ASTVผู้จัดการรายวัน – “กอร์ปศักดิ์” ถอดใจทิ้งเก้าอี้ประธานชุมชนพอเพียง ดัน “มีชัย ชัย วีระไวทยะ” เดินหน้าโครงการต่อ พร้อมยื่น สตง.ตรวจสอบควบคู่ตำรวจกองปราบ ยันไม่บีบ”สุมิท-ประโภชน์” ให้อิสระตัดสินใจลาออกเอง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวจะเปลี่ยนตัวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ในฐานะประธานพิจารณาโครงการชุมชนพอเพียง มาเป็นนายมีชัย วีระไวทยะ ว่า ถูกต้อง นายกอร์ปศักดิ์ ได้รายงานมาเบื้องต้นว่ามันเกิดปัญหาขึ้นในโครงการ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เจตนาดี นโยบายดี ควรจะต้องทำต่อ หากท่านอยู่แล้วเป็นอุปสรรคต่อการทำให้โครงการดีๆ อย่างนี้เดินต่อก็คิดว่าควรที่จะหาบุคคลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มาทำหน้าที่ซึ่งก็ได้เสนอชื่อนายมีชัยมาตนก็เห็นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปจะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่มีรอยต่อตนเข้าใจว่าตัวโครงการที่ค้างอยู่คงจะต้องรออยู่และในเรื่องของสำนักงานคงจะต้องไปดำเนินการแก้ไข โดยนายมีชัย จะต้องเป็นผู้เสนอมาว่าจะเดินต่อในรูปแบบไหนอย่างไร ขณะเดียวกันการตรวจสอบตรงนี้จะมีองค์กรอิสระ คือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่เราจะส่งเรื่องไปให้จะได้ไม่มีใครกังวลว่ารองนายกฯ เป็นอุปสรรคหรือเกี่ยวข้องอะไรกับใครจะได้สอบสวนอย่างเต็มที่ และเข้าใจว่ามีเรื่องที่จะต้องไปคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ด้วย ทุกอย่างจะได้ชัดเจน ในส่วนของพรรคนายเจริญ คันธวงศ์ ประธานคณะกรรมการสอบสวน ได้มารายงานและบอกว่าจะสรุปส่งให้กรรมการบริหารพรรคได้ภายใน 1-2 วันนี้
**โครงการต้องเดินหน้าต่อ
ส่วนจะเปลี่ยนแปลงตัวนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน หรือไม่นั้นนายกอร์ปศักดิ์จะเป็นคนอธิบายว่าทำอย่างไร ซึ่งท่านจะพูดเฉพาะในส่วนตัวของท่าน ส่วนที่เหลือจะมาโดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อเปลี่ยนเป็นนายมีชัย ท่านก็จะเสนอโครงสร้างกรรมการต่างๆ เข้ามาโดยมีอำนาจอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า หลังจากนี้คิดว่าจะเกิดปัญหาอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบต้องทำต่อ แต่ปัญหาเรื่องโครงการจะเดินต่อไปได้นั้น ตนคิดว่า จะทำให้เดินได้ด้วยความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น และเป็นการยืนยันอีก 2 เรื่อง คือ 1. รัฐบาลยังเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี จำเป็น และต้องทำให้ได้ 2.ทุกเรื่องเวลาเกิดปัญหา เราก็รับฟังและตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
**เร่ง สตง.สอบสร้างความโปร่งใส
ด้านนายกอร์ปศักดิ์ เปิดเผยภายหลังเดินทางไปพบคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ว่า การมาครั้งนี้เพื่อเร่งที่ให้สตง.จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการบริหารงานของสำนักงานชุมชนพอเพียงโดยเร็วเนื่องจากเกิดความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานดังกล่าว นอกเหนือจากที่ได้แจ้งความร้องทุกข์แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามแล้ว เพื่อร่วมสอบสวนการกระทำที่อาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติหรืออาจมีทุจริตของเจ้าหน้าที่และบุคคลต้องสงสัยทั้งในและนอกสำนักงานชุมชนพอเพียง
และแม้ว่าโดยปกติการทำงานของสตง.จะเข้าตรวจสอบการทำงานของโครงการต่างๆ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการไปแล้ว 2-3 ปี แต่ครั้งนี้จะขอให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้เกิดความโปร่งใสของการบริหารโครงการ อีกทั้งเพื่อให้เกิดการตรวจสอบจริงจังและสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานโครงการนี้กับนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้าวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
