xs
xsm
sm
md
lg

เบรก’แดงถ่อย’ งัด พรบ.มั่นคงคุมทั่วกรุง จับตา’แม้ว’โผล่ชายแดน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"มาร์ค" ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ สกัด"ม็อบแดง" เล่นแผนดาวกระจายป่วนกรุง "เทือก"หารือฝ่ายความมั่นคง ปรับยุทธศาสตร์วางกำลังรับมือวันนี้ ด้านทหารไม่เชื่อ"นช.แม้ว"จะกล้าโผล่มาชายแดน ขณะที่ตำรวจเร่งหาหลักฐานขอหมายจับ "เพชรวรรต" ต่อ

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)เมื่อวานนี้(24 พ.ย.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักร ในพื้นที่กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 28 พ.ย.- 14 ธ.ค. เพื่อดูแลความเรียบร้อยของการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง เพราะช่วงนี้ถือเป็นช่วงที่รัฐบาลกำลังเตรียมงานจัดงานทั้งเรื่องงานพระราชพิธี งานเฉลิมพระเกียรติ หรืองานเฉลิมพระชนมพรรษา ซึ่งจริงๆ แล้วการใช้พื้นที่ในบริเวณใจกลางเมือง และบริเวณพิธีต่างๆ ต้องมีการใช้พื้นที่ตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย. จนถึงต้นเดือนธ.ค. อยู่แล้ว เช่น กรณีของทหารก็ต้องมีการฝึกซ้อม การรวมพลสำหรับงานสวนสนาม ฉะนั้นเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในเรื่องการชุมนุม การเคลื่อนไหวทางการเมือง เมื่อผู้ชุมนุมยืนยันจะชุมนุม ก็ต้องใช้กฎหมายความมั่นคงเป็นเครื่องมือในการบริหารจัดการสถานการณ์ต่างๆ เพื่อให้อยู่ในความเป็นระเบียบเรียบร้อย เหมือนที่เคยประกาศมาแล้วในพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯหลายครั้ง จึงได้มีมติให้ประกาศพื้นที่กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.- 14 ธ.ค. และจะมีการดำเนินการตามกฎหมายในการออกประกาศต่างๆ

**ต้องสกัดแผนดาวกระจาย

ส่วนที่ต้องขยายพื้นที่ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคง ให้ครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ จากเดิมที่เคยประกาศเฉพาะเขตดุสิต เนื่องจากรายงานข่าวตามแผนของผู้ชุมนุม มีแนวคิดที่จะกระจายไปตามพื้นที่ต่างๆ รัฐบาลต้องการที่จะดูแลทุกอย่างอยู่ในความสงบเรียบร้อย หากไปรอให้มีการกระจายผู้ชุมนุมไปตามพื้นที่ต่างๆ แล้วค่อยประกาศตามมา จะไม่ทันการณ์ เพราะกฎหมายนี้เป็นลักษณะของกฎหมายในเชิงป้องกัน ไม่ใช่ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน เป็นกฎหมายที่ทำไว้เพื่อป้องกัน และทำให้เกิดความเป็นระเบียบเรียบร้อย และการจัดการในเหตุการณ์ต่างๆ

**ยังไม่ใช้ พ.ร.บ.มั่นคงที่เชียงใหม่

ส่วนที่ครม.ยังไม่ได้ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่ จ.เชียงใหม่ ด้วยนั้น เนื่องจากขณะนี้ยังอยู่ในช่วงที่ฝ่ายความมั่นคง กำลังคุยรายละเอียดกับผู้จัดงาน ฉะนั้นจะทราบข้อมูลต่างๆ ชัดเจน คงจะเป็นช่วงปลายสัปดาห์ ถ้ามีความจำเป็นจริงๆ ก็ต้องมาประชุม ครม.เพื่อประกาศ แต่ในชั้นนี้ให้เป็นเรื่องฝ่ายคนทำงานพูดคุยกันกับผู้จัดงานก่อน

เมื่อถามเป็นไปหรือไม่ที่นายกฯ จะไม่เดินทางไปด้วยตัวเอง แต่ใช้วีดิโอคอนเฟอร์เรนซ์ไป นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าไม่ได้มีการพูดกันถึงขั้นนั้น ตอนนี้อยู่ในช่วงกำลังดูรายละเอียดของตัวงาน ซึ่งแต่เดิมจะมีทั้ง รมว.มหาดไทย รมว.พาณิชย์ และนายกรัฐมนตรี แต่ไปคนละช่วงเวลา ซึ่งบริหารจัดการยาก จะมีการปรับเปลี่ยนกำหนดการหรือไม่ อย่างไร อย่างนี้เป็นต้น

