xs
xsm
sm
md
lg

ทักษิณ ป่วย : มะเร็งอารมณ์ร้ายแรงกว่ามะเร็งต่อมลูกหมาก

เผยแพร่:   โดย: วิทยา วชิระอังกูร


ทักษิณ ชินวัตร จะเจ็บป่วยเป็นโรคมะเร็งต่อมลูกหมากจริงหรือไม่ ผมไม่เคยใส่ใจนัก เพราะเชื่อว่า โรคยา อโรคยา เป็นเรื่องปกติวิสัยของสังขารมนุษย์ที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปตามกรรม และตามความไม่เที่ยงแห่งโลกธรรม

แต่ผมเชื่อโดยสนิทใจมานานว่า ทักษิณ ชินวัตร เจ็บป่วยทางใจจริง โดยติดตามวิเคราะห์จากพฤติกรรมต่างๆ ของเขา ต่อเนื่องมาเป็นลำดับตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี จนถึงช่วงที่ระเหเร่ร่อนหลบหนีการปฏิวัติรัฐประหาร และหลบหนีคดีความออกนอกประเทศ ซึ่งอาการทางจิตส่อแสดงให้เห็นชัดแจ้งมากขึ้นเป็นลำดับตลอดมา

ผมเคยมีความรู้สึกโกรธแค้นชิงชังการกระทำของเขา เฉกเช่นเดียวกับคนไทยที่รักชาติและรักความเป็นธรรมทุกคน แต่โดยต้นทุนที่นับถือพุทธ และศึกษาธรรมะมาบ้างพอสมควร จึงพยายามข่มใจใช้หลักเมตตาธรรมพิจารณาเขาอย่างรอบด้านอยู่สมอ แล้วก็พบว่า ทักษิณ ชินวัตร เจ็บป่วยทางใจ มีอาการทางจิตที่ผิดปกติค่อนข้างรุนแรง ซึ่งผมเคยวานให้ ว.แหวนลงยา เขียนถึงเขาไว้เมื่อเดือนมีนาคม 2552ว่า

                                เขาคือ คนป่วย
                        ไม่มีใครช่วย ฟูมฟัก รักษา
                          เชื้อร้าย รุมเร้า เรื่อยมา
                      กำเริบเกิน เยียวยา ด้วยยาใด
                               เขาคือ คนป่วย
                         มีพิษโลภ ร่ำรวย ยิ่งใหญ่
                      หลงปลื้มลืมตัว ไม่เห็นหัวใคร
                     เอาแต่ใจ จนใจ กระเจิดกระเจิง
                                เขาคือ คนป่วย
                  ถูกเอื้ออวย จนเลอเลิศ เตลิดเหลิง
                    รวบอำนาจ มาดมั่น มากชั้นเชิง
                  เหลิงจนเผลอ วางเพลิง เผาตนเอง
                               เขาคือ คนป่วย
                     คนไม่ช่วย มีแต่คน เข้าข่มเหง
                    ส่งสอพลอ ปอปั้น ล้อมบรรเลง
               ให้เพลินเพลง เพี้ยนเพี้ยน อยู่เวียนวน
                               เขาคือ คนป่วย
                  คนรอบข้าง รุมกันช่วย ดันดั้นด้น
                 หลอกขวา หลอกซ้าย ร่ายเล่ห์กล
                  หลอกหว่านล้อม มวลชน มาชูธง
                              เขาคือ คนป่วย
                      งุ่นง่าน งงงวย จนเลอะหลง
                 เสื่อมลาภ เสื่อมยศ ไม่ปลดปลง
                ยังเวียนว่าย ในแวดวง หลงงมงาย
                             เขาคือ คนป่วย
                 ยังเมตตา อยากช่วย ให้เขาหาย
                อยากไปรับ กลับบ้าน สบายสบาย
              หยุดคิดร้าย อาจหายป่วย ด้วย คิดดีดี!

(ทักษิณ...ป่วย, www.oknation.net/blog/wachira89)

อาการเจ็บป่วยทางจิตของทักษิณ ชินวัตร จะมีชื่อเรียกทางจิตเวชว่ากระไร คงยังระบุชัดไม่ได้จนกว่าผู้ป่วยจะได้เข้ารับการบำบัดรักษาอย่างจริงจัง แต่เท่าที่สอบถามจากผู้รู้ทางจิตศาสตร์ ก็พอจะอนุมานได้ว่า อาการที่เป็นอยู่เข้าลักษณะความผิดปกติทางจิตและพฤติกรรม (Mental and behavioural disoders) ซึ่งอยู่ในข่ายจิตเภทพฤติกรรมแบบจิตเภท และความหลงผิด (Schizophrenia, schizotypal and dulusional disoders) หรือโรคอารมณ์แกว่งไกวที่เรียกว่า Persistent mood (affective) disorders

