ซีพีเอ็นคาดต้นปีสรุปแผนลงทุนเปิดศูนย์การค้าต่างประเทศ จับตาจีนมาแรง ชูวิธีร่วมทุน ส่วนสาขาลาดพร้าวยังลังเลว่าจะปิดทั้งศูนย์หรือทยอยปิดทีละส่วนเพื่อรีโนเวตใหญ่ เผยสัญญาณบวกมาแล้วปีหน้าคาดเศรษฐกิจดีขึ้น
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเริ่มการลงทุนศูนย์การค้าในต่างประเทศได้แน่นอน หลังจากที่ได้มีการศึกษามาระยะหนึ่ง รวมทั้งที่ผ่านมาได้มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศทั้งเจ้าของที่ดิน นักพัฒนาโครงการ และนักลงทุนเข้ามาติดต่อแล้วไม่ต่ำกว่า 10-20 ราย โดยในกลุ่มดังกล่าวนั้น มีนักลงทุนจากประเทศอินเดียและจีนมากที่สุด และเป็นกลุ่มที่มีการเจรจากันแบบจริงจัง ประมาณ 3-4 ราย และมีแนวโน้มว่าจะลงทุนในประเทศจีนก่อนเป็นอันดับแรก
ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นการลงทุนแบบร่วมทุนกับคนท้องถิ่น จากเดิมที่เคยวางนโยบายทั้ง การเทคโอเวอร์ และการลงทุนเอง และการร่วมทุน เนื่องจากการร่วมทุนกับคนท้องถิ่นจะทำให้การลงทุนง่ายขึ้น เพราะผู้ร่วมทุนจะเข้งใช้งบลงทุนในส่วนของซีพีเอ็นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“การที่มีนักลงทุนต่างประเทศสนใจเรามาก เพราะเรามีประสบการณ์ และมีผลงานเป็นที่ยอมรับ รวมทั้งรางวัลต่างๆที่เราได้รับมาในระดับนานาชาตินั้น ก็เป็นเครื่องการันตีและสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติได้ดีในระดับหนึ่ง ที่ทำให้เขาสนใจเรา ซึ่งถือว่าเป็นตัวที่ทำให้ภาพลักษณ์เราดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะรางวัลใหญ่ๆในปีนี้ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ รับรางวัลการปรับภาพลักษณ์ศูนย์การค้าที่อยู่เดิม จาก ไอซีเอสซี , เซ็นทรัลเวิลด์รับรางวัล เบสท์มิกซ์ ยูส ดีเวลลอปเม้นท์ จาก ซีเอ็นบีซี รางวัลซูเปอร์แบรนด์ เป็นต้น” นายกอบชัยกล่าว
นายกอบชัยกล่าวต่อถึง สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวด้วยว่า คาดว่าในต้นปีหน้าจะสามารถสรุปได้ว่า แนวทางการปรับปรุงจะเป็นอย่างไร ระหว่าง การปิดทั้งศูนย์ไปเลยทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการปรับปรุง และการปิดทีละส่วนเพื่อทยอยรีโนเวตใหญ่ แต่ต้องใช้เวลานานกว่า 2 ปีเป็นอย่างต่ำ
ทั้งนี้ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มงบการตลาด 5% จากปีนี้ที่ใช้ประมาณ 600-700 ล้านบาท เนื่องจากมีศูนย์การค้าของบริษัทฯเปิดมากขึ้น อีกทั้งทำให้เราเองมีอีโคโนมี ออฟ สเกล มากขึ้นด้วย จึงสามารถใช้งบเพิ่มเติมได้
ล่าสุดเตรียมเปิดบริการเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่นในวันที่ 3 ธันวาคมศกนี้ โดยทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการจัดพิธิเปิด ซึ่งโครงการนี้ลงทุนไปกว่า 4,000 ล้านบาท มีพื้นที่โครงการกว่า 250,000 ตารางเมตร พื้นที่กว่า 45 ไร่ และมีร้านค้ามากกว่า 300 ร้านค้า เพื่อรองรับประชากรที่มีกำลังซื้อกว่า 1.8 ล้านคน และประชากรโดยรอบอีก 9 จังหวัดกว่า 12 ล้านคน ซึ่งขอนแก่นเป็นจังหวัดที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเป็นอันดับที่ 1 ของภาคอีสาน และซีพีเอ็นต้องการผลักดันให้สาขานี้เป็นศูนย์กลางด้านไลฟ์สไตล์ของภาคอีสานด้วย
“เราคาดว่าในปีหน้าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ เพราะตอนนี้ก็มีสัญญาณบวกบ่งบอกหลายอย่างแล้ว โดยเฉพาะรายได้จากร้านค้าและของศูนย์เองในช่วงดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่นและอาหาร เติบโตขึ้นมาก หลังจากเคยตกไปมากถึง 30% ช่วงเดือนเมษายน ขณะที่ปริมาณคนเดินโดยรวมเฉลี่ยทุกสาขาของซีพีเอ็นเติบโต 7% ขณะที่เซ็นทรัลเวิลด์สาขาเดียวปริมาณคนเข้าเติบบโต 25% ซึ่งปีนี้คาดว่ารายได้รวมเฉลี่ยเติบโต 20% ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เติบโตมากถึง 26% แล้ว” นายกอบชัยกล่าว
นายกอบชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอ็น เปิดเผยว่า ในปีหน้าบริษัทฯคาดว่าจะสามารถเริ่มการลงทุนศูนย์การค้าในต่างประเทศได้แน่นอน หลังจากที่ได้มีการศึกษามาระยะหนึ่ง รวมทั้งที่ผ่านมาได้มีกลุ่มนักลงทุนจากต่างประเทศทั้งเจ้าของที่ดิน นักพัฒนาโครงการ และนักลงทุนเข้ามาติดต่อแล้วไม่ต่ำกว่า 10-20 ราย โดยในกลุ่มดังกล่าวนั้น มีนักลงทุนจากประเทศอินเดียและจีนมากที่สุด และเป็นกลุ่มที่มีการเจรจากันแบบจริงจัง ประมาณ 3-4 ราย และมีแนวโน้มว่าจะลงทุนในประเทศจีนก่อนเป็นอันดับแรก
ซึ่งคาดว่าต้นปีหน้าจะสามารถสรุปการเจรจาได้ ส่วนรูปแบบการลงทุนนั้น มีแนวโน้มที่จะเป็นการลงทุนแบบร่วมทุนกับคนท้องถิ่น จากเดิมที่เคยวางนโยบายทั้ง การเทคโอเวอร์ และการลงทุนเอง และการร่วมทุน เนื่องจากการร่วมทุนกับคนท้องถิ่นจะทำให้การลงทุนง่ายขึ้น เพราะผู้ร่วมทุนจะเข้งใช้งบลงทุนในส่วนของซีพีเอ็นไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท
“การที่มีนักลงทุนต่างประเทศสนใจเรามาก เพราะเรามีประสบการณ์ และมีผลงานเป็นที่ยอมรับ รวมทั้งรางวัลต่างๆที่เราได้รับมาในระดับนานาชาตินั้น ก็เป็นเครื่องการันตีและสร้างความมั่นใจให้กับต่างชาติได้ดีในระดับหนึ่ง ที่ทำให้เขาสนใจเรา ซึ่งถือว่าเป็นตัวที่ทำให้ภาพลักษณ์เราดีขึ้นด้วย โดยเฉพาะรางวัลใหญ่ๆในปีนี้ เช่น เซ็นทรัลเวิลด์ รับรางวัลการปรับภาพลักษณ์ศูนย์การค้าที่อยู่เดิม จาก ไอซีเอสซี , เซ็นทรัลเวิลด์รับรางวัล เบสท์มิกซ์ ยูส ดีเวลลอปเม้นท์ จาก ซีเอ็นบีซี รางวัลซูเปอร์แบรนด์ เป็นต้น” นายกอบชัยกล่าว
นายกอบชัยกล่าวต่อถึง สาขาเซ็นทรัลลาดพร้าวด้วยว่า คาดว่าในต้นปีหน้าจะสามารถสรุปได้ว่า แนวทางการปรับปรุงจะเป็นอย่างไร ระหว่าง การปิดทั้งศูนย์ไปเลยทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 6 เดือนในการปรับปรุง และการปิดทีละส่วนเพื่อทยอยรีโนเวตใหญ่ แต่ต้องใช้เวลานานกว่า 2 ปีเป็นอย่างต่ำ
ทั้งนี้ในปีหน้าบริษัทฯมีแผนที่จะเพิ่มงบการตลาด 5% จากปีนี้ที่ใช้ประมาณ 600-700 ล้านบาท เนื่องจากมีศูนย์การค้าของบริษัทฯเปิดมากขึ้น อีกทั้งทำให้เราเองมีอีโคโนมี ออฟ สเกล มากขึ้นด้วย จึงสามารถใช้งบเพิ่มเติมได้
ล่าสุดเตรียมเปิดบริการเซ็นทรัลพลาซ่าขอนแก่นในวันที่ 3 ธันวาคมศกนี้ โดยทุ่มงบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท ในการจัดพิธิเปิด ซึ่งโครงการนี้ลงทุนไปกว่า 4,000 ล้านบาท มีพื้นที่โครงการกว่า 250,000 ตารางเมตร พื้นที่กว่า 45 ไร่ และมีร้านค้ามากกว่า 300 ร้านค้า เพื่อรองรับประชากรที่มีกำลังซื้อกว่า 1.8 ล้านคน และประชากรโดยรอบอีก 9 จังหวัดกว่า 12 ล้านคน ซึ่งขอนแก่นเป็นจังหวัดที่ประชากรมีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเป็นอันดับที่ 1 ของภาคอีสาน และซีพีเอ็นต้องการผลักดันให้สาขานี้เป็นศูนย์กลางด้านไลฟ์สไตล์ของภาคอีสานด้วย
“เราคาดว่าในปีหน้าสภาพเศรษฐกิจโดยรวมน่าจะดีขึ้นกว่าปีนี้ เพราะตอนนี้ก็มีสัญญาณบวกบ่งบอกหลายอย่างแล้ว โดยเฉพาะรายได้จากร้านค้าและของศูนย์เองในช่วงดือนตุลาคมที่ผ่านมาก็เป็นบวก โดยเฉพาะกลุ่มเสื้อผ้าแฟชั่นและอาหาร เติบโตขึ้นมาก หลังจากเคยตกไปมากถึง 30% ช่วงเดือนเมษายน ขณะที่ปริมาณคนเดินโดยรวมเฉลี่ยทุกสาขาของซีพีเอ็นเติบโต 7% ขณะที่เซ็นทรัลเวิลด์สาขาเดียวปริมาณคนเข้าเติบบโต 25% ซึ่งปีนี้คาดว่ารายได้รวมเฉลี่ยเติบโต 20% ซึ่งช่วง 9 เดือนแรกปีนี้เติบโตมากถึง 26% แล้ว” นายกอบชัยกล่าว