xs
xsm
sm
md
lg

ถกพระวิหาร กษิตผนึกวีระ ทวงคืนผ่านทีวี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน – รัฐบาลเตรียมจับ “กษิต-วีระ” ถกปัญหาเขาพระวิหารผ่านจอทีวี หลัง รมว.ต่างประเทศกลับจากสหรัฐฯ “เทือก”อ้างเฉยปัญหาเขาพระวิหารยืดเยื้อมานานจะให้เสร็จในรัฐบาลนี้คงไม่ได้ บอกอีก 10 ปีไม่รู้จะปักปันเขตแดนได้หรือไม่

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเสนอให้เปลี่ยนชื่อหมู่บ้านภูมิซรอลของกลุ่ม 40 ส.ว.เป็นประเด็นที่ค่อนข้างอ่อนไหว ชื่อหมู่บ้านที่มีมาจะไปเปลี่ยนต้องได้รับความยินยอมจากชาวบ้าน เพราะต้องเคารพ ในท้องถิ่น และโดยหลักแล้วไม่มีกฎหมายเขียนไว้ เรื่องการเปลี่ยนชื่อ สถานที่ต่างๆ ยกเว้นเปลี่ยนชื่ออำเภอหรือจังหวัด
แต่ชื่อหมู่บ้านยังไม่มีกฎหมายกำหนด โดยปกติจะเคารพเรื่องของท้องถิ่น ไม่ค่อยมีการเปลี่ยน

ซึ่งข้อเสนอนี้อาจมีความรู้สึกจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ช่วงที่ไปทวงคืนประสาทพระวิหาร ซึ่งรัฐบาลเข้าใจความรู้สึกทุกฝ่าย แต่ไม่อยากให้ นำเรื่องนี้มาเป็นประเด็นทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระดับประเทศ รัฐบาลยืนยันว่าเราดำเนินการทุกวิถีทางที่จะปกป้องอาณาเขตและที่ดินของประเทศไทย ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
สมัยที่เป็นฝ่ายค้านพูดไว้อย่างไรเป็นรัฐบาลก็ทำอย่างนั้น แต่ก็ยินดีชี้แจงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ตนมีความคิดว่า หลังจากที่นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ เดินทางกลับจากสหรัฐอเมริกา ตนจะพูดคุยกับนายกษิตว่า คงต้องมีการชี้แจง เรื่องนี้ผ่านทางสถานีโทรทัศน์เพื่อให้เกิดความชัดเจน และมีคนเสนอด้วยซ้ำว่าอาจจะจัดการพูดคุยชี้แจงระหว่างนายกษิตกับนายวีระ สมความคิด แกนนำพันธมิตรฯ ที่ดำเนินการเรื่องนี้
เพราะเรื่องพระวิหารนั้นไม่ควรเป็นเรื่องที่คนไทยจะมาขัดแย้งกันเอง เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันปกป้องอาณาเขตของประเทศ เพราะเป็นกรณีที่มี ประวัติความเป็นมายาวนาน ต้องคุยกัน 2 ฝ่ายไม่อย่างนั้นอาจถูกปลุกเป็นประเด็นการเมืองจนบานปลาย กระทบกระเทือนประเทศ

อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเคารพสิทธิ์ของกลุ่มพันธมิตรฯที่เคลื่อนไหว เพียงแต่ ต้องระวัง อะไรก็ตามที่นำไปสู่ความขัดแย้ง ทะเลาะฆ่าฟันกันเอง บอกว่าจะปกป้องแผ่นดินไทยแต่ว่าคนไทยมาทะเลาะกันเองก่อนมันไม่คุ้ม ส่วนเรื่องการชี้แจง ทำความเข้าใจนั้นเราทำอยู่ตลอด ตอนกลุ่มพันธมิตรฯชุมนุมเราก็ให้แม่ทัพภาคที่ 2 มาชี้แจง หากคิดว่ายังไม่พอก็ต้องทำอีก

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง กล่าวว่า กรณีปราสาทพระวิหารรัฐบาลได้ติดตามมาตลอด และหากพิจารณาอย่างเป็นธรรม โดยไม่เอาอารมณ์เป็นตัวตัดสิน ปัญหาพระวิหารมีความยืดเยื้อมายาวนานมาก และ ทางรัฐบาลพยายามแก้ปัญหาด้วยสันติวิธีเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายกลายเป็นปัญหาของ 2 ประเทศ ต้องทะเลาะเบาะแวง หรือต่อสู้รบพุ่งกัน

