xs
xsm
sm
md
lg

ปตท.สผ.กำไร Q3 วูบ 59% เจ๊งค่าเงิน-ปัญหาน้ำมันรั่วฉุด!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ปตท.สผ.” กำไรไตรมาส 3 ร่วงร้อยละ 59 เหลือแค่ 5,259 ล้านบาท จากงวดเดียวกันปีก่อนที่กำไรสูงถึง 12,984 ล้านบาท เหตุราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยเป็นเงินบาทลดลง เช่นเดียวกับปริมาณการขายที่ลดลง อีกทั้งยังขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และมีค่าใช้จ่ายพุ่งสูงขึ้นจากค่าความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหลในแหล่งมอนทาราของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ที่มีมูลค่าถึง 5,174 ล้านบาท

นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือ ปตท.สผ.เปิดเผยถึงผลดำเนินงานบริษัทและรวมของบริษัทย่อยไตรมาสที่ 3/2552 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 5,259 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 1.59 บาท ลดลง7,725 ล้านบาท หรือร้อยละ 59 จากไตรมาสที่ 3 ปี 2551 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 12,984 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 3.93 บาท

โดยบริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น 30,769 ล้านบาท ลดลง 11,665 ล้านบาท หรือร้อยละ 27 เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 3 ปี 2551 ซึ่งมีรายได้รวม 42,434 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 22,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,787 ล้านบาท หรือร้อยละ 20 เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีค่าใช้จ่ายรวม 18,633 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน ปี 2552 บริษัท และบริษัทย่อย มีรายได้รวมทั้งสิ้น86,009 ล้านบาท มีค่าใช้จ่ายรวมทั้งสิ้น 53,388 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 17,502 ล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 5.29 บาท เมื่อเทียบกับงวดเก้าเดือน ปี 2551 ซึ่งมีกำไรสุทธิ 34,886 ล้านบาท หรือคิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้น 10.57 บาท

ส่วนฐานะการเงินของบริษัท และบริษัทย่อย ณ วันที่ 30 กันยายน 2552 มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 290,479 ล้านบาท มีหนี้สินรวม 152,178 ล้านบาท และมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 138,301 ล้านบาท

โดยเป็นผลจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินบาทลดลง ตามราคาผลิตภัณฑ์เฉลี่ยที่เป็นเงินเหรียญสหรัฐฯลดลงในไตรมาสนี้เป็น 39.90 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับตัวลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 54.52 เหรียญสหรัฐฯต่อบาร์เรล ขณะที่อัตราแลกเปลี่ยนในการขายเฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเป็น 34.31 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 33.65 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ ตามค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลง

นอกจากนี้ ปริมาณการขายในไตรมาสนี้ลดลงเป็น 234,601 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวันเมื่อเปรียบเทียบกับปริมาณการขายไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ 240,839 บาร์เรล เทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน โดยส่วนใหญ่มาจากการขายก๊าซธรรมชาติและคอนเดนเสทของโครงการอาทิตย์และโครงการไพลิน แม้ปริมาณการขายก๊าซธรรมชาติโครงการอาทิตย์เหนือรวมถึงปริมาณการขายน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติของโครงการเวียดนาม 9-2 และโครงการบี 8/32 และ 9 เอ เพิ่มขึ้นในไตรมาสนี้

รวมทั้งบริษัทรับรู้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 352 ล้านบาท ในขณะที่ไตรมาสเดียวกันของปีก่อนรับรู้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจำนวน 194 ล้านบาท อันเป็นผลจากการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทมีค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้รวมทั้งสิ้น 22,420 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,787 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนจำนวน 18,633 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 1.ค่าความเสียหายจากเหตุการณ์น้ำมันและก๊าซธรรมชาติรั่วไหลในแหล่งมอนทาราของโครงการพีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย 5,174 ล้านบาท 2.ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเพิ่มขึ้นซึ่งส่วนใหญ่มาจาก โครงการอาทิตย์เหนือและโครงการเวียดนาม 9-2 ตามปริมาณการผลิต ที่เพิ่มขึ้น

ผลิตก๊าซพื้นที่ร่วมไทย-มาเลเซียปลายปีนี้

ด้าน นายอนนต์ สิริแสงทักษิณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ.กล่าวว่า โครงการพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซีย-บี 17 ซึ่ง ปตท.สผ.มีสัดส่วนถือหุ้น 50% คาดว่า จะสามารถเริ่มทำการผลิตก๊าซฯจากแหล่งมูดาและเจงก้าได้ปลายปีนี้ ในอัตราการผลิตเริ่มต้นที่ 135 ลูกบาศก์ฟุต/วัน

โบรกฯมั่นใจไตรมาส 4 ดีขึ้น

สถาบันวิจัยนครหลวงไทย แนะนำ “BUY” สำหรับหุ้น PTTEP ราคาเป้าหมาย 202.00 บาท/หุ้นโดยระบุว่า แม้ใน Q3/52 กำไรสุทธิจะลดลง 59%yoy แต่เกิดจากการตัดจำหน่ายค่าใช้จ่ายพิเศษจากโครงการมอนทารา ที่สูงถึง 5,174 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม ค่าใช้จ่ายพิเศษดังกล่าวนำไปเป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้ ทำให้ภาษีจ่ายใน Q3/52 ลดลงถึง 59%qoq หรือประมาณ 3,554 ล้านบาท หากหักรายการค่าใช้จ่ายพิเศษสุทธิด้วยภาษี และผลขาดทุนกำไรอัตราแลกเปลี่ยนออก กำไรปกติ Q3/52 อยู่ที่ 7,230 ล้านบาท หรือฟื้นตัวต่อเนื่อง 11%qoq ดังนั้นกำไรสุทธิ Q4/52 คาดกลับมาฟื้นตัว yoy และ qoq เพราะค่าใช้จ่ายในส่วนนี้คาดจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อประกอบกับแนวโน้มปริมาณการผลิตและราคาจำหน่ายผลิตภัณฑ์ใน Q4ที่คาดจะฟื้นขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลให้กำไรสุทธิจะเติบโตได้สูง
กำลังโหลดความคิดเห็น