ศาลปกครอง มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายนักบริหารระดับ 9 ตามคำร้องขอ เพราะไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่ถือว่าเป็นการใช้อำนาจที่ชอบธรรม พร้อมเปิดทางให้มีอำนาจแต่งตั้งให้ นายอภิชัย ไปดำรงตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกว่า
วันนี้ (27 ส.ค.) ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาเพิกถอนคำสั่งของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ที่ 40/2549 ฉบับลงวันที่ 10 มี.ค.2549 ที่แต่งตั้ง นายอภิชัย ล้อไพบูลย์ทรัพย์ ผอ.สำนักงานกฎหมาย (นักบริหาร 9) ในขณะนั้น ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 ในสายงานนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 9 เนื่องจากเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
คดีนี้สืบเนื่องมาจาก นายอภิชัย ได้ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองว่า การออกคำสั่งดังกล่าวของคุณหญิงจารุวรรณไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะคุณหญิงจารุวรรณได้รับการคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินโดยไม่ชอบ ตามมาตรา 312, 333(1) ของรัฐธรรมนูญ 40 และมาตรา 15 วรรคหนึ่ง (6) มาตรา 30, 31 ของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน 2542 และคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรนูญที่ 47/2547 ลงวันที่ 6 ก.ค.2547 ประกอบกับเป็นการออกคำสั่ง เนื่องมาจากความไม่พอใจเป็นการส่วนตัว ที่ตนเองไม่ยอมมีมติไม่ลงโทษทางวินัยข้าราชการผู้หนึ่ง ตามที่คุณหญิงจารุวรรณต้องการ ทำให้มีผลกระทบต่อสถานะและสิทธิอื่นๆ ที่ตนควรจะได้รับโดยชอบ รวมทั้งทำให้ตนได้รับเงินประจำตำแหน่งลดลง
ส่วนเหตุผลที่ศาลมีคำพิพากษาเพิกถอนระบุว่า กรณีการแต่งตั้ง คุณหญิงจารุวรรณ เป็นผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน เป็นอำนาจของพระมหากษัตริย์และเมื่อมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ โดยยังไม่มีการเพิกถอน ย่อมถือว่า คุณหญิงจารุวรรณ มีอำนาจที่ออกคำสั่งที่ 40/2549 แต่งตั้งบุคคลเข้าเป็นข้าราชการสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน แต่เมื่อมาพิจารณาว่าคำสั่งแต่งตั้งนายอภิชัยไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ9 ในสายงานนักวิชาการตรวจอเงินแผ่นดิน 9 ชอบหรือไม่ เห็นว่า คณะกรรมการพิจารณาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ ที่ คุณหญิงจารุวรรณ ตั้งขึ้นได้มีมติเห็นชอบเสนอให้แต่งตั้งนายอภิชัยดำรงตำแหน่งผอ.สำนักงานกฎหมาย (นิติกร 9) หาก คุณหญิงจารุวรรณเห็นว่า นายอภิชัย ไม่เหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งดังกล่าวและให้ไปดำรงตำแหน่งก็ต้องมีเหตุผลที่ชอบธรรม
การที่ คุณหญิงจารุวรรณ อ้างว่า เมื่อพิจารณาจากประวัติราชการ ความรู้ความสามารถในการทำงาน เห็นว่า นายชูวิทย์ นุชถาวร ซึ่งเป็นผู้ร้องสอดในคดีนี้มีความเหมาะสมมากกว่า ศาลเห็นว่า เมื่อเปรียบเทียบประสบการณ์เกี่ยวกับทำงานด้านกฎหมายของนายอภิชัยและนายชูวิทย์แล้ว นายอภิชัยมีประสบการณ์ในการปฏิบัติงานด้านกฎหมายโดยตรงมากกว่า ส่วนที่อ้างว่า นายอภิชัย ขาดคุณสมบัติในการดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานกฎหมายตามโครงสร้างเดิม เพราะไม่ได้รับการอบรมเป็นนักกฎหมายระดับสูงภายใน 1 ปี ตามมาตรฐานกำหนดนักบริหาร 9 และอ้างว่า นายอภิชัย ไม่เคยบริหารงานในตำแหน่งผู้บริหารสำนักงานมาก่อนที่จะมาดำรงตำแหน่งผอ.สำนักงานกฎหมายเมื่อวันที่ 27ธ.ค.2547 ตามโครงสร้างเดิม เห็นว่า การแต่งตั้งบุคคลให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานกฎหมาย (นิติกร 9) ตามโครงสร้างใหม่ มาตรฐานกำหนดตำแหน่ง ผอ.สำนักงานกฎหมาย (นิติกร 9) ไม่ได้กำหนดให้ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต้องผ่านการอบรมนักบริหารระดับสูงมาแล้ว หรือต้องผ่านการอบรมหลักสูตรดังกล่าวภายใน 1 ปี นับแต่วันที่ได้รับการแต่งตั้งแต่อย่างใด
อีกทั้งเมื่อตรวจสอบประวัติของ นายชูวิทย์ ก็ไม่พบว่า ผ่านหลักสูตรนกับริหารระดับสูงมาก่อน เช่นเดียวกับ นายอภิชัย รวมทั้งยังไม่เคยบริหารงานในตำแหน่งผู้บริหารสำนักงานมาก่อนด้วย ข้ออ้างของคุณหญิงจารุวรรณจึงฟังไม่ขึ้น ประกอบกับยังปรากฏข้อเท็จจริงว่า ทั้ง นายอภิชัยและ นายชูวิทย์ ได้รับแต่งตั้งในระดับ 9 พร้อมกัน ซึ่งในโครงสร้างเดิม นายอภิชัย ได้รับการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนเป็นกรณีพิเศษ1ขั้น เมื่อวันที่ 1 ต.ค.2548 แสดงให้เห็นว่า นายอภิชัย มีผลการประเมินเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนประจำปี ในตำแหน่งผอ.สำนักงานกฎหมาย(นักบริหาร9)ในระดับดีเด่น ข้ออ้างของคุณหญิงจารุวรรณที่ว่า นายชูวิทย์ มีความรู้ความสามารถและอาวุโสที่เหมาะสม ที่จะดำรงตำแหน่ง ผอ.สำนักงานกฎหมาย (นิติกร 9) จึงไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
ดังนั้น การที่ คุณหญิงจารุวรรณ มีคำสั่งให้ นายอภิชัย ไปดำรงผู้ตรวจเงินแผ่นดิน 2 ระดับ 9 ในสายงานนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 9 โดยไม่ยอมทำตามมติของคณะกรรมการพิจารณาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่ จึงเป็นการใช้ดุลพินิจโดยมิชอบ จึงพิพากษาให้เพิกถอนคำสั่งที่ 40/2549 ลงวันที่ 10 มี.ค.2549 ในส่วนที่แต่งตั้ง นายอภิชัย ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจเงินแผ่นดิน2 และคุณหญิงจารุวรรณมีคำสั่งแต่งตั้งให้นายอภิชัยดำรงตำแหน่งอื่นที่เหมาะสมกับความรู้ความสามารถ ทั้งนี้ให้นำหลักเกณฑ์และวิธีการจัดคนลงตามโครงสร้างใหม่ ตามมติคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดินในการประชุมครั้งที่4 /2549 ลงวันที่ 18 ม.ค.2549 และมติของคณะกรรมการพิจารณาบุคคลให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ ตามโครงสร้างการแบ่งส่วนราชการภายในใหม่มาประกอบพิจารณาการแต่งตั้งด้วย โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน30วัน นับตั้งแต่คดีถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับกรณี คุณหญิงจารุวรรณ มีคำสั่งแต่งตั้งโยกย้ายโดยมิชอบศาลปกครองเคยมีคำพิพากษาเพิกถอนไปแล้วครั้งหนึ่งเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา เป็นกรณี น.ส.สุมิตรา เนตรสว่าง อดีตเจ้าหน้าที่ตรวจสอบภายใน 8 กลุ่มงานตรวจสอบภายใน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่คุณหญิงจารุวรรณมีคำสั่งฉบับเดียวกันย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งนักวิชาการตรวจเงินแผ่นดิน 8 สังกัดกลุ่มตรวจสอบการเงินที่ 2 สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินภูมิภาคที่ 1 (จ.พระนครศรีอยุธยา) โดยศาลฯสั่ง คุณหญิงจารุวรรณ ต้องคืนสิทธิ์ หรือหน้าที่ของ น.ส.สุมิตรา ให้ได้ปฏิบัติหน้าที่ราชการอยู่ที่ส่วนกลาง (กทม.) ตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค. 2549 จนเกษียณอายุราชการ
