รัฐบาลใส่เกียร์ห้า ลุยเมกะโปรเจกต์ระบบราง “มาร์ค” เตรียมเดินทางเยือนจีนหารือแผนร่วมลงทุนพัฒนารถไฟ สั่ง “ซาเล้ง” เร่งสรุปข้อมูลชง ครม.เศรษฐกิจ ภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะยืนยันเพื่อขอความสนับสนุนด้านการเงิน 400 ล้านดอลลาร์ จากจีนมาใช้ในการพัฒนาโครงการ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้หารือแบบทวิภาคีกับประเทศจีน เกี่ยวกับความร่วมมือลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าจากจีนไปยังไทย เนื่องจากจีนเสนอตั้งกองทุนพัฒนาสาธารณูปโภค และเร็วๆ นี้ นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางไปเยือนจีน
ดังนั้น ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ต้องเสนอแผนพัฒนาระบบราง ทั้งระบบรางคู่ การก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูง เพื่อพัฒนาระบบโลจิกสติกส์ของไทย เนื่องจากจีนต้องการให้ความช่วยเหลือ ทั้งเทคโนโลยีและแหล่งเงินทุน จึงต้องหาข้อสรุปร่วมกันเกี่ยวกับแผนพัฒนารถไฟในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เศรษฐกิจใน 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมถึงการแก้ปัญหารถไฟทั้งหมด
“ท่านนายกฯ มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม ไปรวบรวมและปรับปรุงแผนงานขนส่งระบบรางทั้งระบบรางคู่ และรางเดี่ยว ให้เกิดความชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะมีการยืนยันเพื่อขอความสนับสนุนด้านการเงินจากจีนมาใช้ในการพัฒนาโครงการ”
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าวเป็นผลสืบเนื่องจากนายกรัฐมนตรี ได้รายงานให้ ครม.รับทราบผลการเจรจาในระดับทวิภาคี กับ นายเหวิน เจีย เป่า นายกรัฐมนตรีจีน ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียนที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งได้มีการพูดคุยถึงความร่วมมือที่จีนพร้อมจะให้การสนับสนุนด้านเงินกู้ เทคโนโลยี และโครงข่ายคมนาคมกับไทย
ด้าน นายวัชระ กรรณิกา รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีสั่งให้สร้างความชัดเจนในการพัฒนาระบบรางรถไฟ การจัดซื้อหัวรถจักร และแหล่งเงินกู้ที่จะใช้ในโครงการดังกล่าว เนื่องจากทางจีนได้เร่งรัดในเรื่องนี้ หลังจากที่เคยรับปากว่าพร้อมจะให้เงินกู้กับไทย 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และเสนอให้จัดซื้อหัวรถจักรที่มีคุณภาพดี ราคาถูกจากจีน ในรูปแบบจีทูจี
มีรายงานเพิ่มเติมว่า รมว.คมนาคม ได้รับปากในที่ประชุม ครม.โดยจะเร่งจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอ ครม.เศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกำหนดเส้นทางการจัดทำระบบรางหรือระบบรางคู่ เพื่อเชื่อมโยงกับระบบรถรางทั้งหมด
นอกจากนี้ นายกฯ ยังเห็นว่า หากดำเนินการได้เร็วก็จะสามารถบอกกับรัฐบาลจีนได้ทันที เพื่อให้เกิดความชัดเจนว่าจะเอาหรือไม่เอา ก็คาดว่าจะพบนายกรัฐมนตรีจีนอีกครั้งในการประชุมประเทศประชาคมเอเชียและแปซิฟิก (เอเปก) ที่ประเทศสิงคโปร์
ส่วนความคืบหน้าการหยุดเดินรถของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.) รมว.คมนาคม ยังยืนยันต่อที่ประชุม ครม.โดยระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นยังไม่ถึงขั้นที่จะต้องให้นายกรัฐมนตรี หรือต้องให้ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี เข้ามาเป็นคนกลาง แก้ไขปัญหาตามข้อเรียกร้องของ สร.รฟท.เพราะตนเองยังสามารถแก้ไขปัญหาได้ โดยจะเร่งดำเนินการให้มีการเดินรถอย่างเร็วที่สุด
นอกจากนี้ ครม.เห็นชอบให้ ร.ฟ.ท.รับพนักงานเพิ่มจำนวน 171 อัตรา ประกอบด้วย ช่างเครื่อง 121 อัตรา และพนักงานสถานีและบำรุงทาง 50 อัตรา และรับทราบว่า การหยุดเดินรถในช่วงที่ผ่านมา รวม 213 ขบวน ผู้โดยสารได้รับผลกระทบ 243,5000 คน มีความเสียหายแล้ว 41.59 ล้านบาท โดยเป็นการเสียหายกับผู้โดยสาร 29.20 ล้านบาท และเสียหายกับการขนส่ง 12.39 ล้านบาท