"อยากให้แนวทางการลาออกของผมในครั้งนี้เป็นแนวทางที่นักการเมืองอื่นควรจะทำหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยหากจะยกเลิกโครงการไปตามที่ฝ่ายค้านต้องการ เนื่องจากโครงการนี้มีประโยชน์และมีความสำคัญกับประชาชนในแง่ของการกระจายเงิน อำนาจและสร้างความเป็นอยู่อย่างพอเพียง"นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
**ปล่อย”สุมิท-ประโภชน์”ตัดสินใจไขก๊อกเอง
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ควรเดินหน้าต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาในปีงบ 52 ใช้เงินงบประมาณไปแล้ว 5 พันล้านบาท จากทั้งหมด 2.1 หมื่นล้านบาท จึงเหลืองบที่จะใช้ในสิ้นปีงบ หรือ 30 ก.ย.นี้อีก 1.6 หมื่นล้านบาทจึงขอให้ระงับไว้ก่อน เพื่อให้การตรวจสอบการโกงรู้ผล รู้ข้อบกพร่องและอุดรูรั่วที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน แต่ด้วยเวลาที่เหลืออีก 45 วันจึงจะสิ้นปีงบ จึงอาจต้องใช้งบที่เหลือเป็นงบเหลื่อมปีของปีงบประมาณ 53 แทน
นอกจากนี้ได้หารือกับนายกฯเพื่อแต่งตั้งประธานโครงการชุมชนพอเพียงใหม่ โดยตนได้เสนอนายมีชัย วีระไวทยะ ซึ่งเป็นรองประธานอยู่แล้ว และนายมีชัยก็เป็นกลาง ไม่ใช่นักการเมือง จึงมีความเหมาะสม คาดนายกฯจะมีคำสั่งแต่งตั้งเร็วๆนี้ ส่วนกรณีของนายสุมิท และนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผู้อำนวยการสำนักงาน ซึ่งเป็นน้องชายตนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมทุจริตนั้น จะลาออกตามหรือไม่แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละคน ตนไม่สามารถตัดสินแทนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานโครงการ ทำไมถึงสามารถลงนามแต่งตั้งตนเองเป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการโครงการ ทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติโครงการชุมชนพอเพียงได้ นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ถือเป็นการทำงานปกติเมื่อการทำงานจำเป็นต้องแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมา โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ซึ่งชุดวิชาการมีนายมีชัยเป็นประธาน ขณะที่ชุดอำนวยการมีตนเป็นประธาน เพราะมองว่าคนอื่นมีหน้าที่อื่นอยู่แล้ว เช่น นายกนก วงศ์ตระหง่าน ก็ดูแลโครงการต้นกล้าอาชีพ ฉะนั้นแต่งตั้งตนเองไม่ผิด แต่หากอนุมัติโครงการโดยมิชอบจึงจะผิด
**ยันออกเองพรรคไม่กดดัน
เมื่อถามว่าหากผลการตรวจสอบออกมาว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการนี้จะรับผิดชอบอย่างไร นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ยากที่จะรับผิดชอบเพราะตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ในแง่ตนไม่มีปัญหาแต่ไม่อยากให้โครงการมีปัญหา และตนก็ไม่เชื่อว่ามีโครงการเดียวในหลายๆโครงการของรัฐที่จะโกง แต่โครงการนี้เนื่องจากตนมีภาระดูแลและเป็นประธานและรองประธานอื่นๆ อีก 9 โครงการ จึงไม่มีเวลาเต็มที่ หมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการก็มีถึง 8 หมื่นหมู่บ้าน ดังนั้นจึงเลือกลาออกเพื่อให้คนกลางเข้ามาทำงานได้ และยืนยันการลาออกครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการกดดันของคนในพรรคประชาธิปัตย์
