นางสุภาภรณ์ บุรพกุศลศรี รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (สายงานแผนงานและการเงิน) บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT แจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 52 ระหว่าง 1 ต.ค.51 - 30 ก.ย.52 พบว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 717.26 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 7,321.05 ล้านบาท หรือลดลง 6,603.79 ล้านบาท คิดเป็น 90.20% ขณะที่บริษัทมีและบริษัทย่อยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 21,502.39 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม 18,543.25 ล้านบาท และกำไรจากการดำเนินงาน 2,959.14 ล้านบาท เมื่อรวมขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน 1,848.82 ล้านบาท ดอกเบี้ยจ่าย 2,493.81 ล้านบาท และดอกเบี้ยรับ 1,248.02 ล้านบาท รายได้และค่าใช้จ่ายอื่นสุทธิ 773.14 ล้านบาท
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอย การระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่และเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก ประกอบกับ AOT ได้ปรับลดค่าธรรมเนียม ค่าเช่าและผลประโยชน์ตอบแทน ให้กับสายการบิน และผู้ประกอบการร้านค้าและบริการต่าง ๆ ณ ท่าอากาศยาน ภายใต้ความรับผิดชอบของ AOT ตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย เป็นระยะเวลา 8-12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นไป ขณะปี 51 ได้บันทึกรับรู้รายได้ของบริษัทเอกชนสองรายย้อนหลังตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( วันที่ 28 ก.ย.49 ) ถึงวันที่ 30 ก.ย.550 จำนวน 3,601.78 ล้านบาท ตามที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา รวมทั้งบันทึกค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากรายได้ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้กำไรสุทธิของปีนี้ลดลงเกิน 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน
พร้อมกันนี้ AOT ยังแจ้งว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.52 บริษัทได้รับหนังสือนำส่งคำเสนอข้อพิพาท (Statement of claim) จากสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม โดยกิจการร่วมค้าแห่งหนึ่งได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาท ตามสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตามสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารสะพานเทียบเครื่องบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 103/2552 และข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 104/2552 ลงวันที่ 30 ต.ค.52 ขอให้ AOT ชดใช้ค่าเสียหายแก่กิจการร่วมค้าตามสัญญาจ้าง รวม 2 คดีดังกล่าวข้างต้นเป็นเงินทั้งสิ้น 7,070.69 ล้านบาท และ 568.77 ล้านเยน พร้อมดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.52 AOT ได้เสนอเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดแต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นผู้รับมอบอำนาจของ AOT ในการดำเนินกระบวนการด้านอนุญาโตตุลาการพร้อมทั้งขอให้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่าย AOT ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสถาบันอนุญาโตตุลาการ
เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตการณ์เศรษฐกิจทั่วโลกที่เข้าสู่ภาวะถดถอย การระบาดของไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่และเหตุการณ์ความไม่สงบภายในประเทศ ส่งผลให้ภาคการท่องเที่ยวของประเทศชะลอตัวลงอย่างมาก ประกอบกับ AOT ได้ปรับลดค่าธรรมเนียม ค่าเช่าและผลประโยชน์ตอบแทน ให้กับสายการบิน และผู้ประกอบการร้านค้าและบริการต่าง ๆ ณ ท่าอากาศยาน ภายใต้ความรับผิดชอบของ AOT ตามมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวของไทย เป็นระยะเวลา 8-12 เดือน โดยเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.52 เป็นต้นไป ขณะปี 51 ได้บันทึกรับรู้รายได้ของบริษัทเอกชนสองรายย้อนหลังตั้งแต่เริ่มเปิดใช้ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ( วันที่ 28 ก.ย.49 ) ถึงวันที่ 30 ก.ย.550 จำนวน 3,601.78 ล้านบาท ตามที่ศาลแพ่งได้มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา รวมทั้งบันทึกค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดขึ้นจากรายได้ดังกล่าวข้างต้น ส่งผลให้กำไรสุทธิของปีนี้ลดลงเกิน 20% เมื่อเทียบกับปีก่อน
พร้อมกันนี้ AOT ยังแจ้งว่าเมื่อวันที่ 13 พ.ย.52 บริษัทได้รับหนังสือนำส่งคำเสนอข้อพิพาท (Statement of claim) จากสถาบันอนุญาโตตุลาการ สำนักงานศาลยุติธรรม โดยกิจการร่วมค้าแห่งหนึ่งได้ยื่นคำเสนอข้อพิพาท ตามสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารผู้โดยสาร ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และตามสัญญาจ้างก่อสร้างอาคารสะพานเทียบเครื่องบิน ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ต่อสถาบันอนุญาโตตุลาการ เป็นข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 103/2552 และข้อพิพาทหมายเลขดำที่ 104/2552 ลงวันที่ 30 ต.ค.52 ขอให้ AOT ชดใช้ค่าเสียหายแก่กิจการร่วมค้าตามสัญญาจ้าง รวม 2 คดีดังกล่าวข้างต้นเป็นเงินทั้งสิ้น 7,070.69 ล้านบาท และ 568.77 ล้านเยน พร้อมดอกเบี้ย
เมื่อวันที่ 20 พ.ย.52 AOT ได้เสนอเรื่องให้สำนักงานอัยการสูงสุดแต่งตั้งพนักงานอัยการเป็นผู้รับมอบอำนาจของ AOT ในการดำเนินกระบวนการด้านอนุญาโตตุลาการพร้อมทั้งขอให้แต่งตั้งอนุญาโตตุลาการฝ่าย AOT ขณะนี้คดีอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาของสถาบันอนุญาโตตุลาการ
