xs
xsm
sm
md
lg

"กขช"หวั่นวิกฤตอาหารโลก ข้าวทั้งโลกเหลือ432ล้านตัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน -วิกฤติอาหารโลก “กขช.” รับทราบผลผลิตข้าวทั้งโลก เหลือเพียง 432 ล้านตัน ลดลงจากปีก่อน 13.68 ล้านตัน ทั้งที่ทั่วโลกมีความต้องการ 436.84 ล้านตัน เผย “เวียดนาม” จี้ไทยส่งออกข้าว หลังพบได้รับออเดอร์ใหม่กระฉูด

นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ(กขช.) ว่า ที่ประชุมได้รับทราบรายงานสถานการณ์ข้าวของโลก พบว่า ผลผลิตลดลงจากปีก่อน 13.68 ล้านตัน โดยมีผลผลิตเพียง 432ล้านตัน ขณะที่ความต้องการใช้มีถึง 436.84ล้านตัน มากกว่าผลผลิต 4.75ล้านตัน ส่งผลให้สต๊อกลดลงจาก 90.67 ล้านตัน เหลือ 85.92 ตันทำให้การค้าของโลกเพิ่มขึ้นเป็น 29.54 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 4.39 %จาก 28.30 ล้านตันในปีก่อน จึงส่งผลให้ราคาตลาดโลกมีแนวโน้มสูงขึ้น

ขณะที่สถานการณ์การส่งออกข้าว ไทยจะยังคงเป็นผู้ส่งออกข้าวอันดับ 1 ส่งออกประมาณ 10 ล้านตันข้าวสาร เพิ่มขึ้น 17.65% จากปีก่อนที่อยู่ที่ 8.5 ล้านตัน ขณะที่เวียดนามส่งออก 5.5 ล้านตันข้าวสาร ลดลง 9.17 % จากปีก่อน 5.8 ล้านตัน ปากีสถาน ส่งออก 3.3 ล้านตัน เพิ่มมขึ้น 10% จากปีก่อน 3 ล้านตัน สหรัฐอเมริกา ส่งออก 3.05 ล้านตัน ลดลง 1.61 % จากปีก่อน 3.1 ล่านตัน และ อินเดียส่งออก 1.5 ล้านตัน ลดลง 25% จากปีก่อนส่งออก 2ล้านตันตามลำดับ

ส่วนประเทศผู้นำเข้าสำคัญของโลกได้แก่ ฟิลิปปินส์ คาดว่าจะนำเข้าเพิ่มขึ้นประมาณ 2.6 ล้านตันข้าวสาร มากกว่า 51/52ที่นำเข้า 2 ล้านตันข้าวสาร อิหร่าน ประมาณ 1.7 ล้านตันข้าวสาร ไนจีเรีย 1.6 ล้านตันข้าวสาร ซาอุดิอาระเบีย 1.4 ล้านตันข้าวสาร อิรัก 1.1 ล้านตันข้าวสาร

ขณะที่ราคาส่งออก FOB เมื่อวันที่ 25 พ.ย. 52 เทียบเดือนตุลาคม 2552 ข้าวหอมมะลิ 100%อยู่ที่ตันละ 1,082 เหรียญสหรัฐ สูงขึ้น 37 เหรียญสหรัฐ ข้าว 5% อยู่ที่ตันละ 559 เหรียญสหรัฐ สูงขึ้น ตันละ 61เหรียญสหรัฐ ส่วนข้าวขาว 5% ของเวียดนาม อยู่ที่ตันละ 480 เหรียญสหรัฐ สูงขึ้นจากเดือนต.ค. ตันละ 85 เหรียญสหรัฐ เนื่องจากตลาดต่างประเทศมีความต้องการชื้อข้าวของเวียดนามที่มีราคาต่ำกว่าข้าวขาว 5% ของไทย ประมาณตันละ 79 เหรียญสหรัฐ ขณะที่ผลผลิตข้าวของเวียดนามออกสู่ตลาดน้อยลง แต่เวียดนามได้มีการทำสัญญาชื้อขายไว้และเป็นช่วงส่งมอบข้าวแก่ผู้ชื้อรายใหญ่ สำหรับประเทศไทยมีแนวโน้มส่งออกข้าวได้เพิ่มมากขึ้นในตลาดแอฟริการที่มีความต้องการนำเข้าแทนข้าวจากอินเดียที่ยังห้ามการส่งออก

โดยผลผลิตข้าวไทยในปี 2552/ 53 อยู่ที่ 23.235 ล้านตันข้าวเปลือก เพิ่มขึ้นจากปีก่อนเล็กน้อยโดยผลผลิตจะออกสุตลาดมากในช่วง พ.ย. – ธ.ค. ประมาณ 75.29 % หรือ 17.45 ล้านตันข้าวเปลือก ขณะที่การส่งออก 1 ม.ค. – 20 พ.ย. 52 รวม 7.695 ล้านตัน ลดลงจาดปีที่แล้วประมาณ 1.6 ล้านตัน

ส่วนโครงการแทรกแซงตลาดรับซื้อข้าวเปลือกนั้น ณ วันที่ 24 พ.ย. มีโรงสีที่สมัครเข้าร่วมโครงการ 632 โรง แบ่งเป็น อคส.487 โรง และ อตก. 145 โรง ได้รับอนุมัติเปิดจุด 220 โรง เปิดจุดรับซื้อแล้ว 46 แห่ง 16 จังหวัด โดย อคส.ได้รับซื้อข้าวเปลือกเจ้า 5% จำนวน 516.29 ตัน

ขณะที่การทำสัญญาประกันรายได้เกษตรกร ปี 2552/ 53 ณ วันที่ 26 พ.ย.มี่เกษตรกรมาขึ้นทะเบียนแล้วจำนวน 3.3 ล้านรายผ่านการประชาคมแล้ว3.1 ล้านราย ธ.ก.ส. ได้ทำสัญญาแล้ว 1.9 ล้านราย คงเหลือ 1.18 ล้านราย โดย ธ.ก.ส. จะเร่งรัดทำสัญญาให้แล้วเสร็จในวันที่ 6 ธ.ค.นี้ ส่วนสัปดาห์ต่อไปจะทำการเก็บตกผู้ที่ยังไม่ได้ทำสัญญา

นายกอร์ปศักดิ์กล่าวอีกว่า ได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์นำผลการพิจารณาผลผลิตต่อไร่ เสนอต่อ ครม.ในวันที่ 1 ธ.ค.นี้ โดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน เช่น กาญจนบุรี และราชบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีพื้นที่นาที่มีระบบชลประธานเหมือนกัน ควรจะได้รับผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ใกล้เคียงกัน เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม และอยู่บนพื้นฐานที่เป็นจริง โดยอาจพิจารณาจากผลการประชุมของคณะอนุกรรมการฯระดับจังหวัดที่ได้มีการประชุมหารือกันไว้ นอกจากนี้ยังได้มอบหมายให้ฝ่ายเลขานุการปรับปรุงคู่มือการดำเนินโครงการ ประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าวปี 2552/53 ตามที่ได้มีการหารือกันไว้ และนำเสนอ ครม.รับทราบ อย่างไรก็ตามคาดว่าจะสามารถเผยแพร่คู่มือดังกล่าวได้ในวันนี้ (27 พ.ย.)
กำลังโหลดความคิดเห็น