xs
xsm
sm
md
lg

ยิงขู่ "สัก" คาดปมพยานยึดทรัพย์แม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-อำนาจมืดยิงปืนใส่สำนักงานทนายความ “สัก กอแสงเรือง”อดีต คตส.เจ้าตัวระบุ ถือเป็นเหตุการณ์ข่มขู่ที่รุนแรงที่สุด คาดเหตุเตรียมขึ้นเป็นพยานในคดียึดทรัพย์ “ทักษิณ” 7.6 หมื่นล้านบาท ด้านประจักษ์พยานเห็นมือปืนรูปร่างเตี้ย ผมสั้น ซุ่มกอไผ่ ยิงปืนใส่ ตำรวจขอเวลาสอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐาน


วานนี้(27 พ.ย.)พ.ต.ท.วรสรรค์ แสนสุข พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.บางยี่ขัน ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิงเข้าไปภายในสำนักงานทนายความสัก กอแสงเรือง เลขที่ 636/58-60 ถนนจรัญสนิทวงศ์ แขวงบางยี่ขัน เขตบางพลัด กทม.จึงรายงานผู้บัญชาแล้วรุดไปตรวจสอบ พร้อมด้วย พ.ต.อ.พูนประยูร อิศรศักดิ์ ณ อยุธยา ผกก.สน.บางยี่ขัน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน กลุ่มงานตรวจเครื่องกระสุนปืน กองบัญชาการตำรวจนครบาล

ที่เกิดเหตุเป็นอาคารพาณิชย์ 4 คูหา สูง 4 ชั้น ซึ่ง 3 คูหา เปิดเป็นสำนักงานทนายความ สัก กอแสงเรือง จากการตรวจสอบบริเวณชั้น 2 ซึ่งเป็นห้องทำงานของทนายความ พบเศษกระจกแตกกระจายอยู่บริเวณพื้น ที่บานกระจก 2 บาน มีรูกระสุนปืน ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว และบริเวณชั้น 3 ยังพบรูกระสุนปืนอีก 1 รู ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 นิ้ว ทำให้กระจกมีรอยร้าว เบื้องต้นเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานได้ตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุก่อนที่จะเก็บรายละเอียดทั้งหมดไปตรวจสอบอย่างละเอียด

นายสัก กอแสงเรือง เปิดเผยว่า ในอดีตเคยดำรงตำแหน่งเป็น คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แต่ปัจจุบันได้เปิดสำนักงานทนายความย่านจรัญสนิทวงศ์ ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อช่วงกลางดึก แต่เพิ่งจะทราบเรื่องจากทนายความที่เดินทางเข้ามาทำงานในตอนเช้า โดยทนายความได้ขึ้นไปทำงานที่ชั้น 2 จากนั้นก็พบว่าที่กระจกมีรูคล้ายกระสุนปืนและกระจกแตก ทั้งชั้น 2 และชั้น 3 จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.บางยี่ขัน ให้มาตรวจสอบ

**"สัก"ระบุครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด

นายสัก กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ามาจากสาเหตุใด ต้องให้เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะตรวจสอบ รวมทั้งนำภาพจากกล้องวงจรปิดที่ติดตั้งอยู่หน้าสำนักงานไปตรวจสอบ ที่ผ่านมา ยังไม่เคยมีเหตุกาณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด ก่อนหน้านี้ เคยถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ จดหมาย และไปรษณียบัตร ซึ่ง คตส.ทุกคนเคยถูกข่มขู่มาแล้วเกือบทุกคน ส่วนข้อความในจดหมายที่มีการข่มขู่ จะระบุว่า “ขอให้หยุด ขอให้เลิก และให้ระวังตัว” ซึ่งส่วนใหญ่จะโทรศัพท์เข้ามาที่สำนักงานและโทรศัพท์บ้านแม่และน้องที่ย่านดาวคะนอง