นายสุเทพ กล่าวว่า อยากขอความกรุณาว่าอย่าเอาอารมณ์หรือความสะใจ มาเป็นแรงผลักดันในการทำเรื่องนี้เลย ขอให้ไว้ใจรัฐบาล ว่าจะดำเนินการให้ดีที่สุด และ เมื่อ นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างเทศมาพบ จะแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ

ส่วนปัญหาการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาไม่สามารถจบสิ้นได้ ภายในปีนี้หรือปีหน้า แต่จะต้องใช้เวลานานอีกนับสิบปี เพราะยังมีปัญหาการปักปันเขตแดนกับประเทศลาว และ เวียดนาม ที่ยังไม่ได้มีการลงหลักปักปันเขตมาก่อน แต่สิ่งสำคัญเมื่อมีปัญหาเรื่องเขตแดนยังไม่ชัดเจน ไทยกับประเทศเพื่อนบ้านก็ยังสามารถเดินทางไปมาหาสู่ ค้าขายและเป็นมิตรกันได้
แต่หากใครมาปลุกระดมรู้สึกชาตินิยมฮึดสู้กับประเทศเพื่อนบ้าน ถือว่าคนๆ นั้นคิดผิด

คณะกรรมการปักปันเขตแดน ก็ทำงานกันอยู่ทุกวัน เอาประวัติศาสตร์ แผนที่ มาคุยกัน เพื่อพิสูจน์ และ ผมยังได้สั่งให้ตำรวจดำเนินคดีกับทุกฝ่าย หากตำรวจ ไม่ทำก็จะเข้าข่ายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่

***"มาร์ค"ระบุแก้ปัญหาด้วยสมานฉันท์
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า เมื่อกล่าวถึงความสมานฉันท์ในประเทศไทยนั้น หมายถึง ความสมานฉันท์ในหลายระดับ ความสมานฉันท์ของความแตกต่างระหว่างประชาชนทุกสี ความสมานฉันท์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือแม้แต่ความสมานฉันท์และสร้างความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เกี่ยวกับสถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ รัฐบาลได้พยายามอย่างที่สุด
เพื่อนำสถานการณ์สู่ภาวะปกติ ควบคู่ไปกับแผนพัฒนาระยะยาวในด้านการศึกษา สังคม และการพัฒนาทางเศรษฐกิจ

ส่วนด้านชายแดนตะวันออก ความตึงเครียดระหว่างไทยและกัมพูชา นั้น สถานการณ์เป็นเพียงเล็กน้อยในภาพรวมของความสัมพันธ์ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องจะไม่ใช้อารมณ์ และจะไม่ปล่อยให้ประเด็นนี้ประเด็นเดียวบดบังในเรื่องอื่น ความสมานฉันท์ เกิดได้ต่อเมื่อมีความเข้าใจความท้าทายที่เผชิญอยู่ในทุกด้าน จุดแข็งและจุดอ่อน และข้อจำกัดต่างๆ
รวมถึงการพูดคุยและหารือด้วยความจริงใจ

ทั้งนี้ การที่จะได้ซึ่งประชาธิปไตยเช่นนั้น คือสิ่งท้าทายที่ยิ่งใหญ่ ในฐานะผู้มีความเชื่อในระบอบประชาธิปไตยอย่างเสรี ในฐานะนักศึกษาเศรษฐศาสตร์ และการเมือง จะเสนอแนวความคิดว่า รัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างประเทศไทยสู่สังคมประชาธิปไตยใหม่

ดังนั้น การจะทำให้เกิดสังคมประชาธิปไตยใหม่ในช่วงการเปลี่ยนแปลง จะต้องให้ความสำคัญกับความสมานฉันท์ การแตกแยกทางการเมือง ต้องไม่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนา ถ้าปราศจากความสมานฉันท์ การดำเนินนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชน ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ แต่การสมานฉันท์ไม่ได้หมายถึงการเบี่ยงเบนกฎหมาย ตรงกันข้าม การบังคับใช้กฎหมายต้องเป็นธรรมและมีประสิทธิผล
จึงจะมีความยุติธรรมและทางออก ของการแก้ปัญหาทางการเมือง
กำลังโหลดความคิดเห็น