**มั่นใจไม่กระทบการท่องเที่ยว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงจำนวนผู้ที่จะมาชุมนุมว่า มีความเคลื่อนไหวในภูมิภาคต่างๆ ที่จะระดมคนเข้ามา แต่จะเข้ามาเท่าไร คงตอบยาก แต่ตัวเลข 1 ล้านเป็นตัวเลขที่สูงมาก ส่วนเรื่องที่จะมีการเกณฑ์แรงงานต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุมด้วยนั้น ทางกระทรวงแรงงานได้เข้มงวดกวดขันอยู่

เมื่อถามว่า รัฐบาลแตกตื่นเกินไปหรือไม่ เอะอะอะไรก็ประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ อีกหน่อย นายกฯไปไหน ก็ต้องประกาศทุกพื้นที่หรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้ประกาศเลยครับ ประกาศเฉพาะพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อถามต่อว่าจะกระทบต่อการท่องเที่ยวหรือไม่ เพราะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูการท่องเที่ยว นายกฯ กล่าวว่า มั่นใจว่าไม่ ด้วยเหตุผล 2 ประการคือ

1. เราเคยใช้กฎหมายนี้มาแล้ว และเดี๋ยวนี้เป็นที่เข้าใจค่อนข้างดีว่า เป็นกฎหมายที่มีไว้ เพื่อป้องกันเหตุการณ์ต่างๆ

2. ตนเพิ่งพบผู้ประกอบการทางด้านธุรกิจการท่องเที่ยว เขากลับให้ความเห็นว่า อยากให้ประกาศกฎหมายความมั่นคง เพื่อให้เขามีความมั่นใจว่า รัฐบาลมีเครื่องมือในการที่จะบริหารจัดการสถานการณ์ได้ดีกว่า

**ยันใช้ พ.ร.บ.มั่นคงได้ผลคุ้ม

อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์ ยืนยันว่า การประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ใช่เป็นการท้าทาย แต่ต้องการบริหารจัดการ ให้สถานการณ์ของการชุมนุมผ่านพ้นไปได้ด้วยดี ส่วนใครจะไปปลุกระดมว่า ประกาศใช้กฎหมายความมั่นคงแล้วไปเป็นการละเมิดสิทธิ ก็ขอให้ย้อนกลับไปดูว่า การประกาศกฎหมายความมั่นคง ไม่ได้ห้ามการชุมนุม เพียงแต่ให้อำนาจของเจ้าหน้าที่ และการบริหารจัดการสถานการณ์ได้ดี

ส่วนงบประมาณที่ใช้ไปจะคุ้มหรือไม่นั้นนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เมื่อรักษาความสงบเรียบร้อยบ้านเมืองได้มันก็ต้องคุ้ม เพราะเวลาเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบแต่ละครั้ง กระทบกระเทือนรุนแรงมากกว่าค่าใช้จ่ายหลายเท่าตัว ถ้าถามว่ารัฐบาลอยากใช้เงินเพื่อเรื่องเหล่านี้ไหม ก็ไม่ได้อยากใช้ แต่เมื่อมีเหตุการณ์จำเป็นที่ต้องใช้ เป็นหน้าที่ก็ต้องทำ

เมื่อถามว่า การประกาศทั่วกรุงเทพฯ จะต้องใช้เจ้าหน้าที่เท่าไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า กำลังคงไม่ได้เพิ่มเติมมากมาย เพียงแต่เป็นความคล่องตัวในเวลาที่จำเป็นต้องใช้มาตรการในการตรวจสอบเรื่องความเคลื่อนไหวต่างๆ

**"เทือก"ถกปรับแผนรับมือวันนี้

พล.ต.ดิฏฐพร ศศะสมิต โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) กล่าวถึงการเตรียมการในการดูแลรักษาความเรียบร้อยในช่วงวันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค.นี้ว่าพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ได้เป็นประธานในการประชุมปรับรายละเอียดในการเตรียมการรักษาความสงบเรียบร้อย ภายหลังจากครม.มีมติประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง เต็มพื้นที่กรุงเทพฯ ทำให้ทาง กอ.รมน. ต้องมีการปรับแผน และปรับกำลังใหม่ เพื่อให้ครอบคลุมในทุกพื้นที่

ทั้งนี้ ในที่ประชุม พล.อ.อนุพงษ์ได้เน้นย้ำในภาพรวมว่าการชุมนุมทั้ง 2 สถานที่ คือ กรุงเทพฯ และเชียงใหม่นั้นจะต้องไม่มีเหตุรุนแรงเกิดขึ้น ขอให้เจ้าหน้าที่ทำอย่างไรก็ได้ให้เกิดความสงบเรียบร้อย และถึงแม้จะมีการยั่วยุใดๆ ขอให้เจ้าหน้าที่มีความอดทน

นอกจากนี้ยังกำชับว่า เจ้าหน้าที่จะต้องไม่ใช้อาวุธในการดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย และเจ้าหน้าที่จะไม่นำอาวุธออกไปปฏิบัติหน้าที่ โดยจะมีเพียงโล่ และกระบอง ในการป้องกันตัวเท่านั้น

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ (25 พ.ย.) เวลา 15.30 น.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ด้านความมั่นคง จะเรียกประชุมคณะกรรมการ กอ.รมน. ที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะมี ผบ.เหล่าทัพเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่ออนุมัติตั้งศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อย (ศอ.รส.) และอนุมัติแผนการปฏิบัติของ ศอ.รส. ส่วนกำลังเจ้าหน้าที่ที่ใช้ในการปฏิบัติการ ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากต้องใช้เจ้าหน้าที่เพิ่มมากขึ้น และอาจจะใช้เจ้าหน้าที่จากหน่วยทหารในพื้นที่ในจังหวัดใกล้เคียงมาช่วยเสริม หากกำลังในพื้นที่กรุงเทพฯไม่เพียงพอ

**ไม่เชื่อ"แม้ว"จะมาโผล่ชายแดน

ด้านพล.ท.ทนงศักดิ์ อภิรักษ์โยธิน แม่ทัพภาคที่ 3 กล่าวถึงกรณีกลุ่มเสื้อแดง จ.เชียงใหม่ จะชุมนุมต่อต้านการลงพื้นที่ของนายกรัฐมนตรี ว่า สถานการณ์ในพื้นที่ขณะนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง และการชุมนุมคงไม่มีปัญหาอะไร เพราะเขาต้องการชุมนุมในกรุงเทพฯ มากกว่า จ.เชียงใหม่ แต่เราไม่ประมาท ได้มีการเตรียมความพร้อมเต็มที่ ที่จะเข้าไปช่วยดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน และ ตนได้ประสานงานกับทาง พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 ตลอดเวลา

เมื่อถามถึงกระแสข่าวการลอบสังหารนายอภิสิทธิ์นั้น พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า เราได้มีการเพิ่มความระมัดระวังอย่างเต็มที่ แต่ขณะนี้ไม่พบเบาะแสการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆ ที่มาก่อเหตุ โดยเฉพาะได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ในกองทัพภาคที่ 3 เข้มงวดในการตรวจพื้นที่ชายแดนไทย-พม่า หลังจากมีกระแสข่าวว่า จะมีแรงงานต่างด้าวเข้ามาร่วมชุมนุม แต่ตนคิดว่าไม่มีการลักลอบเข้ามา ส่วนจะมีการว่าจ้าง หรือชักชวนเข้ามา เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

เมื่อถามว่า วันที่ 28 พ.ย.นี้ ที่เกรงกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะลักลอบเข้ามา พล.ท.ทนงศักดิ์ กล่าวว่า ไม่เชื่อว่าพ.ต.ท.ทักษิณ จะลักลอบเข้าตามแนวชายแดน หากเข้ามาจริงคงมาทางอื่น

**คาดเสื้อแดงระดมคนได้ 5 หมื่น

นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ต้องประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ เพราะเราได้ข้อมูลเพิ่มมาว่า เรื่องเส้นทางของผู้ชุมนุม ที่ไม่ได้อยู่เฉพาะเขตดุสิตอย่างเดียว แต่จะมีเส้นทางตามแยกต่างๆ เพิ่มขึ้น รวมถึงการดาวกระจายไปยังสถานที่ราชการที่สำคัญๆ ซึ่งนอกเขตควบคุม ดังนั้นเห็นว่าเมื่อมีการเตรียมการแล้วก็น่าที่จะมีการจัดระบบ ทั้งหมดให้เชื่อมโยง

"การดาวกระจาย อย่างเดือนเมษาฯที่ผ่านมา ปัญหาที่เกิดขึ้น มีคนไม่กี่คนอย่างเช่นที่ แยกสุทธิสาร คน 10 กว่าคน สามารถปิดแยกได้เป็นเวลานาน หรือการยิงปะทะกันของคนไม่กี่กลุ่มบริเวณปากซอยบางแห่ง ทำให้บริเวณนั้นวิกฤตหมด ตรงนี้จะเห็นได้ชัดว่าไม่มีการเข้าไปควบคุมดูแล เพราะไม่มีการประกาศอย่างเป็นระบบ การประกาศให้ครอบคลุม ต้องมีการประเมินทางด้านการข่าว ว่าตรงไหนจะเคลื่อนไหว ดังนั้นตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ก็จะเริ่มมีการตรวจอาวุธ และในวันที่ 29- 30 พ.ย. จะเป็นวันที่กลุ่มคนเสื้อแดงจะระดมคนให้มากที่สุด แต่หลังจากวันที่ 30 พ.ย.แล้ว หากมีเงื่อนไขอะไรขึ้นมาเขาก็จะกระจายออกไปให้ทั่ว และเมื่อเกิดเหตุการณ์ผลิกผัน ถ้าไม่มีการประกาศ เขาก็กระจายคนไปยังจุดต่างๆได้อย่างรวดเร็ว" นายปณิธานกล่าว และว่า จากการประเมินผู้ที่จะมาร่วมชุมนุมครั้งนี้ น่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นคน

**เสื้อแดงไม่สน พ.ร.บ.มั่นคง

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มเสื้อแดงกล่าวว่า การใช้พ.ร.บ.ความมั่นคง จะไม่มีผล ต่อการเตรียมความพร้อมในการชุมนุมของ และในวันที่ 25 พ.ย. แกนนำกลุ่มเสื้อแดงจะหารือกันอีกครั้งหนึ่ง แต่เบื้องต้นเราได้ข้อมูลว่ารัฐบาลมีแผนจะสร้างสถานการณ์ความรุนแรงแล้วโยนความผิดให้กลุ่มคนเสื้อแดง

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดเราจะมีการเปิด“โรงรบแดงทั้งแผ่นดิน” ในทุกภาค เพื่อประชุมแกนนำเสื้อแดงทั่วประเทศ เพราะครั้งนี้เราจะสู้แบบหวังผล ไล่รัฐบาลแบบตรงไปตรงมา ไม่ใช่แค่ยั่วยุ

ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะเดินทางไปประเทศกัมพูชา เพื่อสั่งการในการชุมนุมนั้น เดิมเราคิดว่าเป็นการจินตนาการของรัฐบาล แต่ตอนนี้ประเมินว่า เป็นการพยายามสร้างสถานการณ์ มีการวางแผน วางงานอย่างเป็นระบบ

นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มเสื้อแดง กล่าวว่าในการนัดประชุมวันที่ 25พ.ย.นี้ เพื่อกำหนดท่าทีที่ชัดเจนอีกครั้งว่าเราจะยังนัดชุมนุมต่อไปหรือไม่ อย่างไรก็ตามไม่ว่าเราจะชุมนุมกันหรือไม่ การประกาศใช้พ.ร.บ.ก็มีผลแล้ว เพราะมีมติครม.รับรอง แต่ท่าทีของกลุ่มคนเสื้อแดงคงจะต้องมีการหารือกัน และผลอาจจะออกมาได้ทุกทาง ไม่ว่าจะเป็นการเลื่อนการชุมนุม ยกเลิก หรือจะชุมนุมต่อ ดังนั้นขอให้รอความชัดเจน

**"จิ๋ว"กำหนดยุทธศาสตร์เสื้อแดง

แหล่งข่าวจากแกนนำกลุ่มเสื้อแดง เปิดเผยว่า ได้วางยุทธศาสตร์ในการเคลื่อนไหวออกเป็น 2 ช่วง เนื่องจากมวลชนของเสื้อแดงอยู่ต่างจังหวัด โดยช่วงแรกจะให้คนเสื้อแดงในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ออกมาเคลื่อนไหวตรึงพื้นที่ไว้ก่อน ขณะที่เสื้อแดงในต่างจังหวัดให้รอจังหวะ รอสัญญาณการเคลื่อนไหว หลังวันที่ 5 ธ.ค. เพื่อไม่ให้รัฐบาลจับการเคลื่อนไหวถูก ขณะเดียวกันจะให้กลุ่มอดีตนายทหาร และ ตท.รุ่น10 รวมทั้งกลุ่มของ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ออกมาช่วยกำหนดยุทธศาสตร์การเคลื่อนไหวให้ นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ จะวิดีโอลิงก์มาที่เวทีเพื่อพูดคุยกับคนเสื้อแดงอย่างต่อเนื่อง

