xs
xsm
sm
md
lg

รัฐฝันค้างเอทานอลจากมันสำปะหลังส่อดันราคาพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน- ความหวังของรัฐบาลที่จะเห็นผู้ผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังมาช่วยฉุดราคาเอทานอลลดลงริบหรี่หลังศัตรูพืชระบาดหนักทำให้หัวมันสดส่อขาดแถมราคาพุ่งกระฉูด ขณะที่โมลาสเปิดฤดูใหม่พุ่งถึง 150 เหรียญต่อตัน

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี นายกสมาคมการค้าผู้ผลิตเอทานอลไทย เปิดเผยว่า มีแนวโน้มว่าการผลิตเอทานอลจากมันสำปะหลังจะมีต้นทุนที่สูงกว่าที่เคยคาดไว้หลังจากที่ผลผลิตมันสำปะหลังปี 2552/53 เกิดตกต่ำและอาจขาดแคลนได้เนื่องจากเกิดการแพร่ระบาดของเพลี้ยที่เป็นศัตรูพืชที่สำคัญจนมีผลให้ราคาหัวมันสดที่เคยคาดการณ์ไว้ว่าจะอยู่ที่ระดับ 1.70 บาทต่อกิโลกรัม(ก.ก.)กลับมาสูงกว่า 2 บาทต่อก.ก.

“ เราเคยตั้งความหวังไว้ค่อนข้างสูงว่าเอทานอลจากมันสำปะหลังจะมาช่วยดึงราคาเอทานอลที่ผลิตจากโมลาส(กากน้ำตาล)ที่มีราคาแพงให้ลดต่ำลงมาได้แต่เวลานี้กลายเป็นเรื่องวิกฤติขึ้นเมื่อหัวมันสดกลับมีราคาแพงซึ่งผลกระทบนี้ระยะสั้นยังมีสต็อกมันเก่าอยู่แต่กลางเดือนธ.ค.เป็นต้นไปจะเป็นการผลิตจากมันใหม่ที่จะมีราคาแพงขึ้น ขณะที่โมลาสราคาซื้อขายล่วงหน้าเปิดฤดูหีบใหม่เริ่มต้นแตะ 150 เหรียญต่อตันซึ่งถือว่าสูงมากตามทิศทางตลาดโลก”นายสิริวุทธิ์กล่าว

นายสุพจน์ ศรีสถาพร ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและฝ่ายขาย บริษัท ทรัพย์ทิพย์ จำกัด ผู้ผลิตเอทานอล กล่าวว่า ขณะนี้ราคามันสำปะหลังขยับตัวสูงต่อเนื่องเพราะมีปัญหาศัตรูพืชระบาดหนักประกอบกับประเทศจีนมีการกว้านซื้อจำนวนมากส่งผลให้ราคาหัวมันสดสำปะหลังเลยราคาประกันของรัฐบาลไปค่อนข้างมากแล้วดังนั้นทิศทางราคาเอทานอลในปี 2553 หากพิจารณาจากวัตถุดิบหลักทั้งมันสำปะหลังและโมลาสแล้วช่วงไตรมาสแรกปี 2553 ราคาจะเฉลี่ยประมาณ 24-25 บาทต่อลิตร

“ราคาเอทานอลปีหน้าดูจากวัตถุดิบการผลิตที่มีราคาสูงจะทำให้ภาพรวมการผลิตสูงขึ้นไปด้วย ดังนั้นโอกาสเฉลี่ยทั้งปีราคาจะไม่ต่ำกว่า 20 บาทต่อลิตรแน่นอน ทั้งนี้ยอมรับว่าปริมาณการผลิตเอทานอลที่เกินความต้องการปัจจุบันส่งผลให้ผู้ผลิตที่เกิดก่อนและมีตลาดรองรับจะได้เปรียบ แต่ผู้ผลิตที่มาภายหลังคงลำบาก”นายสุพจน์กล่าว

นายชาญชิต นาวงศ์ศรี ผู้จัดการโรงงานเอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด กล่าวว่า ปี 2553 แนวโน้มราคาพลังงานทดแทนโดยเฉพาะปาล์มบริสุทธิ์หรือบี -100 ที่จะเป็นส่วนหนึ่งในการนำไปผสมดีเซลนั้นจะมีราคาเฉลี่ยสูงขึ้นเล็กน้อยตามทิศทางราคาน้ำมันตลาดโลก ทั้งนี้เนื่องจากราคาปาล์มของไทยอิงราคามาเลเซียเป็นหลัก อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลบังคับจำหน่ายบี 3 ในปี 2553 ก็จะทำให้ปริมาณการผลิตกับความต้องการใช้ในภาคพลังงานใกล้เคียงกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น