ASTVผู้จัดการรายวัน-พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจเฮ! ครม.จ่ายค่าครองชีพให้ 2 พันบาท มีผลทันที แต่กลับรัดเข็มขัดราชการ
นายวัชระ กรรณิการณ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (24 พ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 7/2552 จ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างต้องไม่เกิน 15,000 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ครม. มีมติเป็นต้นไป โดยให้ใช้งบประมาณของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และเป็นอำนาจของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณา โดยไม่ถือเป็นค่าจ้างและไม่เป็นฐานในการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่พนักงาน
ทั้งนี้ พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่จะได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้ มี 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.),การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), องค์การเภสัชกรรม (อภ.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทร.)
นายวัชระกล่าวว่า ครม. ยังได้เห็นชอบมาตรการประหยัดการเบิกค่าใช้จ่ายและขอความร่วมมือจากส่วนราชการให้ใช้ดุลพินิจเบิกค่าใช้จ่ายในอัตราต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อประหยัดงบประมาณและใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยขอให้ส่วนราชระดับกรมทุกแห่งออกระเบียบภายในให้ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 ขึ้นไป หรือตำแหน่งเทียบเท่า เบิกค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศในอัตราชั้นประหยัดเท่านั้น ยกเว้นนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี, ประธานศาลฎีกา, ประธานรัฐสภา, ประธานวุฒิสภา, ประธานสภาผู้แทนราษฎร, รองประธานสภาผู้แทราษฎร, รัฐมนตรี, ปลัดกระทรวงและอธิบดี หรือผู้ที่มีตำแหน่งเทียบเท่าปลัดกระทรวงและอธิบดี สามารถเบิกค่าโดยสารเครื่องบินได้ในอัตราเดิมหรืออัตราต่ำกว่า นอกจากนี้ ขอให้ส่วนราชการออกระเบียบการเบิกค่าอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารว่างในการฝึกอบรม ในอัตราที่ต่ำกว่าเดิมด้วย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมครม. วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ถอนเรื่องร่างพ.ร.บ.กำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอออกไปก่อน เพราะเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการให้อำนาจกับคณะกรรมการตามกฎหมายมากเกินไป และเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนกับรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงต้นสังกัดที่คุมแต่ละรัฐวิสาหกิจอยู่ แม้ว่านายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง จะชี้แจงว่ากฎหมายฉบับนี้ช่วยสร้างมาตรการและบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ ครม.หลายคนเห็นว่าเป็นการรวบอำนาจมาไว้ที่คณะกรรมการชุดนี้แบบเบ็ดเสร็จ ขณะเดียวกันยังมีการกระทบกระเทียบโดยระบุว่า ให้นำรัฐวิสาหกิจทั้งหมดออกจากกระทรวงต้นสังกัด แล้วนำไปให้คณะกรรมการชุดนี้ดูแลโดยลำพัง ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการให้ยุติโดยให้นำเรื่องนี้ออกไปก่อน
สาระสำคัญของพ.ร.บ. ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย ข้าราชการการเมือง 5 คน ข้าราชการประจำ 4 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอแนะและให้คำปรึกษา เสนอความความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ จัดทำและเสนอแผนพัฒนาระบบรัฐวิสาหกิจแก่ ครม.
รายงานข่าวแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทย ไปพิจารณาการให้สิทธิกับข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองในการใช้สิทธิกับการบินไทย แม้ในปัจจุบันจะมีการยกเลิกสิทธิ์ของบอร์ดการบินไทยไปแล้วก็ตาม ซึ่งนายอำพนรับที่จะไปดำเนินการให้
นายวัชระ กรรณิการณ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (24 พ.ย.) ได้มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ ครั้งที่ 7/2552 จ่ายเงินเพิ่มค่าครองชีพชั่วคราวของพนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ที่มีเงินเดือนหรือค่าจ้างไม่เกินเดือนละ 15,000 บาท ในอัตราเดือนละ 2,000 บาท แต่เมื่อรวมกับเงินเดือนหรือค่าจ้างต้องไม่เกิน 15,000 บาท เป็นระยะเวลา 6 เดือน มีผลตั้งแต่วันที่ครม. มีมติเป็นต้นไป โดยให้ใช้งบประมาณของรัฐวิสาหกิจนั้นๆ และเป็นอำนาจของคณะกรรมการรัฐวิสาหกิจแต่ละแห่งพิจารณา โดยไม่ถือเป็นค่าจ้างและไม่เป็นฐานในการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่พนักงาน
ทั้งนี้ พนักงานและลูกจ้างรัฐวิสาหกิจที่จะได้รับสิทธิ์ในครั้งนี้ มี 7 แห่ง ได้แก่ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.), การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.),การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.), องค์การเภสัชกรรม (อภ.), การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) และการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทร.)
