ASTVผู้จัดการรายวัน – “คิวเฮ้าส์” เชื่อตลาดบ้านหรูยังไปได้ อ้างผลประกอบการครึ่งปีแรกดีเกินคาด เผยบ้าน 40 ล้านบาทขึ้นไปในพอร์ตขายเกลี้ยงสต๊อก พร้อมประกาศปรับเป้ารายได้แตะ 10,000 ล้านบาท ปีหน้าลุยเปิดบ้านหรู 13 โครงการ มูลค่ารวม 15,610 ล้านบาท ทุ่มงบซื้อที่ดินเพิ่มในปี 53 จำนวน 2,500 ล้านบาท
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH (บริษัทในเครือแลนด์ฯ) เปิดเผยว่า จากภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกว่า มียอดรายได้สะสม 6 เดือน จำนวน 5,230 ล้านบาท มีกำไรสุทธิยอดสะสม 6 เดือน 766 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 2/2552 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 จำนวน 46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2 % แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,716 ล้านบาท (เติบโต 74 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 3%) รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานและค่าบริการ 70 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารพักอาศัยและค่าบริการ 189 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 22 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่สอง บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในภาวะตลาดอสังหาฯ รวมทั้งปัจจัยบวกหลายๆด้านของเศรษฐกิจที่มีสัญญาณดีขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงได้ปรับประมาณการรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 5% จากเดิมทั้งปีตั้งไว้ที่ 9,400 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวคาดว่าจะมาจากโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขายของบริษัทฯและบริษัทในเครือ
นอกจากนี้ ยังพบว่าสินค้าบ้านระดับบนราคาเกินกว่า 40 ล้านบาทขึ้นไปขายดี โดยเฉพาะราคาเกินกว่า 100 ล้านบาท ที่จะพัฒนาโครงการละ 1-2 หลังเท่านั้น และเมื่อพัฒนาออกสู่ตลาดก็จะขายหมดทันที ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าตลาดระดับบนยังไปได้ดี
ด้านตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันถือว่าชะลอตัวลงไปบ้าง โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนรายได้จากอาคารสำนักงานคาดว่าจะทรงตัว ในขณะที่ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ลดลงอย่างน้อย 8% ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาการเมืองและไข้หวัดพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ต่างชาติไม่เข้ามาในไทย
ส่วนแผนการลงทุนนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเงินลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกได้ใช้เงินซื้อที่ดินไปแล้ว 700 ล้านบาท รวมทั้งปีจำนวน 1,400 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าบริษัทคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นตาม จึงมีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งงบประมาณซื้อที่ดินไว้ที่ 2,500 ล้านบาท
**ปี 53 ผุด 13โครงการเป้าขาย1.1หมื่นล. **
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2553 ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยมีกำหนดเปิดทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 15,610 ล้านบาท ซึ่งไฮไลท์ของปีหน้าจะเป็นการเปิดตัวบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ Q Twelve คฤหาสน์จำนวน 12 หลัง ราคาหลังละ 80 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าในปี 53 จะมีอัตราการเติบโต 10-15% หรือมียอดขายกว่า 11,000 ล้านบาทท
นายรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการระดมทุนนั้น ก่อนหน้านี้บริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้วงเงิน 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะออกในปี 53 ซึ่งวงเงินส่วนใหญ่จะนำมาปรับโครงสร้างหนี้เดิม(รีไฟแนนซ์) อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าปี 53 จะมีรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ 2 โครงการ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท
**ยึดทำเลราชพฤกษ์เปิดเกือบ 10 โครงการ**
ล่าสุดบริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพทำเลโซนถนนราชพฤกษ์และได้พัฒนาโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขายในโซนดังกล่าวไปแล้วทั้งสิ้น 9 โครงการ ประกอบด้วยแบรนด์ “คาซ่าวิลล์” จำนวน 2 โครงการ “คาซ่า Grand” จำนวน 2 โครงการ “ลัดดารมย์” จำนวน 3 โครงการ “ลัดดารมย์ Elegance” จำนวน 1 โครงการ และ พฤกษ์ภิรมย์ Regent จำนวน 1 โครงการ ซึ่งถือได้ว่ามีสินค้าหลากหลายครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคเกือบครบทุกเซ็กเมนต์
ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ “พฤกษ์ภิรมย์ Regent ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” เป็นโครงการระดับคฤหาสน์อีกหนึ่งแห่ง กำหนดระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 20 -120 ล้านบาท โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับบนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูง
“บริษัทฯ เห็นว่าโซนราชพฤกษ์ยังมีดีมานด์อยู่อีกมาก เนื่องจากศักยภาพทำเลที่โดดเด่นในด้านความเจริญและการคมนาคม ที่สามารถเชื่อมสู่ใจกลางเมืองได้หลากหลายเส้นทางทั้งสาทร รัตนาธิเบศร์ และแจ้งวัฒนะ ซึ่งการเปิดตัวโครงการใหม่ในครั้งนี้ ยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำตลาดบ้านระดับบนของบริษัทฯ รวมถึง ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการบ้านบนถนนราชพฤกษ์อีกด้วย” นายรัตน์กล่าว
ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “พฤกษ์ภิรมย์ Regent ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” คฤหาสน์สร้างเสร็จก่อนขาย แบบบ้านมี 3 สไตล์ บนขนาดพื้นที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 430-1,230 ตร.ม. จำนวน 109 ยูนิต มีบ้านราคา 120 ล้านบาท 1 หลังและ 105 ล้านบาท 1 หลัง และบ้านราคา 40-50 ล้านบาทมีจำนวน 40% ที่เหลือราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป.
นายรัตน์ พานิชพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท ควอลิตี้ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ QH (บริษัทในเครือแลนด์ฯ) เปิดเผยว่า จากภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในครึ่งปีแรกว่า มียอดรายได้สะสม 6 เดือน จำนวน 5,230 ล้านบาท มีกำไรสุทธิยอดสะสม 6 เดือน 766 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 2/2552 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 2,997 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปี 2551 จำนวน 46 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2 % แบ่งเป็นรายได้จากการขายบ้านพร้อมที่ดิน 2,716 ล้านบาท (เติบโต 74 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเพิ่มขึ้น 3%) รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานและค่าบริการ 70 ล้านบาท รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในอาคารพักอาศัยและค่าบริการ 189 ล้านบาท และรายได้อื่นอีก 22 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่สอง บริษัทฯมีกำไรสุทธิ 474 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน
ผลการดำเนินงานดังกล่าว ส่งผลให้บริษัทมีความเชื่อมั่นในภาวะตลาดอสังหาฯ รวมทั้งปัจจัยบวกหลายๆด้านของเศรษฐกิจที่มีสัญญาณดีขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงได้ปรับประมาณการรายได้ในปีนี้เพิ่มขึ้นอีก 5% จากเดิมทั้งปีตั้งไว้ที่ 9,400 ล้านบาท เป็น 10,000 ล้านบาท ซึ่งรายได้ดังกล่าวคาดว่าจะมาจากโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขายของบริษัทฯและบริษัทในเครือ
นอกจากนี้ ยังพบว่าสินค้าบ้านระดับบนราคาเกินกว่า 40 ล้านบาทขึ้นไปขายดี โดยเฉพาะราคาเกินกว่า 100 ล้านบาท ที่จะพัฒนาโครงการละ 1-2 หลังเท่านั้น และเมื่อพัฒนาออกสู่ตลาดก็จะขายหมดทันที ทำให้บริษัทมีความเชื่อมั่นว่าตลาดระดับบนยังไปได้ดี