**"เด็จพี่"กัดไม่ปล่อย จี้ “กอร์ปศักดิ์” ลาออกรองนายกฯด้วย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดสพช.เป็นการแสดงความรับผิดชอบของนายกอร์ปศักดิ์วันนี้ยังไม่เพียงพอ ต้องลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยเพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วเป็นหลักล้านบาท นอกจากนี้ นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สพช. และนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผอ.สพช. ก็ควรจะลาออกด้วยเพื่อเปิดทางให้คนใหม่เข้ามาฟอกโครงการ และไม่อยากให้มีการตัดตอนความผิด หากนายกอร์ปศักดิ์ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีและคนเหล่านี้ยังนั่งเป็นบอร์ดอยู่ ขอถามว่าใครจะกล้าตรวจสอบเอาผิด
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีข่าวจะเปลี่ยนตัวนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ในฐานะประธานพิจารณาโครงการชุมชนพอเพียง มาเป็นนายมีชัย วีระไวทยะ ว่า ถูกต้อง นายกอร์ปศักดิ์ ได้รายงานมาเบื้องต้นว่ามันเกิดปัญหาขึ้นในโครงการ ซึ่งโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เจตนาดี นโยบายดี ควรจะต้องทำต่อ หากท่านอยู่แล้วเป็นอุปสรรคต่อการทำให้โครงการดีๆ อย่างนี้เดินต่อก็คิดว่าควรที่จะหาบุคคลที่สามารถสร้างความเชื่อมั่นได้มาทำหน้าที่ซึ่งก็ได้เสนอชื่อนายมีชัยมาตนก็เห็นด้วย
ผู้สื่อข่าวถามว่า จากนี้ไปจะเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ในช่วงที่มีรอยต่อตนเข้าใจว่าตัวโครงการที่ค้างอยู่คงจะต้องรออยู่และในเรื่องของสำนักงานคงจะต้องไปดำเนินการแก้ไข โดยนายมีชัย จะต้องเป็นผู้เสนอมาว่าจะเดินต่อในรูปแบบไหนอย่างไร ขณะเดียวกันการตรวจสอบตรงนี้จะมีองค์กรอิสระ คือสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ที่เราจะส่งเรื่องไปให้จะได้ไม่มีใครกังวลว่ารองนายกฯ เป็นอุปสรรคหรือเกี่ยวข้องอะไรกับใครจะได้สอบสวนอย่างเต็มที่ และเข้าใจว่ามีเรื่องที่จะต้องไปคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ด้วย ทุกอย่างจะได้ชัดเจน ในส่วนของพรรคนายเจริญ คันธวงศ์ ประธานคณะกรรมการสอบสวน ได้มารายงานและบอกว่าจะสรุปส่งให้กรรมการบริหารพรรคได้ภายใน 1-2 วันนี้
**โครงการต้องเดินหน้าต่อ
ส่วนจะเปลี่ยนแปลงตัวนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงาน หรือไม่นั้นนายกอร์ปศักดิ์จะเป็นคนอธิบายว่าทำอย่างไร ซึ่งท่านจะพูดเฉพาะในส่วนตัวของท่าน ส่วนที่เหลือจะมาโดยอัตโนมัติ เพราะเมื่อเปลี่ยนเป็นนายมีชัย ท่านก็จะเสนอโครงสร้างกรรมการต่างๆ เข้ามาโดยมีอำนาจอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า หลังจากนี้คิดว่าจะเกิดปัญหาอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การตรวจสอบต้องทำต่อ แต่ปัญหาเรื่องโครงการจะเดินต่อไปได้นั้น ตนคิดว่า จะทำให้เดินได้ด้วยความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น และเป็นการยืนยันอีก 2 เรื่อง คือ 1. รัฐบาลยังเห็นว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี จำเป็น และต้องทำให้ได้ 2.ทุกเรื่องเวลาเกิดปัญหา เราก็รับฟังและตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา
**เร่ง สตง.สอบสร้างความโปร่งใส
ด้านนายกอร์ปศักดิ์ เปิดเผยภายหลังเดินทางไปพบคุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง. ว่า การมาครั้งนี้เพื่อเร่งที่ให้สตง.จัดส่งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบการบริหารงานของสำนักงานชุมชนพอเพียงโดยเร็วเนื่องจากเกิดความไม่โปร่งใสในการดำเนินงานดังกล่าว นอกเหนือจากที่ได้แจ้งความร้องทุกข์แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจกองปราบปรามแล้ว เพื่อร่วมสอบสวนการกระทำที่อาจเข้าข่ายไม่เป็นไปตามระเบียบปฏิบัติหรืออาจมีทุจริตของเจ้าหน้าที่และบุคคลต้องสงสัยทั้งในและนอกสำนักงานชุมชนพอเพียง
และแม้ว่าโดยปกติการทำงานของสตง.จะเข้าตรวจสอบการทำงานของโครงการต่างๆ เมื่อเสร็จสิ้นโครงการไปแล้ว 2-3 ปี แต่ครั้งนี้จะขอให้ สตง.เข้ามาตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้เกิดความโปร่งใสของการบริหารโครงการ อีกทั้งเพื่อให้เกิดการตรวจสอบจริงจังและสร้างความมั่นใจแก่ประชาชน ตนได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งประธานโครงการนี้กับนายกรัฐมนตรีเมื่อเช้าวันที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาแล้ว