“ในการข่มขู่แต่ละครั้ง ไม่สามารถตรวจสอบได้ และผมก็ไม่เคยไปแจ้งความเอาไว้เลย แต่ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวานนี้อัยการได้ส่งหมายศาลมาที่บ้านผม เพื่อให้ไปเป็นพยานในคดี 7 หมื่น 6 พันล้านบาท ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกันกับที่ถูกข่มขู่เมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ผมก็จะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป โดยไม่ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มกัน ส่วนเรื่องที่จะไปเป็นพยานในศาลผมก็จะทำหน้าที่ตรงนั้นต่อไป” นายสัก กล่าว

**พยานเห็นมือปืนลั่นไก

ด้านแม่ค้าขายอาหารที่ตั้งอยู่ติดกับสำนักงานทนายความ กล่าวว่า หลังจากที่ตนขายข้าวแกงเสร็จประมาณ 02.00 น.ตนก็กำลังจะเข้านอน แต่เวลาประมาณ 04.30 น.ตนได้ยินเสียงคล้ายปืนดังมาก จึงมองผ่านประตูบ้านออกมาด้านนอก ก็พบร่างชายคนหนึ่งรูปร่างเตี้ย ผมสั้น ยืนอยู่บริเวณต้นไผ่ที่อยู่ด้านหน้าเต็นท์รถ แต่ช่วงนั้นมืดมาก ตนจึงมองไม่เห็นหน้าชายดังกล่าว

ด้าน พ.ต.อ.พูนประยูร กล่าวว่า จากการตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน พบว่า มีรูคล้ายรูกระสุนที่บานกระจก ชั้น 2-3 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบของ พฐ.แต่ทั้งนี้ ภายในสำนักงานทนายความของคุณสัก ไม่ได้รับความเสียหายและไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ ส่วนสาเหตุในครั้งนี้จะต้องสอบปากคำพยานและรวบรวมพยานหลักฐานอย่างละเอียดอีกครั้ง

**"สัก"พยานปากเอกปล่อยกู้พม่า

สำหรับสำนวนคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งให้ทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัวรวมทั้งผู้มีชื่อเป็นเจ้าของทรัพย์ รวม 22 ราย จำนวน 7.6 หมื่นล้านบาทเศษ พร้อมดอกผลให้ตกเป็นของแผ่นดิน เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติ โดยใช้อำนาจหน้าที่ขณะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ธุรกิจส่วนตัว ขณะนี้อยู่ระหว่างการไต่สวนพยานฝ่ายอัยการ ของศาลฎีกาแผนคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

โดยนัดต่อไป วันที่ 1 และ 3 ธ.ค.52 เวลา 09.30 น.ศาลนัดไต่สวนพยานอัยการที่เหลือ ประกอบด้วย นายบรรเจิด สิงคเนติ อดีตคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหาย (คตส.) เบิกความประเด็นการออกนโยบายยุครัฐบาลทักษิณ ที่เอื้อประโยชน์ธุรกิจและพวกพ้อง, นายสัก กอแสงเรือง อดีต คตส. ประเด็นการปล่อยกู้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) ดอกเบี้ยต่ำ มูลค่า 4,000 ล้านบาทให้รัฐบาลพม่า, นายกล้าณรงค์ จันทิก คณะกรรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และอดีต คตส. เบิกความประเด็นการซุกหุ้น, คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา อดีต คตส. ประเด็นการอายัดทรัพย์ และนายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. เบิกความสรุปปิดท้ายภาพรวม ในวันที่ 1 และ 3 ธ.ค.นี้ เวลา 09.30 น.