แต่เอาเถิดจะเป็นจิตเภทประเภทใดแน่ก็ตามที ก็คงต้องยกให้เป็นหน้าที่ของจิตแพทย์ที่จะต้องช่วยกันสงเคราะห์วิเคราะห์วิจัยตามหลักวิชาการจิตศาสตร์กันต่อไป

ปัญหาที่น่าวิตกกังวลขณะนี้สำหรับคนไทยทุกคน ก็คือ อาการทางจิตที่กำเริบขึ้นตลอดเวลาของ ทักษิณ ชินวัตรมันมีแนวโน้มที่จะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประเทศชาติและสังคมไทยมากยิ่งขึ้นตลอดเวลา

โดยเฉพาะความหลงผิดที่กำเริบเสิบสานถึงขั้นจะลอกเลียน Hun sen modelใช้กองกำลังต่างประเทศก่อสงครามทำลายล้างประเทศชาติบ้านเกิดเมืองนอนของตนเอง เพื่อล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และสถาปนาตนขึ้นยึดกุมอำนาจการปกครองบ้านเมืองอย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ตามเยี่ยงอย่างที่ ฮุนเซน กระทำต่อประเทศกัมพูชา

ผมเคยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในเรื่องปฏิญญาฟินแลนด์ แต่ขณะนี้ต้องเชื่อร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะทุกสิ่งที่ระบุไว้ในปฏิญญาบัดซบนั้น มันมีร่องรอยที่ได้เกิดขี้นแล้ว โดยการกระทำของทักษิณ ชินวัตร ที่ปากแข็งปฏิเสธและกล่าวหาว่าผู้อื่นใส่ร้ายป้ายสีมาโดยตลอด

ใครที่ยังไม่เชื่อก็ลองช่วยกันพิจารณาดูว่า สิ่งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้วหรือไม่ ในยุคที่ทักษิณ ชินวัตร เรืองอำนาจ และใช้ระบอบทักษิณอย่างเมามัน

- การสร้างระบบการเมืองเป็นระบบพรรคเดียว แบบรวมศูนย์มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด

- ทำลายความเข้มแข็งของระบบราชการ โดยเปลี่ยนระบบราชการให้เป็นเครื่องมือรับใช้ระบบการเมืองเท่านั้น

- แปลงสินทรัพย์ของรัฐให้เป็นทรัพย์สินของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมเสรี

-ทำให้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเพียงสัญลักษณ์ของประเทศเท่านั้น

สาระเป้าหมายสำคัญของปฏิญญาฟินแลนด์ข้างต้นนั้น ขณะเรืองอำนาจ ระบอบทักษิณ ได้เดินหน้าอย่างเต็มลูกสุบแล้ว เพียงแต่ยังไม่อาจบรรลุเป้าหมายที่วางไว้ เพราะเกิดมีคนรู้ทันในประเทศไทย และพร้อมใจกันระดมการเมืองภาคประชาชนเข้าต่อต้านขัดขวางอย่างเข้มข้นและแข็งขืนเป็นขบวนการ

แต่ไม่น่าเชื่อก็ต้องเชื่อ ที่เป้าหมายและความใฝ่ฝันสูงสุดของระบอบทักษิณตามปฏิญญาบัดซบนั้น สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุนเซน ได้ดำเนินการสำเร็จเสร็จสิ้นเรียบร้อยบริบูรณ์แล้ว ในประเทศกัมพูชา ดังที่ปรากฏชัดแจ้งต่อสาธารณชนทั่วไป

และนี่อาจจะเป็นปัจจัยเย้ายวนสำคัญส่วนหนึ่งกระมังที่ทักษิณ ชินวัตร จงใจและกระเหี้ยนกระหือรือที่จะใช้กัมพูชาเป็นฐานที่มั่น ถึงกับยอมศิโรราบรับสนองพระบรมราชโองการของกษัตริย์แห่งกัมพูชาเป็นที่ปรึกษาทั้งส่วนตัวของฮุนเซนและที่ปรึกษาแห่งรัฐบาลกัมพูชา โดยไม่คำนึงถึงศักดิ์ศรีที่เคยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแห่งประเทศไทยแต่อย่างใดเลย

ซึ่งนับเป็นตลกร้ายที่หัวร่อมิได้ ร้องไห้ไม่ออก สำหรับคนไทยทุกคน และเป็นปรากฏการณ์แปลกใหม่พิสดารทางการเมืองระหว่างประเทศ ที่ทุกประเทศทั่วโลกต้องหันมามองด้วยความสนเท่ห์กึ่งสมเพชในใจ