"อยากให้แนวทางการลาออกของผมในครั้งนี้เป็นแนวทางที่นักการเมืองอื่นควรจะทำหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยหากจะยกเลิกโครงการไปตามที่ฝ่ายค้านต้องการ เนื่องจากโครงการนี้มีประโยชน์และมีความสำคัญกับประชาชนในแง่ของการกระจายเงิน อำนาจและสร้างความเป็นอยู่อย่างพอเพียง"นายกอร์ปศักดิ์ กล่าว
**ปล่อย”สุมิท-ประโภชน์”ตัดสินใจไขก๊อกเอง
รองนายกฯ กล่าวต่อว่า โครงการนี้ควรเดินหน้าต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาในปีงบ 52 ใช้เงินงบประมาณไปแล้ว 5 พันล้านบาท จากทั้งหมด 2.1 หมื่นล้านบาท จึงเหลืองบที่จะใช้ในสิ้นปีงบ หรือ 30 ก.ย.นี้อีก 1.6 หมื่นล้านบาทจึงขอให้ระงับไว้ก่อน เพื่อให้การตรวจสอบการโกงรู้ผล รู้ข้อบกพร่องและอุดรูรั่วที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน แต่ด้วยเวลาที่เหลืออีก 45 วันจึงจะสิ้นปีงบ จึงอาจต้องใช้งบที่เหลือเป็นงบเหลื่อมปีของปีงบประมาณ 53 แทน
นอกจากนี้ได้หารือกับนายกฯเพื่อแต่งตั้งประธานโครงการชุมชนพอเพียงใหม่ โดยตนได้เสนอนายมีชัย วีระไวทยะ ซึ่งเป็นรองประธานอยู่แล้ว และนายมีชัยก็เป็นกลาง ไม่ใช่นักการเมือง จึงมีความเหมาะสม คาดนายกฯจะมีคำสั่งแต่งตั้งเร็วๆนี้ ส่วนกรณีของนายสุมิท และนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผู้อำนวยการสำนักงาน ซึ่งเป็นน้องชายตนถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมทุจริตนั้น จะลาออกตามหรือไม่แล้วแต่ดุลพินิจของแต่ละคน ตนไม่สามารถตัดสินแทนได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าในฐานะประธานโครงการ ทำไมถึงสามารถลงนามแต่งตั้งตนเองเป็นประธานคณะอนุกรรมการอำนวยการโครงการ ทำหน้าที่พิจารณาอนุมัติโครงการชุมชนพอเพียงได้ นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ถือเป็นการทำงานปกติเมื่อการทำงานจำเป็นต้องแต่งตั้งอนุกรรมการขึ้นมา โดยแบ่งเป็น 2 ชุด ซึ่งชุดวิชาการมีนายมีชัยเป็นประธาน ขณะที่ชุดอำนวยการมีตนเป็นประธาน เพราะมองว่าคนอื่นมีหน้าที่อื่นอยู่แล้ว เช่น นายกนก วงศ์ตระหง่าน ก็ดูแลโครงการต้นกล้าอาชีพ ฉะนั้นแต่งตั้งตนเองไม่ผิด แต่หากอนุมัติโครงการโดยมิชอบจึงจะผิด
**ยันออกเองพรรคไม่กดดัน
เมื่อถามว่าหากผลการตรวจสอบออกมาว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นในโครงการนี้จะรับผิดชอบอย่างไร นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ยากที่จะรับผิดชอบเพราะตนไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง ในแง่ตนไม่มีปัญหาแต่ไม่อยากให้โครงการมีปัญหา และตนก็ไม่เชื่อว่ามีโครงการเดียวในหลายๆโครงการของรัฐที่จะโกง แต่โครงการนี้เนื่องจากตนมีภาระดูแลและเป็นประธานและรองประธานอื่นๆ อีก 9 โครงการ จึงไม่มีเวลาเต็มที่ หมู่บ้านที่เข้าร่วมโครงการก็มีถึง 8 หมื่นหมู่บ้าน ดังนั้นจึงเลือกลาออกเพื่อให้คนกลางเข้ามาทำงานได้ และยืนยันการลาออกครั้งนี้ไม่ได้เกิดจากการกดดันของคนในพรรคประชาธิปัตย์
**"เด็จพี่"กัดไม่ปล่อย จี้ “กอร์ปศักดิ์” ลาออกรองนายกฯด้วย
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า นายกอร์ปศักดิ์ ลาออกจากตำแหน่งประธานบอร์ดสพช.เป็นการแสดงความรับผิดชอบของนายกอร์ปศักดิ์วันนี้ยังไม่เพียงพอ ต้องลาออกจากตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีด้วยเพราะมีความเสียหายเกิดขึ้นแล้วเป็นหลักล้านบาท นอกจากนี้ นายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สพช. และนายประโภชฌ์ สภาวสุ รองผอ.สพช. ก็ควรจะลาออกด้วยเพื่อเปิดทางให้คนใหม่เข้ามาฟอกโครงการ และไม่อยากให้มีการตัดตอนความผิด หากนายกอร์ปศักดิ์ยังเป็นรองนายกรัฐมนตรีและคนเหล่านี้ยังนั่งเป็นบอร์ดอยู่ ขอถามว่าใครจะกล้าตรวจสอบเอาผิด