นายวัชระกล่าวว่า ครม. ยังได้เห็นชอบมาตรการประหยัดการเบิกค่าใช้จ่ายและขอความร่วมมือจากส่วนราชการให้ใช้ดุลพินิจเบิกค่าใช้จ่ายในอัตราต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อประหยัดงบประมาณและใช้จ่ายเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยขอให้ส่วนราชระดับกรมทุกแห่งออกระเบียบภายในให้ผู้ดำรงตำแหน่งระดับ 9 ขึ้นไป หรือตำแหน่งเทียบเท่า เบิกค่าโดยสารเครื่องบินในประเทศในอัตราชั้นประหยัดเท่านั้น ยกเว้นนายกรัฐมนตรี, รองนายกรัฐมนตรี, ประธานศาลฎีกา, ประธานรัฐสภา, ประธานวุฒิสภา, ประธานสภาผู้แทนราษฎร, รองประธานสภาผู้แทราษฎร, รัฐมนตรี, ปลัดกระทรวงและอธิบดี หรือผู้ที่มีตำแหน่งเทียบเท่าปลัดกระทรวงและอธิบดี สามารถเบิกค่าโดยสารเครื่องบินได้ในอัตราเดิมหรืออัตราต่ำกว่า นอกจากนี้ ขอให้ส่วนราชการออกระเบียบการเบิกค่าอาหาร เครื่องดื่ม และอาหารว่างในการฝึกอบรม ในอัตราที่ต่ำกว่าเดิมด้วย
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล แจ้งว่า ในการประชุมครม. วันเดียวกันนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ถอนเรื่องร่างพ.ร.บ.กำกับและพัฒนานโยบายรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. ... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอออกไปก่อน เพราะเห็นว่าร่างกฎหมายดังกล่าวเป็นการให้อำนาจกับคณะกรรมการตามกฎหมายมากเกินไป และเป็นการดำเนินการที่ซ้ำซ้อนกับรัฐมนตรีเจ้ากระทรวงต้นสังกัดที่คุมแต่ละรัฐวิสาหกิจอยู่ แม้ว่านายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง จะชี้แจงว่ากฎหมายฉบับนี้ช่วยสร้างมาตรการและบริหารจัดการรัฐวิสาหกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นก็ตาม
ทั้งนี้ ครม.หลายคนเห็นว่าเป็นการรวบอำนาจมาไว้ที่คณะกรรมการชุดนี้แบบเบ็ดเสร็จ ขณะเดียวกันยังมีการกระทบกระเทียบโดยระบุว่า ให้นำรัฐวิสาหกิจทั้งหมดออกจากกระทรวงต้นสังกัด แล้วนำไปให้คณะกรรมการชุดนี้ดูแลโดยลำพัง ทำให้นายกรัฐมนตรีต้องสั่งการให้ยุติโดยให้นำเรื่องนี้ออกไปก่อน
สาระสำคัญของพ.ร.บ. ได้กำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย ข้าราชการการเมือง 5 คน ข้าราชการประจำ 4 คน ผู้ทรงคุณวุฒิ 6 คน มีอำนาจหน้าที่ เช่น เสนอแนะและให้คำปรึกษา เสนอความความเห็นเกี่ยวกับแนวทางการแก้ไขปัญหาในด้านต่างๆ จัดทำและเสนอแผนพัฒนาระบบรัฐวิสาหกิจแก่ ครม.
รายงานข่าวแจ้งว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ในฐานะประธานบอร์ดการบินไทย ไปพิจารณาการให้สิทธิกับข้าราชการระดับสูงและนักการเมืองในการใช้สิทธิกับการบินไทย แม้ในปัจจุบันจะมีการยกเลิกสิทธิ์ของบอร์ดการบินไทยไปแล้วก็ตาม ซึ่งนายอำพนรับที่จะไปดำเนินการให้