สำหรับคนไทย ก็ย่อมประจักษ์แจ้งโดยทั่วกันแล้วว่า คนอย่างทักษิณ ชินวัตร สามารถทำได้ทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่ว่าจะผิดหรือถูก ชั่วหรือดี ขอเพียงเพื่อสนองประโยชน์ตนเองและวงศาคณาญาติที่ไม่เคยรู้จักคำว่าเพียงพอ

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้าสำหรับประเทศไทย และคนไทยในขณะนี้ ก็คือ เรากำลังต่อสู้กับคนที่มีอาการทางจิตกำเริบรุนแรงถึงขั้นคิดจะใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทำลายล้างบ้านเมืองเพียงเพื่อสนองความมักใหญ่ใฝ่สูงที่คั่งค้างแอบแฝงในกมลสันดานของตนเอง

และยิ่งเมื่อมีหลักฐานจับได้ว่า ในห้วงสงกรานต์เลือดเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทักษิณ ชินวัตร ได้แอบเข้ามาบงการชักใย โดยใช้กรุงพนมเปญเป็นฐานบัญชาการ ก็ยิ่งยืนยันได้ว่า เขามุ่งมั่นที่จะเอาชนะทุกรูปแบบโดยไม่คำนึงถึงวิธีการและไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหมใดๆ อีกต่อไปแล้ว

ความล้มเหลวจากเดือนเมษายน ไม่ว่าจะเกิดจากการที่ฝ่ายรัฐเลือกที่จะอดทนไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้การเผารถเมล์หลายสิบคันกลางเมืองหลวง และการก่อกวนยั่วยุทุกวิถีทาง หรือแม้แต่การใช้รถแก๊สมาจ่อเปิดวาล์วหวังจะให้เกิดการระเบิด แต่เดชะบุญที่ไม่เกิดการระเบิดตามมุ่งหมาย โดยที่ฝ่ายรัฐเพียงแต่ใช้กองกำลังทหารเข้าปิดล้อมกดดัน บีบวงแคบจนความรุนแรงของฝ่ายเสื้อแดงค่อยๆ ฝ่อลงจนยอมยกธงขาวไปในที่สุด

การทุ่มทุนปฏิบัติการในเดือนเมษายนแล้วไม่ได้ผลนั้น คิดหรือว่า พวกเขาจะไม่ใช้มันมาเป็นบทเรียนปรับเปลี่ยนยุทธวิธี เพื่อสร้างความรุนแรงให้เกิดขึ้นให้จงได้ ในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ ซึ่งเขาได้สั่งการให้พลพรรคเสื้อแดงดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 28 พฤศจิกายน เป็นต้นไป โดยจะระดมคนเป็นล้านตั้งเป้าล้มล้างรัฐบาลแบบแตกหักให้จงได้ ชนิดปิดเกมไม่ได้ ไม่เลิกราเด็ดขาด

มีการคาดคะเนจากผู้สันทัดกรณีว่า ทักษิณ ชินวัตร กำลังหงายไพ่ใบสุดท้าย และจะเทหมดหน้าตักแน่ในครั้งนี้ ซึ่งวิเคราะห์จากสภาพแวดล้อมที่ดำรงอยู่ในขณะนี้ ก็น่าจะเป็นการคาดคะเนที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือได้อยู่พอสมควร

โดยเฉพาะการก่อการครั้งนี้ จะเป็นการรวมตัวกันครั้งใหญ่ของนายทหารและนายตำรวจนอกราชการที่ล้วนแล้วแต่เป็นประเภทสายเหยี่ยวที่มีพลพรรคทั้งในและนอกวงการทหารตำรวจ พร้อมจะกระจายกำลังสร้างสถานการณ์ก่อการรุนแรงในหลากหลายรูปแบบ หลากหลายวิธีการ ซึ่งผมเองไม่อยากจะคาดเดาให้พลอยเสียสุขภาพจิตล่วงหน้าไปก่อนด้วย

ยิ่งเปรียบเทียบโดยพิจารณาดูจากการตั้งรับของฝ่ายรัฐบาล ที่ยังตกอยู่ในสภาวะขาดเอกภาพในการดำเนินงานด้านความมั่นคงอย่างปรากฏเห็นชัด ตัวอย่างการปลดเกียร์ว่าง และเอียงข้างเสื้อแดงของฝ่ายตำรวจในหลายเหตุการณ์ การวางเฉยของฝ่ายทหารที่เสมือนหนึ่งต้องสั่งทีทำที เหล่านี้ล้วนเป็นจุดอ่อนที่หากนายกฯ อภิสิทธิ์ และคณะรัฐบาลนี้ยังไม่คิดอ่านแก้ไข หรือยังมัวมะงุมมะงาหลาประเมินกำลังฝ่ายตรง ข้ามอย่างผิดเพี้ยนด้วยความประมาท ก็ไม่แน่ว่าฝ่ายรัฐอาจต้องเพลี่ยงพล้ำต่อเกมป่วนเมืองในครั้งนี้ได้

