ASTVผู้จัดการรายวัน -คมนาคมดันแผนแม่บรถไฟฟ้า 12 เส้นทาง มูลค่าลงทุนรวม 811,070 ล้านบาท เตรีมเสนอ คจร. พิจารณา ก่อนชงและ ครม.เห็นชอบ รับทราบ หลังแผนแม่บทเดิมล้มเหลว 6 ปีทำได้เพียง 39 กิโลเมตร
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคนาคม เปิดเผยถึงโครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลขนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า กระทวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินงานจัดทำแผนแม่บทการขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้าฉบับใหม่ขึ้น โดยล่าสุดได้ปรับปรุงเส้นทางการเดินรถแบบใหม่ โดยในขั้นตอนต่อไป สนข.จะสรุปผลและเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อเห็นชอบ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาพื่อเร่งใช้ในปี 2553
สำหรับโครงข่ายตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพและปริณฑลจะมีทั้งสิ้น 12 ส้นทาง ระยะทางรวม 495 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนรวม 811,070 ล้านบาท สามารถแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะแรกเป็นแผนโครงข่ายที่ต้องเร่งรัดตามติคณะรัฐมนตรี ปี 2549 ประกอบด้วย โครงข่ายสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ถึงมาก กับพื้นที่แหล่งธุรกิจในเขตเมือง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในี 2557 จำนวน 98.5 กิโลเมตร สำหรับระยะที่ 2 เป็นแผนโครงข่ายเพิ่มเติมภายใน พ.ศ.2562 ระยะทางรวม 141 กิโลเมตร และระยะที่ 3 จะเป็นโครงข่ายพิ่มเติมภายใน พ.ศ.2572 ระยะทางเพิ่มอีก 118 กิโลเมตร
นายสุพจน์ ล่าวว่า การลงทุนระบบขนส่งมวลชนระบบรางทางกระทรวงคมนาคม จะพยายามที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องตามมติของคณะกรรมการร่วมภาคัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะมีเงื่อนไที่จะให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย รวมทั้งจะมีการลงนามความร่วมมือกับประเทศจีน ที่จะให้ไทยผลิตชิ้นส่วนบางอย่างที่เกี่ยวข้องส่งให้ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การปรับปรุงแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12 เส้นทาง 495 กิโลเมตร ในระยะ 20 ปี (2553-2572) นั้น เนื่องจากแผนแม่บทที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 ที่กำหนดระะดำเนินการไว้ในช่วงปี 2547-2552 ประสบปัญหาอุปสรรคหลายประการทั้งปัญหาทางการเมืองและด้านงบประมาณทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปตามแผนจากเดิมที่วางแผนจะดำเนินการให้ได้ 7 เส้นทางระยะทางรวม 236 กิโลเมตร แต่เดินหน้าได้เพียง 39 กิโลเมตรเท่านั้น
นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคนาคม เปิดเผยถึงโครงการศึกษาปรับแผนแม่บทระบบขนส่งมวลขนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ว่า กระทวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดให้มีการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนต่อการดำเนินงานจัดทำแผนแม่บทการขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล หรือแผนแม่บทโครงข่ายรถไฟฟ้าฉบับใหม่ขึ้น โดยล่าสุดได้ปรับปรุงเส้นทางการเดินรถแบบใหม่ โดยในขั้นตอนต่อไป สนข.จะสรุปผลและเสนอแผนดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เพื่อเห็นชอบ ก่อนเสนอให้คณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาพื่อเร่งใช้ในปี 2553
สำหรับโครงข่ายตามแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพและปริณฑลจะมีทั้งสิ้น 12 ส้นทาง ระยะทางรวม 495 กิโลเมตร ใช้เงินลงทุนรวม 811,070 ล้านบาท สามารถแบ่งการดำเนินการออกเป็น 3 ระยะได้แก่ ระยะแรกเป็นแผนโครงข่ายที่ต้องเร่งรัดตามติคณะรัฐมนตรี ปี 2549 ประกอบด้วย โครงข่ายสายหลักที่เชื่อมต่อระหว่างพื้นที่อยู่อาศัยหนาแน่นปานกลาง ถึงมาก กับพื้นที่แหล่งธุรกิจในเขตเมือง ซึ่งคาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในี 2557 จำนวน 98.5 กิโลเมตร สำหรับระยะที่ 2 เป็นแผนโครงข่ายเพิ่มเติมภายใน พ.ศ.2562 ระยะทางรวม 141 กิโลเมตร และระยะที่ 3 จะเป็นโครงข่ายพิ่มเติมภายใน พ.ศ.2572 ระยะทางเพิ่มอีก 118 กิโลเมตร
นายสุพจน์ ล่าวว่า การลงทุนระบบขนส่งมวลชนระบบรางทางกระทรวงคมนาคม จะพยายามที่จะส่งเสริมอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เกี่ยวข้องตามมติของคณะกรรมการร่วมภาคัฐและเอกชน (กรอ.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยจะมีเงื่อนไที่จะให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับคนไทย รวมทั้งจะมีการลงนามความร่วมมือกับประเทศจีน ที่จะให้ไทยผลิตชิ้นส่วนบางอย่างที่เกี่ยวข้องส่งให้ เนื่องจากจีนเป็นประเทศที่ผลิตชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมรถไฟฟ้า
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การปรับปรุงแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12 เส้นทาง 495 กิโลเมตร ในระยะ 20 ปี (2553-2572) นั้น เนื่องจากแผนแม่บทที่คณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบเมื่อวันที่ 7 กันยายน 2547 ที่กำหนดระะดำเนินการไว้ในช่วงปี 2547-2552 ประสบปัญหาอุปสรรคหลายประการทั้งปัญหาทางการเมืองและด้านงบประมาณทำให้การดำเนินการไม่เป็นไปตามแผนจากเดิมที่วางแผนจะดำเนินการให้ได้ 7 เส้นทางระยะทางรวม 236 กิโลเมตร แต่เดินหน้าได้เพียง 39 กิโลเมตรเท่านั้น