ด้านตลาดที่อยู่อาศัยจังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันถือว่าชะลอตัวลงไปบ้าง โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดขายประมาณ 500 ล้านบาท ส่วนรายได้จากอาคารสำนักงานคาดว่าจะทรงตัว ในขณะที่ตลาดเซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ลดลงอย่างน้อย 8% ตามภาวะเศรษฐกิจโลก ปัญหาการเมืองและไข้หวัดพันธุ์ใหม่ 2009 ทำให้ต่างชาติไม่เข้ามาในไทย
ส่วนแผนการลงทุนนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังเตรียมเงินลงทุนซื้อที่ดินประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกได้ใช้เงินซื้อที่ดินไปแล้ว 700 ล้านบาท รวมทั้งปีจำนวน 1,400 ล้านบาท ส่วนในปีหน้าบริษัทคาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะปรับตัวดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์เติบโตขึ้นตาม จึงมีแผนที่จะขยายการลงทุนเพิ่มมากขึ้น โดยตั้งงบประมาณซื้อที่ดินไว้ที่ 2,500 ล้านบาท
**ปี 53 ผุด 13โครงการเป้าขาย1.1หมื่นล. **
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ในปี 2553 ปัจจุบันได้เริ่มดำเนินการไปแล้ว โดยมีกำหนดเปิดทั้งสิ้น 13 โครงการ มูลค่า 15,610 ล้านบาท ซึ่งไฮไลท์ของปีหน้าจะเป็นการเปิดตัวบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ Q Twelve คฤหาสน์จำนวน 12 หลัง ราคาหลังละ 80 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท โดยบริษัทคาดว่าในปี 53 จะมีอัตราการเติบโต 10-15% หรือมียอดขายกว่า 11,000 ล้านบาทท
นายรัตน์ กล่าวว่า สำหรับการระดมทุนนั้น ก่อนหน้านี้บริษัทได้ขออนุมัติผู้ถือหุ้นเพื่อออกหุ้นกู้วงเงิน 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะออกในปี 53 ซึ่งวงเงินส่วนใหญ่จะนำมาปรับโครงสร้างหนี้เดิม(รีไฟแนนซ์) อย่างไรก็ตามบริษัทคาดว่าปี 53 จะมีรายได้จากการขายคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จ 2 โครงการ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท และคาดว่าจะมียอดขายได้ประมาณ 4,000 ล้านบาท
**ยึดทำเลราชพฤกษ์เปิดเกือบ 10 โครงการ**
ล่าสุดบริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพทำเลโซนถนนราชพฤกษ์และได้พัฒนาโครงการบ้านสร้างเสร็จก่อนขายในโซนดังกล่าวไปแล้วทั้งสิ้น 9 โครงการ ประกอบด้วยแบรนด์ “คาซ่าวิลล์” จำนวน 2 โครงการ “คาซ่า Grand” จำนวน 2 โครงการ “ลัดดารมย์” จำนวน 3 โครงการ “ลัดดารมย์ Elegance” จำนวน 1 โครงการ และ พฤกษ์ภิรมย์ Regent จำนวน 1 โครงการ ซึ่งถือได้ว่ามีสินค้าหลากหลายครอบคลุมความต้องการของผู้บริโภคเกือบครบทุกเซ็กเมนต์
ล่าสุดบริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการ “พฤกษ์ภิรมย์ Regent ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” เป็นโครงการระดับคฤหาสน์อีกหนึ่งแห่ง กำหนดระดับราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 20 -120 ล้านบาท โดยวางกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าระดับบนที่เป็นเจ้าของธุรกิจ หรือผู้บริหารระดับสูง
“บริษัทฯ เห็นว่าโซนราชพฤกษ์ยังมีดีมานด์อยู่อีกมาก เนื่องจากศักยภาพทำเลที่โดดเด่นในด้านความเจริญและการคมนาคม ที่สามารถเชื่อมสู่ใจกลางเมืองได้หลากหลายเส้นทางทั้งสาทร รัตนาธิเบศร์ และแจ้งวัฒนะ ซึ่งการเปิดตัวโครงการใหม่ในครั้งนี้ ยังเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ความเป็นผู้นำตลาดบ้านระดับบนของบริษัทฯ รวมถึง ความสำเร็จในการพัฒนาโครงการบ้านบนถนนราชพฤกษ์อีกด้วย” นายรัตน์กล่าว
ล่าสุดเปิดตัวโครงการ “พฤกษ์ภิรมย์ Regent ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์” คฤหาสน์สร้างเสร็จก่อนขาย แบบบ้านมี 3 สไตล์ บนขนาดพื้นที่ดินตั้งแต่ 200 ตารางวาขึ้นไป พื้นที่ใช้สอยตั้งแต่ 430-1,230 ตร.ม. จำนวน 109 ยูนิต มีบ้านราคา 120 ล้านบาท 1 หลังและ 105 ล้านบาท 1 หลัง และบ้านราคา 40-50 ล้านบาทมีจำนวน 40% ที่เหลือราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป.