และนั่นย่อมเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวงของประเทศชาติและประชาชน

ซึ่งอาจเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญที่สุด ในประวัติศาสตร์การเมืองไทยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ซึ่งผมเชื่อว่าคงไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นจริง ผมจึงขอส่งสัญญาณนี้ไปยังทักษิณ ชินวัตร และกลุ่มคนเสื้อแดงที่รักทักษิณทุกคนให้ช่วยกันไตร่ตรองให้ตระหนักรู้ว่า ต่อให้ฝ่ายทักษิณและกลุ่มคนเสื้อแดงจะเอาชนะได้จากการก่อการจลาจล เผาบ้านเผาเมือง ตามที่คิดจะทำ ก็หาใช่ว่า บ้านนี้เมืองนี้จะสงบราบคาบ ให้ใครสามารถอัญเชิญใครมานั่งปกบ้านครองเมืองได้อย่างง่ายดายตามใจชอบ เพราะยังมีคนไทยที่รักชาติบ้านเมืองอีกหลายสิบล้านคน ที่จะออกมาปกบ้านป้องเมืองเมื่อถึงคราวจำเป็น

และสิ่งหนึ่งที่กล้ายืนหยัดยืนยันได้อย่างหัวเด็ดตีนขาดต่อทักษิณ และกลุ่มคนเสื้อแดงทั้งมวล ก็คือ คนไทยทุกคนจะไม่ยอมให้ใครนำ Hun Sen Model อันน่ารังเกียจขยะแขยงมาใช้กับประเทศไทยอย่างเด็ดขาดแน่นอน

ทุกคนคงหลับตาจินตนาการได้เองว่า จะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น ซึ่งแน่นอนว่า ไม่มีฝ่ายใดชนะเลย ทุกฝ่ายจะแพ้หมด รวมทั้งประทศชาติและสังคมไทยโดยส่วนรวม ที่จะได้รับความบอบช้ำแสนสาหัสด้วย

จึงขอป่าวประกาศไปให้ทั่วว่า วิกฤตการณ์บ้านเมืองครั้งนี้กำลังเข้าสู่จุดอันตรายยิ่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีทางออกแน่นอน ทั้งนี้ย่อมขึ้นอยู่กับคนเสื้อแดงและพลพรรคเพื่อทักษิณทุกคน หากยังยืนยันว่ารักทักษิณ ชินวัตร จริง ก็ขอให้รักและสงสารทักษิณอย่างจริงใจ ด้วยการหยุดคิดก่อการร้ายโดยพลัน แล้วหันมาช่วยกันคิดช่วยกันหาทางออกให้ ทักษิณ ชินวัตร ได้เข้ารับการบำบัดรักษาอาการป่วยทางจิต ซึ่งเป็นโรคมะเร็งทางอารมณ์ที่ร้ายแรงกว่ามะเร็งต่อมลูกหมากมากมายหลายเท่านัก

หากทุกคนร่วมกันทำได้เช่นนั้น จะนับเป็นคุณูปการยิ่งใหญ่ของคนเสื้อแดงและพลพรรคเพื่อทักษิณ รักทักษิณ ทั้งมวล ที่จะเอื้ออำนวยให้แก่ ทักษิณ ชินวัตร อันเป็นที่รักของทุกๆ คน ได้พ้นทุกข์จากความเจ็บป่วยทางจิต และจะช่วยปกป้องประเทศชาติอันเป็นที่รักยิ่งของพวกเราคนไทยทุกคน ให้พ้นจากวิกฤตการณ์รุนแรงที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น ซึ่งจะถือเป็นความกล้าหาญ เสียสละของคนเสื้อแดงและคนรักทักษิณทุกๆ คนอย่างแท้จริง

หมายเหตุ : บทความนี้ เขียนก่อนวันที่เสื้อแดงจะประกาศหยุดชุมนุม หากตั้งใจหยุดจริงตลอดไป ไม่ว่าจะตามคำสั่งคุณทักษิณ หรือคำขอร้องของผม ก็ขอขอบคุณจากใจจริง และหวังว่าจะไม่มีแผนการร้ายอื่นๆ ตามมา ซึ่งจะทำให้ปิดทางออกในการบำบัดรักษาอาการป่วยของ ทักษิณ ชินวัตร อย่างน่าเสียดาย
กำลังโหลดความคิดเห็น