xs
xsm
sm
md
lg

ปัญญาแกนพันธมิตรฯ

เผยแพร่:   โดย: สันติ ตั้งรพีพากร

ในการสร้างการเมืองใหม่ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องสร้างปัญญาแกนขึ้นมาให้ได้

ปัญญาแกนก็คือปัญญาใหญ่ที่เป็น “แก่นแกน” ของระบบปัญญารวมในสังคม ที่นำพาคนในสังคมคิดและทำ อยู่ในฐานะแก่นแกนทางวัฒนธรรมระดับชาติ

ในอดีตก่อนการเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 มีปัญญาแกนสะท้อนโลกทัศน์ของเจ้าศักดินาเป็นหลัก แต่พอหลังจากนั้น อำนาจปกครองแตกเป็นเสี่ยง กระจายไปอยู่ในมือของกลุ่มอำนาจที่เรียกว่า “อำมาตย์” เสียส่วนใหญ่ บวกกับการไหลบ่าเข้าของอำนาจครอบงำจากโลกตะวันตก ตามช่องทางและสายเชื่อมต่างๆ อย่างหลากหลาย ในรูปของความคิด ค่านิยมสมัยใหม่ สะท้อนวิสัยทัศน์ทุนนิยม แต่ปัญญาคร่ำครึของกลุ่มอำมาตย์กับปัญญาต่างด้าวจากตะวันตกเข้ากันไม่ได้และกินกันไม่ลง กระจัดกระจาย กลายเป็น “ปัญญาฝอย” ลอยฟุ้งไปทั่ว

พัฒนาการสังคมไทยหลังจากนั้นจึงวนเวียนและเวียนวน เหมือนคนตาบอด หาหนทางไปไม่เจอ จวบจนทุกวันนี้

จากนี้พอจะเห็นได้ว่า อำนาจกับปัญญาเป็นของคู่กัน เป็นคนละด้านของเหรียญเดียวกัน

บัดนี้ อำนาจประชาชนโดยการนำของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ก่อตัวขึ้นมาตามความเรียกร้องต้องการของประชาชน และตามกฎเกณฑ์พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ และได้แสดงตัวเป็นอำนาจกำหนดใหม่ทางการเมืองและสังคมไทยอย่างเด่นชัด เพราะเป็นอำนาจตื่นรู้ ใช้ปัญญาชี้นำ มุ่งจุดเทียนปัญญาให้แก่มวลมหาชน มีจุดหมายที่จะนำประเทศชาติและประชาชนออกไปให้พันจากวังวนที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ให้สำเร็จเป็นจริงในเร็ววัน

เพื่อภารกิจทางประวัติศาสตร์อันยิ่งใหญ่นี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยจึงต้องสร้างและพัฒนาปัญญาแกนของตนขึ้นมา หาไม่แล้ว อำนาจประชาชนก็จะเสื่อมสลาย ขบวนการการเมืองภาคประชาชนก็จะฝ่อ การเปลี่ยนแปลงของประเทศไทยก็จะถูกเลื่อนออกไปอีกหลายสิบปี

จากบทเรียนในอดีต เราพบว่า “ปัญญาฝอย” ช่วยแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า ผิวเผินได้ แต่แก้ปัญหาใหญ่ๆ ระยะยาวๆ ในระดับองค์รวมไม่ได้ ด้วยเหตุนี้ คนไทยหลังปี 2475 จึงไม่สามารถแก้ไขปัญหาระดับชาติได้แบบเบ็ดเสร็จ ไม่สามารถทำให้สังคมไทยร่มเย็นได้จริง

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาประเทศชาติครั้งนี้ของชาวพันธมิตรฯ (ในฐานะแกนนำของขบวนการการเมืองภาคประชาชนที่แสดงตนเป็นเจ้าภาพเปลี่ยนแปลงประเทศไทย) จึงต้องใช้ปัญญาแกน ตั้งแต่เริ่มต้น โดยเน้นสร้างความเป็นปึกแผ่นภายในพันธมิตรฯ เป็นเบื้องต้น

น่าดีใจที่ปัจจุบันนี้ ปัญญาแกนของชาวพันธมิตรฯ ได้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว บนฐานองค์ความรู้จากการต่อสู้ของมวลมหาชนชาวพันธมิตรฯ ภายใต้การนำของแกนนำทั้ง 5 หลายระลอกด้วยกัน โดยเฉพาะจากการเคลื่อนไหวชุมนุมอย่างยืดเยื้อ 193 วัน

ปัญญาแกนพันธมิตรฯ มีองค์ประกอบสำคัญ 3 ประการ ดังนี้

1. จิตใจ ได้แก่ ความเสียสละ กล้าหาญ ซื่อสัตย์ และทุ่มเท (สุดความสามารถ) ซึ่งได้ปรากฏออกมาเป็นคุณลักษณะของ “คนพันธมิตรฯ” ( “ดี” และ “มีความสามารถ”)