ส่วนการไต่สวนพยานอัยการนัดสุดท้าย วันที่ 8 ธ.ค.นี้ ศาลมีคำสั่งยกเลิกนัด เนื่องจากผู้พิพากษาองค์คณะติดภารกิจราชการต่างประเทศ ศาลจึงกำหนดไต่สวนนัดสุดท้ายเป็นวันที่ 15 ธ.ค.นี้ เวลา 09.30 น. ซึ่งอัยการเตรียมนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี เบิกความปิดท้ายประเด็นการปล่อยกู้ของเอ็กซิมแบงค์

*************

ย้อนรอยอำนาจเถื่อน คุกคามคนยุติธรรม-องค์กรอิสระ


“ขอให้หยุด ขอให้เลิก และให้ระวังตัว”นั่นคือคำขู่จากจดหมายส่งถึง"สัก กอแสงเรือง"อดีตคณะคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.)กับกระสุนปริศนาที่ส่องยิงถล่มสำนักงานทนายความย่านจริญสนิทวงศ์ จนได้รับความเสียหาย

"สัก กอแสงเรือง"กล่าวหนักแน่นว่ายังไม่เคยมีเหตุกาณ์เช่นนี้เกิดขึ้น ครั้งนี้ถือว่ารุนแรงที่สุด ก่อนหน้านี้ เคยถูกข่มขู่ทางโทรศัพท์ จดหมาย และไปรษณียบัตร ซึ่ง คตส.ทุกคนเคยถูกข่มขู่มาแล้วเกือบทุกคน ที่สำคัญ “ในการข่มขู่แต่ละครั้ง ไม่สามารถตรวจสอบได้ และผมก็ไม่เคยไปแจ้งความเอาไว้เลย แต่ครั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตว่า เมื่อวันที่ 26 พ.ย.อัยการได้ส่งหมายศาลมาที่บ้านผม เพื่อให้ไปเป็นพยานในคดี 7.6 หมื่นล้านบาท ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่ต่อเนื่องกันกับที่ถูกข่มขู่เมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม ผมก็จะทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายต่อไป โดยไม่ขอกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจมาคุ้มกัน ส่วนเรื่องที่จะไปเป็นพยานในศาลผมก็จะทำหน้าที่ตรงนั้นต่อไป”

กับความอุกอาจสร้างความรุนแรงสั่นสะเทือนในกระบวนการยุติธรรม อำนาจมืด อำนาจเถื่อน ยังคงรุกหนักคุกคามไม่เลิก และเป็นที่น่าสังเกตว่า ทุกครั้งที่มีการปัดฝุ่น หรือเดินหน้าเอาผิดในคดีต่างๆที่มีความเกี่ยวข้องกับ "นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร" ผู้ต้องหาหนีคดีทุจริตที่ดินรัชดาฯมักจะส่งผลให้เกิดเหตุรุนแรงในประเทศ และเกิดความปั่นป่วน ก่อกวน สร้างความเสียหายให้กับผู้ที่อยู่บนความถูกต้องเป็นธรรมเสมอ

และหากย้อนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เพื่อย้ำเตือนความทรงจำในทุกเหตุการณ์ที่ยังไม่สามารถจับคนก่อเหตุรุนแรงมาลงโทษตามกฎหมายได้

วันที่ 7 เม.ย. 52 เวลา 14.00 น.ตำรวจสามารถควบคุมตัวชายต้องสงสัยไปป้วนเปี้ยนที่บริเวณภายในซอยบ้านพักของ นายชาญชัย ลิขิตจิตถะ องคมนตรี ภายหลังจากที่ตำรวจได้เบาะแสว่า จะมีเหตุลอบสังหาร นายชาญชัย โดยจับได้ทั้งสิ้น 3 คน คือ นายคมิก หรือ เหน่ง สุขกาญจนกาศ อายุ 33 ปี นายภานุพงษ์ หรือ กอล์ฟ รัตนาไพบูรณ์ อายุ 32 ปี และ นายศักดิ์ชาย หรือ แบงค์ แซ่ลิ้ม อายุ 29 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนขนาด .38 มม.จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาดเดียวกัน 10 นัด และ รถ จยย.จำนวน 1 คัน ชั้นสอบสวน จำเลยทั้งหมดให้การรับสารภาพ โดยมี น.อ.จักรกฤษณ์ เสขะนันท์ หรือ “เสธ.เป๊ก” อายุ 51 ปี ผอ.กองวิทยาการ กรมกิจการพลเรือน กองทัพเรือซึ่งถูกพาดพิงว่ามีส่วนเกี่ยวข้องบงการฆ่าองคมนตรี และได้เดินทางเข้ามอบตัว ต่อมา 16 เม.ย. ศาลจังหวัดสมุทรปราการ ให้ปล่อยตัว “เสธ.เป๊ก”เหตุตรวจพยานหลักฐานไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี

วันที่ 13 เม.ย. 52 เวลา 01.30 น. คนร้ายไม่ทราบจำนวนลอบยิงระเบิดเอ็ม 79 เข้าไปยังศาลรัฐธรรมนูญจำนวน 3 ลูกแต่ระเบิดเพียงลูกเดียว สะเก็ดระเบิดถูก ส.อ.วันชัย วัฒนพงศ์ศิริ สห.ซึ่งทำหน้าที่ รปภ.ศาลรัฐธรรมนูญที่เฝ้าอยู่ด้านใน ได้รับบาดเจ็บที่เท้า ที่เฝ้าอยู่เจ็บ 1 ราย ขณะที่ตำรวจไม่ปักใจว่าเป็นฝีมือฝ่ายใด

วันที่ 11 ก.ย. 52 เวลา 05.00 น. คนร้ายปาระเบิดใส่บ้านของนายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตั้งอยู่เลขที่ 250 ซอยสิรินธร 2 ถนนสิรินธร แขวงและเขตบางพลัด ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ โดยตำรวจพบกระเดื่องระเบิดชนิด M-213 ตกอยู่ด้านบนกันสาด ซึ่งนายวิชา ได้ขายบ้านหลังดังกล่าวให้กับ ดร.ยุวลักษณ์ เวชวิทยาขลัง อาจารย์มหาวิทยาลัยราชภัฏธนบุรี ไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมาในราคา 5 ล้าน จนถึงขณะนี้ตำรวจยังตามจับคนร้ายไม่ได้

วันที่ 30 ก.ย. เวลา 12.00 น. คนร้ายซุกระเบิดแสวงเครื่องวางไว้หลังตู้ชุมสายโทรศัพท์ บริเวณริมรั้วศาลรัฐธรรมนูญ ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ระเบิดชนิดดังกล่าวเป็นระเบิดแสวงเครื่อง “แอมโฟร์” (AMFO) ซึ่งใช้ในการระเบิดเหมืองแร่ ลักษณะระเบิดทำจากท่อพีวีซีสีฟ้า ยาว 1 ฟุต เส้นผ่าศูนย์กลาง 3-4 นิ้ว มีสายไฟโยงต่อกับนาฬิกาปลุก และตั้งเวลาระเบิดไว้ 09.50 น.โดยภายในท่อบรรจุสารแอมโมเนียไนเตรท และดินปืน น้ำหนัก 1 กิโลกรัมไว้ นอกจากนี้มีตะปู และนอตใส่ไว้ในท่อดังกล่าว เพื่อทำเป็นระเบิดสังหาร

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ความรุนแรงที่ข่มขู่บุคคลสำคัญในกระบวนการยุติธรรม และองค์กรอิสระ แม้ขณะนี้จะยังไม่มีใครเสียชีวิต แต่เป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากเหตุเกิดขึ้นซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจยังแกะรอยจับคนบงการระดับบิ๊กยังไม่ได้ ซึ่งผู้มีอำนาจในระดับสูงของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และรัฐบาล ควรที่จะลงมาควบคุม จัดการอย่างจริงจัง เพื่อให้บ้านเมืองสงบสุขร่มเย็น และที่สำคัญ คนที่ซื่อสัตย์ สุจริต ตรงฉิน จะต้องไม่หวาดผวากับการที่จะต้องพูดให้เรื่องที่ถูกต้อง เอาผิดลงโทษกับคนโกงชาติ โกงแผ่นดินเกิดได้อีกต่อไป
กำลังโหลดความคิดเห็น