล้อ” ประกอบ) ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านอื่นๆ ตามไปด้วย ทั้งทางด้านวัตถุและจิตใจ นั่นคือ การเปลี่ยนแปลงจะพัฒนาขยายตัวต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ไปในทุกๆ ด้าน ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การศึกษา ศิลปวัฒนธรรม ตลอดจนทัศนคติและค่านิยม
อำนาจทางปัญญาของมวลมหาชน ปัจจุบันแสดงออกในรูปของความตื่นตัว สนับสนุน และเข้าร่วมขบวนการการเมืองภาคประชาชนภายใต้การนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตระเตรียมความพร้อมสำหรับการเกิดขึ้นอย่างเต็มตัวของการเมืองใหม่ในระดับชาติ
การตระเตรียมความพร้อมที่ว่านี้ ดำเนินไปตามเหตุปัจจัยและความจำเป็น ตามหลัก “ทุกอย่างเริ่มจากความเป็นจริง” ตามที่เรารับรู้และเข้าใจในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ในแต่ละขั้นตอน เช่น การสร้างสื่อทันสมัยที่ทรงประสิทธิภาพ เพื่อสนับสนุนการจุดเทียนปัญญา ให้ความจริงแก่ประชาชนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งเป็นแนวรบสำคัญสุดยอดของการต่อสู้ทางการเมืองในยุคสังคมข่าวสาร สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี หนังสือพิมพ์และเว็บไซต์เอเอสทีวีผู้จัดการ สถานีวิทยุชุมชน ฯลฯ จึงเป็นสิ่งแรกๆ ที่จะต้องดำเนินการให้บรรลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ การเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่ทีมงานและเจ้าหน้าที่รับผิดชอบทุกระดับจึงเป็นภารกิจยิ่งใหญ่ของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
การสร้างพรรคการเมืองใหม่ให้เข้มแข็ง เป็นพรรคคุณภาพ ประกอบด้วยสมาชิกพรรคและผู้ปฏิบัติงานที่มีปัญญา มีจิตใจที่ซื่อสัตย์ เสียสละ กล้าหาญ และทำงานเป็น นับเป็นภารกิจสำคัญยิ่งร่วมกันอีกขั้นหนึ่งของชาวพันธมิตรฯ เพื่อตระเตรียมความพร้อมในการต่อสู้ทางการเมืองในระบบรัฐสภา แนวรบสำคัญอีกด้านหนึ่งที่เราชาวพันธมิตรฯ จะต้องยืนหยัดต่อสู้ ไม่ถอยแม้แต่ก้าวเดียว เพื่อให้ได้ชัยชนะแบบเบ็ดเสร็จในบั้นปลาย บรรลุเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
พร้อมกันนั้น การสร้างอำนาจมวลมหาชนในด้านเศรษฐกิจก็มีความสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง ทั้งเพื่อความอยู่รอดขององค์กร (กลุ่มบริษัทเอเอสทีวี) และการขับเคลื่อนอย่างไม่หยุดยั้งของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรฯ โดยปัจจุบันได้มีการพัฒนาเครือข่ายธุรกิจเอเอสทีวีขึ้นมาเป็นรูปเป็นร่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ในรูปของเอเอสทีวีชอป จำหน่ายผลิตภัณฑ์อุปโภคบริโภคประจำวันร่วม 200 รายการ
ตามแผนการพัฒนาระยะยาว การขยายตัวของเครือข่ายเอเอสทีวีชอปจะดำเนินไปอย่างกว้างขวางทั่วประเทศในรูปแฟรนไชส์พันธมิตรฯ คือพันธมิตรฯ ทุกจังหวัด ทุกแห่งหนมีสิทธิขอจดทะเบียนเป็นแฟรนไชส์ได้โดยตรงและฟรีไม่ต้องชำระค่ารอยัลตี้ จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เอเอสทีวีได้ทันที
หลายฝ่ายเชื่อว่า ภายในระยะเวลาที่ไม่นานนัก ร้านค้าปลีก “เอเอสทีวีชอป” ที่มีมาตรฐาน เป็นมิตรต่อผู้บริโภค จะผุดพรายขึ้นทั่วทั้งแผ่นดินไทย