**"ชุมพล"ยันท่องเที่ยวยังบูม

นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรีเตรียมไปเป็นประธานในการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ ที่จ.เชียงใหม่ ในวันที่ 29 พ.ย. ว่าไม่ควรประกาศ พ.ร.บ.มั่นคง เพราะนายกฯไปแค่วันเดียวเท่านั้น และใจของตนก็ไม่อยากให้นายกฯไปร่วมประชุมครั้งนี้ด้วยซ้ำ อีกทั้งในที่ประชุม ครม.ก็พยายามเสนอแนะว่าน่าจะใช้วิธีประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ก็ได้ หรือไม่ทางหอการค้าอาจขอเลื่อนการประชุมออกไป แต่ในขณะนี้ต้องถือว่านายกฯ จะยังไปประชุมหอการค้าที่ จ.เชียงใหม่อยู่

"การท่องเที่ยวขณะนี้บูมมาก และหากมีการประกาศ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงในจ.เชียงใหม่ ก็ไม่มีผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ยกเว้นมีการปิดสนามบินเท่านั้น เพราะขณะนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทย 11 ล้านกว่าคนใน 10 เดือนแรกของปีนี้" นายชุมพลกล่าว

**ใช้ พ.ร.บ.มั่นคงไม่กระทบภาคธุรกิจ

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า การที่ครม.มีมติประกาศใช้พ.ร.บ.ความมั่นคงในพื้นที่กรุงเทพฯ เพื่อดูแลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงนั้น มองว่ารัฐบาลคงพิจารณาดีแล้ว และการประกาศใช้พ.ร.บ.ก็เพื่อให้รัฐบาลมีความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ ดูแลการชุมนุมให้อยู่ในความสงบ ซึ่งพ.ร.บ.ดังกล่าวคงไม่มีผลกระทบต่อภาคประชาชน เนื่องจากที่ผ่านมาก็เคยประกาศใช้มาแล้ว และเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อภาคธุรกิจ หากการชุมนุมเป็นไปด้วยความสงบ

**โรงแรมอัดม็อบแดงทำป่วนอีก

 วานนี้(24พ.ย.52) ในการประชุมสมาชิกประจำเดือนของสมาคมโรงแรมไทย นายประกิจ ชินอมรพงษ์ นายกสมาคมโรงแรมไทย(ทีเอชเอ) กล่าวว่า   ข้อสรุปของนายกสมาคมโรงแรมในระดับภูมิภาค เห็นตรงกันว่าสถานการณ์ธุรกิจโรงแรมและอัตราเข้าพักโรงแรม ตั้งแต่เดือน พ.ย.ปีนี้ ถึง ม.ค.ปีหน้า  ยังไม่ดีขึ้นมากอย่างที่คาดการณ์ไว้ ทั้งนี้เพราะนักท่องเที่ยวยังเกิดความลังเลที่จะเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองของไทย โดยเฉพาะการประกาศชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดง  ที่จะมีขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนพ.ย.-ต้นธ.ค. ศกนี้  รวมถึงการประกาศชุมนุมขับไล่ และกระแสข่าวการเตรียมลอบทำร้ายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่จะเดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ปลายเดือนนี้

“เท่าที่ฟังจากผู้ประกอบการภูมิภาคต่างๆ ซึ่งก็น่าตกใจว่า ตัวเลขอัตราเข้าพักไม่ได้ดีอย่างที่เราคิดไว้ ว่าจะอยู่ประมาณ 70-75% เพราะเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวเริ่มดีขึ้นแล้ว”

**อสังหาฯ หวั่นเกิดความรุนแรง

นายอิสระ บุญยัง นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า หากการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย ก็ไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยว ธุรกิจและเศรษฐกิจ รวมถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติ แต่หากทำให้เกิดปัญหา เกิดความรุนแรงจากการชุมนุมของกลุ่มเสื้อแดงขึ้น อาจจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของชาวต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย

**ขึ้นบัญชีดำนายจ้างปล่อยต่างด้าวร่วมม็อบ

นายจีระศักดิ์ สุคนธชาติ อธิบดีกรมจัดหางาน เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันการขนแรงงานต่างด้าว เข้ามาชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงว่า กระทรวงแรงงานได้สั่งเจ้าหน้าที่แรงงานจังหวัดจับตาการเคลื่อนไหวของกลุ่มแรงงานต่างด้าวอย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เรื่องสิทธิการชุมนุมของแรงงานต่างด้าวหากเป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายสามารถทำได้ เช่น การชุมนุมเรียกร้องเรื่องการจ้างงานที่ไม่เป็นธรรม แต่ถ้าหากเป็นการชุมนุมที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือกระทบกับความมั่นคงของประเทศ ถือว่าผิดกฎหมาย ซึ่งจะถูกเพิกถอนสิทธิในการอยู่ในราชอาณาจักรตาม พ.ร.บ.คนเข้าเมืองทันที จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนนายจ้างที่ปล่อยให้แรงงานต่างด้าวออกไปร่วมชุมนุม หากสืบทราบว่ารู้เห็นเป็นใจด้วย จะมีความผิดตามมาตรา 63 ว่าด้วยการนำหรือพาคนต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักร หรือกระทำการด้วยประการใดๆ ที่เป็นการอุปการะหรือช่วยเหลือหรือให้ความสะดวกกับคนต่างด้าวให้เข้ามาในราชอาณาจักร โดยฝ่าฝืนกฎหมาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท และหากนายจ้างให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมืองมาพักอาศัย ซ่อนเร้น หรือช่วยด้วยประการใดๆ เพื่อให้คนต่างด้าวพ้นจากการจับกุม มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 50,000 บาท

“จากนี้จะมีการรายงานการเคลื่อนไหวของกลุ่มแรงงานต่างด้าวไปยังผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัด เพื่อประสานกับกระทรวงมหาดไทย ซึ่งมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงโดยตรง ทางกรมจัดการจัดหางานก็จะขึ้นบัญชีดำสถานประกอบการที่พบว่ามีส่วนรู้เห็นเป็นใจให้แรงงานต่างด้าวเข้าร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดง โดยในการขอโควต้านำเข้าแรงงานต่างด้าวครั้งต่อไป อาจต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวด”

**กทม.พร้อมรับมือเสื้อแดง 24 ชม.

ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯ กทม. ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในกรุงเทพมหานคร (กอ.รมน.กทม.) เปิดเผยภายหลังการประชุมการเตรียมพร้อมรับมือกลุ่มเสื้อแดงในวันที่ 28 พ.ย.ว่า ขณะนี้รัฐบาลได้ประกาศใช้ พ.ร.บ.ความมั่นคง ในพื้นที่ กทม.ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย.-14 ธ.ค. ทาง กอ.รมน.กทม.ได้จัดกำลังเทศกิจจำนวน 350 นาย ร่วมปฏิบัติหน้าที่กับฝ่ายความมั่นคงในการตั้งด่านตรวจในพื้นที่สำคัญ โดยเฉพาะพื้นที่ชั้นใน 5 เขต คือ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตปทุมวัน และ เขตสัมพันธวงศ์ รวมทั้งเตรียมรถไฟฟ้าส่องสว่าง หน่วยแพทย์ฉุกเฉิน แพทย์ พยาบาลในสังกัดโรงพยาบาลของ กทม.พร้อมรับหากมีเหตุการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ ตนอยากให้ประชาชนที่จะมาร่วมชุมนุมกับกลุ่มเสื้อแดงนี้ให้ใช้สิทธิตามกฎหมาย ไม่สร้างความวุ่นวายให้เกิดขึ้น เพราะในสายตาชาวโลกประเทศเรากำลังกลับสู่ภาวะปกติ และช่วงเวลาดังกล่าวจะมีกิจกรรมเฉลิมพระชนมพรรษา 5 ธันวาคม 2552 ซึ่งคนไทยทุกคนจะต้องรวมใจเป็นหนึ่งเดียว เพื่อถวายพระพรแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

**พธม.เชียงใหม่หนุนประชุมหอฯ ไทย

วานนี้ (24 พ.ย.) พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) จังหวัดเชียงใหม่ ได้ออกแถลงการณ์ ประกาศเจตนารมณ์สนับสนุนหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ เป็นเจ้าภาพจัดประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 27 ระหว่างวันที่ 27-29 พ.ย. ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน โดยเชิญนายกรัฐมนตรี มาเป็นประธานปิดการประชุมในวันที่ 29 พ.ย.52

