ASTVผู้จัดการรายวัน- พีดี เฮ้าส์ ประกาศแผนรุกตลาดภาคใต้ ตั้งเป้าขยายสาขาแฟรนไชส์ปี53 เพิ่ม5-6 สาขา ทุ่มงบตลาด 15-20 ล้านบาท สร้างการรับรู้เจาะกลุ่มผู้บริโภคทั่วประเทศ ยอมรับยอดขายรวมทั้งปี 220-230 ล้านบาท ต่ำเป้า 15-20 %
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดี เฮ้าส์ กล่าวว่าในปี 2553 บริษัทยังเน้นการขยายธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหนักภาคใต้ใน 5 จังหวัดเศรษฐกิจและจังหวัดท่องเที่ยว ประกอบด้วย สงขลา ,กระบี่ ,ภูเก็ต ,หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการในพื้นที่จะเข้ามาซื้อแฟรนไชส์แล้ว 4 ราย จากเป้าในปีหน้าจะเปิดสาขาแฟรนไชส์เพิ่ม5 สาขา
“ หากเศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวที่ดี อาจจะเปิดสาขาเพิ่มอีก1 สาขาในโซนภาคเหนือ หรือภาคกลางเพิ่มอีก1 สาขา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาแฟรนไชส์รวม 15-16 สาขา ยังผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา ช่วยให้มียอดขายเติบโตจากปี 52 ได้ ”
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้จัดสรรงบในการทำตลาด 15-20 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดและเพิ่มการรับรู้ของกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปลายปี52 ยังทรงตัวต่อเนื่องไปถึงครึ่งแรกของปี 53 ก่อนจะเริ่มขยายตัวในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากงบลงทุนไทยเข้มแข็งของรัฐบาล และทิศทางของตลาดรับสร้างบ้านจะมีความชัดเจนขึ้นในไตรมาส 4 ของปีหน้า แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรคและความกังวลของผู้ประกอบการคือ ปัจจัยด้านการเมือง หากในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงกลางปี 53 ไม่มีเหตุรุนแรงหรือมีการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวดี และผู้ประกอบการจะตัดสินใจขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น
ในส่วนของผลประกอบการในปีที่ผ่านมา มียอดขาย 250 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ ยอดขายรวมจะต่ำกว่าประมาณการ 15-20% หรือมียอดขายอยู่ที่ 220-230 ล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 8-10% ส่วนในปีหน้าคาดว่าตลาดรวมจะมียอดขายประมาณ 3,400 หน่วย หรือมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท
“เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและลดต้นทุนของธุรกิจ บริษัทได้นำระบบโครงสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้ในก่อสร้างของบริษัท มีต้นทุนที่แพงกว่าระบบหล่อประกอบหน้างาน 20% และแพงกว่าระบบเชื่อม 15% แต่จะช่วยให้ลดระยะเวลาการก่อสร้างได้เกือบเท่าตัว ทำให้มีต้นทุนการก่อสร้างลดลงกว่าครึ่ง”
นายสิทธิพร สุวรรณสุต ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือ พีดี เฮ้าส์ กล่าวว่าในปี 2553 บริษัทยังเน้นการขยายธุรกิจแฟรนไชส์เพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นหนักภาคใต้ใน 5 จังหวัดเศรษฐกิจและจังหวัดท่องเที่ยว ประกอบด้วย สงขลา ,กระบี่ ,ภูเก็ต ,หาดใหญ่ และสุราษฎร์ธานี โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการในพื้นที่จะเข้ามาซื้อแฟรนไชส์แล้ว 4 ราย จากเป้าในปีหน้าจะเปิดสาขาแฟรนไชส์เพิ่ม5 สาขา
“ หากเศรษฐกิจในปีหน้าขยายตัวที่ดี อาจจะเปิดสาขาเพิ่มอีก1 สาขาในโซนภาคเหนือ หรือภาคกลางเพิ่มอีก1 สาขา ซึ่งจะทำให้บริษัทมีสาขาแฟรนไชส์รวม 15-16 สาขา ยังผลให้มีรายได้เพิ่มขึ้นจากการขยายสาขา ช่วยให้มียอดขายเติบโตจากปี 52 ได้ ”
ทั้งนี้ ทางบริษัทได้จัดสรรงบในการทำตลาด 15-20 ล้านบาท เพื่อขยายตลาดและเพิ่มการรับรู้ของกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดรับสร้างบ้านในปลายปี52 ยังทรงตัวต่อเนื่องไปถึงครึ่งแรกของปี 53 ก่อนจะเริ่มขยายตัวในช่วงไตรมาส 3 ซึ่งได้รับแรงกระตุ้นจากงบลงทุนไทยเข้มแข็งของรัฐบาล และทิศทางของตลาดรับสร้างบ้านจะมีความชัดเจนขึ้นในไตรมาส 4 ของปีหน้า แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่ยังเป็นอุปสรรคและความกังวลของผู้ประกอบการคือ ปัจจัยด้านการเมือง หากในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงกลางปี 53 ไม่มีเหตุรุนแรงหรือมีการเปลี่ยนแปลง เชื่อว่าเศรษฐกิจโดยรวมจะขยายตัวดี และผู้ประกอบการจะตัดสินใจขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น
ในส่วนของผลประกอบการในปีที่ผ่านมา มียอดขาย 250 ล้านบาท และคาดว่าในปีนี้ ยอดขายรวมจะต่ำกว่าประมาณการ 15-20% หรือมียอดขายอยู่ที่ 220-230 ล้านบาท ภายใต้สมมุติฐานตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวลดลงจากปีที่แล้วประมาณ 8-10% ส่วนในปีหน้าคาดว่าตลาดรวมจะมียอดขายประมาณ 3,400 หน่วย หรือมีมูลค่า 10,000 ล้านบาท
“เพื่อเป็นการสร้างมาตรฐานและลดต้นทุนของธุรกิจ บริษัทได้นำระบบโครงสร้างสำเร็จรูปเข้ามาใช้ในก่อสร้างของบริษัท มีต้นทุนที่แพงกว่าระบบหล่อประกอบหน้างาน 20% และแพงกว่าระบบเชื่อม 15% แต่จะช่วยให้ลดระยะเวลาการก่อสร้างได้เกือบเท่าตัว ทำให้มีต้นทุนการก่อสร้างลดลงกว่าครึ่ง”