นางสาว เสาวรส บุญบัญชาโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท เจเนอรัล เอาท์ซอร์สซิ่ง จำกัด เปิดเผยว่าปัจจุบันหลายๆองค์กร ได้เล็งเห็นความสำคัญในการมอบหมายการดำเนินงานในด้านต่าง ๆ ซึ่งไม่ใช่งานที่เป็นธุรกิจหลักขององค์กร และเป็นงานที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้กับหน่วยงานภายนอกนำไปดำเนินการแทน (Outsourcing Service) ทำให้บริการดังกล่าวได้รับการยอมรับ และเป็นที่นิยมมากขึ้น
“จากข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าที่หันมาใช้บริการของบริษัทฯ องค์กรสามารถบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆได้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้บริหารองค์กรสามารถมั่นใจในบริการ และความถูกต้องตามกฎระเบียบทางกฎหมาย ผู้บริหารเองก็สามารถให้เวลากับธุรกิจหลักและการพัฒนาองค์กรได้อย่างเต็มที่” นางสาว เสาวรส กล่าว
บริษัท เจเนอรัล เอาท์ซอร์สซิ่ง จำกัด ก่อตั้งในปี 2548 ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยให้บริการด้านงานทรัพยากรบุคคล โดยเน้นด้านการจัดการงานเงินเดือน งานธุรการบุคคล และสวัสดิการพนักงาน เป็นหลัก ปัจจุบันให้บริการแก่องค์กรชั้นนำต่างๆกว่า 150 องค์กร จำนวนพนักงานที่อยู่ในระบบมากกว่า 55,000 คน ซึ่งขนาดขององค์ที่ให้บริการ มีตั้งแต่จำนวนพนักงาน 3 คน ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานนับหมื่นคน
นางสาว เสาวรส กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 5 ปีของการดำเนินงาน บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 20% แต่จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาในปีนี้ ส่งผลให้อัตราเติบโตลดลงเล็กน้อย
“ในภาวะวิกฤติ เรามองว่ามันเป็นโอกาสเพราะผู้บริหารในปัจจุบันเล็งเห็นความจำเป็นของการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ หลายองค์กรหันมาใช้หน่วยงานภายนอก (Outsource) มากขึ้น เพราะทำให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัว และควบคุมค่าใช้จ่าย และบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ในระยะแรกบริษัทที่ใช้บริการหน่วยงานภายนอก จะเป็นบริษัทต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันนี้ บริษัทไทยเองก็หันมาพิจารณาใช้ บริการหน่วยงานภายนอกมากขึ้น”
“ในส่วนของทางบริษัทฯ ได้ทำการพัฒนาระบบ และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแล บริหารข้อมูลลูกค้าซึ่งเป็นข้อมูลความลับขององค์กร โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่ง ณ ปัจจุบันเราเป็นผู้ให้บริการดำเนินงานแทนทางด้านงานเงินเดือน แห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว”
“เราเชื่อมั่นว่าด้วยบริการของเรา ทำให้ผู้ใช้บริการ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และสามารถทุ่มเทเวลา ทรัพยากรที่มีเพื่อการพัฒนาบุคลากร และธุรกิจหลักขององค์กรได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถลดภาระงานประจำต่างๆให้เราช่วยบริหารจัดการแทน”
“จากแนวโน้มของตลาด และศักยภาพในการให้บริการของเรา ในปีหน้าเราคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้ไม่ต่ำกว่า 30% แต่หากพิจารณาจำนวนพนักงานที่เราให้บริการแล้ว เราคาดว่าปีหน้าจำนวนพนักงานที่เราให้บริการจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวเป็น 1 แสนคน” นางสาว เสาวรส กล่าว
“จากข้อมูลที่ได้รับจากลูกค้าที่หันมาใช้บริการของบริษัทฯ องค์กรสามารถบริหารจัดการต้นทุน และค่าใช้จ่ายต่างๆได้ดีขึ้น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือผู้บริหารองค์กรสามารถมั่นใจในบริการ และความถูกต้องตามกฎระเบียบทางกฎหมาย ผู้บริหารเองก็สามารถให้เวลากับธุรกิจหลักและการพัฒนาองค์กรได้อย่างเต็มที่” นางสาว เสาวรส กล่าว
บริษัท เจเนอรัล เอาท์ซอร์สซิ่ง จำกัด ก่อตั้งในปี 2548 ด้วยทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดยให้บริการด้านงานทรัพยากรบุคคล โดยเน้นด้านการจัดการงานเงินเดือน งานธุรการบุคคล และสวัสดิการพนักงาน เป็นหลัก ปัจจุบันให้บริการแก่องค์กรชั้นนำต่างๆกว่า 150 องค์กร จำนวนพนักงานที่อยู่ในระบบมากกว่า 55,000 คน ซึ่งขนาดขององค์ที่ให้บริการ มีตั้งแต่จำนวนพนักงาน 3 คน ไปจนถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีพนักงานนับหมื่นคน
นางสาว เสาวรส กล่าวว่าตลอดระยะเวลา 5 ปีของการดำเนินงาน บริษัทฯ มีอัตราการเติบโตเฉลี่ยมากกว่า 20% แต่จากภาวะเศรษฐกิจซบเซาในปีนี้ ส่งผลให้อัตราเติบโตลดลงเล็กน้อย
“ในภาวะวิกฤติ เรามองว่ามันเป็นโอกาสเพราะผู้บริหารในปัจจุบันเล็งเห็นความจำเป็นของการปรับเปลี่ยนวิธีการบริหารจัดการ หลายองค์กรหันมาใช้หน่วยงานภายนอก (Outsource) มากขึ้น เพราะทำให้การบริหารจัดการมีความคล่องตัว และควบคุมค่าใช้จ่าย และบริหารจัดการความเสี่ยงได้ดีขึ้น ในระยะแรกบริษัทที่ใช้บริการหน่วยงานภายนอก จะเป็นบริษัทต่างชาติเป็นส่วนใหญ่ แต่ในปัจจุบันนี้ บริษัทไทยเองก็หันมาพิจารณาใช้ บริการหน่วยงานภายนอกมากขึ้น”
“ในส่วนของทางบริษัทฯ ได้ทำการพัฒนาระบบ และการให้บริการอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการดูแล บริหารข้อมูลลูกค้าซึ่งเป็นข้อมูลความลับขององค์กร โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 27001 ซึ่งเป็นมาตรฐานการดูแลรักษาความปลอดภัยของข้อมูล ซึ่ง ณ ปัจจุบันเราเป็นผู้ให้บริการดำเนินงานแทนทางด้านงานเงินเดือน แห่งเดียวในประเทศไทยที่ได้รับการรับรองมาตรฐานดังกล่าว”
“เราเชื่อมั่นว่าด้วยบริการของเรา ทำให้ผู้ใช้บริการ มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และสามารถทุ่มเทเวลา ทรัพยากรที่มีเพื่อการพัฒนาบุคลากร และธุรกิจหลักขององค์กรได้อย่างเต็มที่ โดยสามารถลดภาระงานประจำต่างๆให้เราช่วยบริหารจัดการแทน”
“จากแนวโน้มของตลาด และศักยภาพในการให้บริการของเรา ในปีหน้าเราคาดว่าจะสามารถขยายฐานลูกค้าได้ไม่ต่ำกว่า 30% แต่หากพิจารณาจำนวนพนักงานที่เราให้บริการแล้ว เราคาดว่าปีหน้าจำนวนพนักงานที่เราให้บริการจะเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่าตัวเป็น 1 แสนคน” นางสาว เสาวรส กล่าว