ในทางการเมือง เอเอสทีวีชอปจะเป็นเครือข่ายเสริมสร้างความเข้มแข็งทางด้านเศรษฐกิจการเงินที่สำคัญยิ่งให้แก่ขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และสามารถแสดงบทบาทเป็นพี่เลี้ยงทางด้านวัตถุให้แก่พรรคการเมืองใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ในจินตภาพการเมืองใหม่ การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจในรูปของเครือข่ายธุรกิจค้าปลีกเอเอสทีวีชอป เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างอำนาจมวลมหาชน ซึ่งเป็นฐานของอำนาจกำหนดใหม่ และอำนาจตั้งต้นของระบบประชาธิปไตยกงล้อ ดังนั้น การสร้างความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจของพันธมิตรฯ จึงเท่ากับเป็นการสร้างความเข้มแข็งทางการเมืองให้แก่พันธมิตรฯด้วยเช่นกัน
บนฐานคิดนี้ การสร้างเครือข่ายธุรกิจในด้านอื่นๆ การดำเนินการผลิตสินค้าทั้งทางด้านเกษตร และอุตสาหกรรม ตลอดจนธุรกิจภาคบริการต่างๆ ตามการขยายตัวทางการเมืองของพันธมิตรฯ และพรรคการเมืองใหม่ ก็คือการสร้างอำนาจมวลมหาชนให้เติบใหญ่ เข้มแข็ง เกรียงไกรยิ่งๆขึ้นนั่นเอง
เมื่ออำนาจมวลมหาชนเป็นฐานและอำนาจตั้งต้นของระบบประชาธิปไตยกงล้อ ฉันใดฉันนั้น อำนาจมวลมหาชนก็เป็นฐานและอำนาจตั้งต้นของระบบเศรษฐกิจกงล้อของขบวนการการเมืองภาคประชาชนนำโดยพันธมิตรฯ การสร้างความเข้มแข็งให้แก่เศรษฐกิจใหม่ ตามการสร้างการเมืองใหม่ จึงอยู่ที่การสร้างอำนาจทางเศรษฐกิจของมวลมหาชนให้เข้มแข็ง
ต้องยอมรับว่า ในห้วงเกือบร้อยปีที่ผ่านมา การเมืองเก่าได้ทำลายฐานเศรษฐกิจมวลมหาชนาอย่างรุนแรงต่อเนื่อง ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพาการส่งออกและการลงทุนจากต่างประเทศเกินจำเป็น ไม่เป็นอิสระเป็นตัวของตัวเอง คนไทยพึ่งตัวเองไม่ได้ โดยเฉพาะคนยากคนจน
การเมืองใหม่นำมาซึ่งอำนาจมวลมหาชน เศรษฐกิจใหม่ก็ย่อมนำมาซึ่งพลังทางเศรษฐกิจของมวลมหาชน เมื่อมวลมหาชนเป็นเจ้าของอำนาจทางการเมืองในฐานะ “ผู้มีอำนาจกำหนด” ย่อมง่ายที่จะกำกับให้คณะผู้บริหารประเทศที่ได้รับมอบหมายให้ใช้อำนาจ ดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจการผลิตของมวลมหาชนเบื้องล่างเป็นสำคัญ โดยไม่ละเลยการส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจระดับกลางและระดับบนด้วยเช่นเดียวกัน
ในระยะยาว การสร้างเศรษฐกิจในระดับฐานรากให้แข็งแกร่ง ทั้งภาคการผลิต การแปรรูปและการจัดจำหน่าย จะเป็นหลักประกันสูงสุดให้แก่การสร้างสังคมอุดมธรรมที่มีพลวัตสูงยิ่งตั้งแต่ระดับฐานราก ขับเคลื่อนสังคมไทยเข้าสู่สภาวะสมดุล เกิดความกลมกลืนบนความแตกต่างที่มีอยู่ตามธรรมชาติของสังคมไทย โดยไม่มีฝ่ายใดผูกขาดความได้เปรียบเหนือฝ่ายอื่นได้อย่างแท้จริง
ในภาพรวม ระบบการเมืองใหม่ ประชาธิปไตยใหม่ และเศรษฐกิจใหม่ที่เรากำลังร่วมกันสร้าง ถือเอาการสร้างอำนาจมวลมหาชนเป็นภารกิจสำคัญสูงสุด เน้นบทบาทความเป็น “เจ้าภาพ” ของมวลมหาชน ดังนั้น แม้จะดำเนินไปในระบอบเดิมคือระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตคนไทยโดยรวมได้ตั้งแต่เริ่มต้น คนไทยจะเกิดความสุขในทันทีที่หลุดพ้นจากการเมืองเก่า ประชาธิปไตยแบบเก่า และเศรษฐกิจแบบเก่า
นั่นหมายถึงว่า ระบอบการปกครองแบบไทย ในการกำกับของอำนาจมวลมหาชน สามารถพลิกชีวิตคนไทยให้พ้นจากความทุกข์ ประสบความสุขได้จริง