2. ภูมิปัญญา ได้แก่

2.1 การเมืองใหม่ เป็นอุดมการณ์หรือ “ธง” คอยชี้นำให้พัฒนาแนวคิดแก้ไขปัญหาของชาติในทุกระยะของการต่อสู้ โดยปรากฏออกมาในรูปของวิสัยทัศน์ แนวคิด และนโยบายรูปธรรมต่างๆ สำหรับแก้ไขปัญหาของชาติ ตลอดจนแนวนโยบายสร้างชาติอย่างรอบด้านด้วย ซึ่งบัดนี้ ได้ก้าวถึงขั้นการตั้งพรรคการเมืองใหม่แล้ว

2.2 อำนาจปัญญา เป็นอำนาจประชาชนที่เกิดจากการ “จุดเทียนปัญญา” เป็นเนื้อหาสาระหลักของ “อำนาจกำหนดใหม่” ที่จะต่อสู้ห้ำหั่นเอาชนะอำนาจกำหนดเก่า ล้างการเมืองเก่าและสร้างการเมืองใหม่ เป็นส่วนที่แสดงความเป็นตัวเป็นตนของภูมิปัญญาชาวพันธมิตรฯ มากที่สุด

2.3 ประชาธิปไตยมวลมหาชน เป็นระบบกลไกชั้นเยี่ยมที่ชาวพันธมิตรฯ ร่วมกันประดิษฐ์คิดสร้างขึ้นมาในท่ามกลางการเคลื่อนไหวต่อสู้ ทำหน้าที่ขับเคลื่อนกระบวนการใช้อำนาจภายในของพันธมิตรฯ ที่มวลประชามหาชนเบื้องล่างเป็นผู้กำกับการใช้อำนาจของแกนนำเบื้องบน ในรูปแบบที่เหมาะสม เช่น การลงมติในสภาพันธมิตรฯ และการขอฉันทานุมัติในที่ชุมนุมใหญ่ ก่อตั้งพรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ เมื่อวันที่ 24-25 พ.ค. ที่ผ่านมา อยู่ในฐานะเป็น “หัวใจ” ของการเมืองใหม่ และจะเป็นรูปแบบประชาธิปไตยใหม่ในระบบรัฐสภาของการเมืองใหม่ในอนาคต

3. ท่วงทำนอง หรือวิธีคิดวิธีการทำงานของชาวพันธมิตรฯ ประกอบด้วย

3.1 ไม่ตัดอดีต มองเห็นอดีตที่ผ่านมาแบบต่อเนื่องดุจสายน้ำ เข้าใจเหตุปัจจัยของความเป็นมาอย่างถูกต้อง สอดคล้องกับความเป็นจริง ที่สำคัญคือมองเห็นความเชื่อมโยงของสิ่งดีๆ ของอดีตกับปัจจุบัน สามารถเก็บรับสิ่งดีๆ สานต่อสิ่งดีๆ ไม่ทิ้งสิ่งดีๆ ไปในระหว่างทาง

การไม่ตัดอดีต ตีความกว้างครอบคลุมถึงสิ่งสืบทอดทางประวัติศาสตร์ทั้งในและต่างประเทศ ทั้งของบรรพบุรุษชาวไทย และบรรพบุรุษของมวลมนุษยชาติ

3.2 ไม่จำนนปัจจุบัน หลักๆ คือสามารถมองเห็นภาพรวมทั้งหมดที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน หรือ “มองเห็นป่าทั้งป่า” มองเห็นปมปัญหาที่เป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดที่จะต้องร่วมกันลงแรงแก้ไขให้ตกไป ซึ่งจะทำให้เรามองเห็นทางออกเสมอ

3.3 ยึดมั่นอนาคต อีกนัยหนึ่งก็คือ ยึดมั่นในอุดมการณ์ ปัจจุบันก็คือ “การเมืองใหม่” ซึ่งเป็น “ธง” โบกไสวโดดเด่นอยู่เบื้องหน้า ทำให้เราไม่ย่อท้อ หรือหลงทิศผิดทาง

“ปัญญาแกน” นี้ ไม่เพียงแต่จะค้ำจุนให้พันธมิตรฯ เข้มแข็งเกรียงไกรเท่านั้น แต่จะสามารถค้ำจุนให้ประเทศไทยเข้มแข็งเกรียงไกรด้วยเช่นเดียวกัน ในทันทีที่การเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ได้รับการสถาปนาขึ้นแทนที่การเมืองเก่า

เมื่อนั้น สังคมไทยก็จะหลุดพ้นจากสภาพการใช้ “ปัญญาฝอย” แก้ปัญหาชาติ ปัญหาวิกฤตร้ายแรงก็จะได้รับการแก้ไขให้ตกไป และก้าวเข้าสู่ยุคเฟื่องฟูได้สำเร็จ ด้วยพลานุภาพของ “ปัญญาแกน” ที่เริ่มต้นจากพวกเราชาวพันธมิตรฯ
กำลังโหลดความคิดเห็น