เนื้อหาในแถลงการณ์ระบุว่า 1. เราขอสนับสนุนการประชุมหอการค้าทั่วประเทศครั้งที่ 27 ที่ จ.เชียงใหม่ อันจะนำมาซึ่งการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจภายในจังหวัด สร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่

2.เราขอเรียกร้องต่อชาวเชียงใหม่ ได้ร่วมกันแสดงออกถึงวุฒิภาวะและจิตสำนึกของเจ้าภาพในการร่วมต้อนรับการประชุมหอการค้าทั่วประเทศ โดยร่วมกันเสนอแนวทางหรือแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจของจังหวัดภายใต้ศักยภาพการพึ่งตนเองของชุมชนอย่างแท้จริงและเราขอยืนยันว่าการเคลื่อนไหวของมวลชนกลุ่มต่างๆ เพื่อนำเสนอปัญหาและข้อเรียกร้องต่างๆ ภายใต้กรอบสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามกฎหมายรัฐธรรมนูญสามารถกระทำได้และจะต้องไม่ถูกปิดกั้นด้วยอำนาจ หรือคำสั่งใดๆ

**จี้หน่วยงานรัฐกวาดล้างอิทธิพลเถื่อน

3.กรณีปัญหาความมั่นคงและความปลอดภัยที่อาจจะเกิดระหว่างการประชุม หรือก่อนและหลังการประชุมนั้น เราขอเรียกร้องต่อเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหารตำรวจและหน่วยความมั่นคงของรัฐในพื้นที่ให้เร่งตรวจค้นกวาดล้างในพื้นที่ผู้มีอิทธิพลที่น่าสงสัยว่า จะมีการตระเตรียมอาวุธสงครามหรืออื่นๆ อย่างเข้มข้นเพื่อป้องกันมิจฉาชีพก่อการร้ายสร้างสถานการณ์ทำลายความเชื่อมั่นในการดูแลการประชุม

แถลงการณ์ยังระบุอีกว่า พันธมิตรฯหวังเป็นอย่างยิ่งว่า การจัดประชุมสัมมนาครั้งนี้จะได้นำมาซึ่งการร่วมมือของภาคประชาสังคม ในการแสดงความผิดชอบรับผิดชอบต่อภาพลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ร่วมกัน เพื่อฟื้นฟูภาพพจน์เมืองแห่ง วัฒนธรรมและการท่องเที่ยว ที่เปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งความรัก และเอื้ออาทรของคนเมืองที่มีจิตใจงดงามโอบอ้อมอารี ไม่นิยมความรุนแรง อันจะเป็นการร่วมกันปกป้องดูแลความปลอดภัยของอาคันตุกะผู้มาเยือนอย่างสร้างสรรค์และอบอุ่นต่อไป

**ตร.หาหลักฐานจับ"เพชรวรรต"ต่อ

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าภายหลังศาลจังหวัดเชียงใหม่ไม่อนุมัติหมายศาลและแนะนำให้พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่กลับไปรวบรวมพยานหลักฐานมาใหม่ในการยื่นเสนอเพื่อขอออกหมายจับนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51 และพวกนั้น

เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (24 พ.ย.) พล.ต.ต.สิทธิพร ศรีจันทร์ทับ รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยว่า หลังตรวจสำนวนแล้วตนได้สั่งการให้พนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยขั้นตอนหลังจากนี้คือเร่งสอบสวนในสิ่งใดที่ยังไม่พบ ซึ่งทางตำรวจยังยืนยันที่จะยื่นเสนอขอศาลออกหมายจับโดยจะไม่มีการเปลี่ยนข้อกล่าวหานายเพชรวรรต ซึ่งที่ยื่นไว้คือกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 85 ประกอบมาตรา 288

"เรื่องดังกล่าวละเอียดอ่อนมากเนื่องจากเป็นคดีที่เกี่ยวเนื่องทางการเมืองจึงไม่ขอเปิดเผยในรายละเอียด ขอเวลาเจ้าหน้าที่ดำเนิน การอย่างรัดกุม ซึ่งจะเป็นการรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อยื่นเสนอศาลขอออกหมายจับเช่นเดิม" พล.ต.ต.สิทธิพรกล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น