ASTVผู้จัดการรายวัน-อภิสิทธิ์ ยี้“ยรรยง”นั่งปลัดพาณิชย์เบรกรอบ 2 อ้างขอเคลียร์ก่อน “เจ๊วา” ยันไม่มีปัญหา แต่สุดท้ายต้องชื่อยรรยง แฉเหตุไม่ตั้งหวั่นไม่สนองนโยบายรัฐ ผลงานยังไม่เข้าตา ขณะที่“สุพจน์”นั่งปลัดคมนาคมสมใจ”โสภณ”แก้ตัว แม้ไม่อาวุโสสูงสุดแต่ดูเรื่องอื่นประกอบ ขณะที่ หมอไพจิตร์” นั่งเก้าอี้ปลัดสธ.คนใหม่ แพทยชนบทค้าน อ้าง "หัวอ่อน สั่งง่าย ไม่มีภาวะผู้นำ"
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้เสนอเรื่องการแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว แต่นายกฯ แจ้งว่าจะขอหารือกับนายยรรยง พวงราช ก่อน และให้เหตุผลว่าปีนี้เป็นปีที่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายใหม่ในการดูแลสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการใช้ระบบประกันราคา ที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ นายกฯเลยอยากจะขอทำความเข้าใจก่อน และสัปดาห์หน้า จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ท่านนายกฯ ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องตัวบุคคล แต่ท่านต้องการคุยนโยบายสินค้าเกษตรให้ตรงกัน เพราะกระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานที่เข้ามาขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยที่ออกมาแบบนี้ ไม่ได้เป็นการผิดธรรมเนียมอะไร ท่านนายกฯ คงอยากทำความเข้าใจให้ตรงกัน และขอยืนยันว่าเรื่องการแต่งตั้งปลัด พี่รักเดียวใจเดียว ที่จะเสนอชื่อท่านยรรยงยกเว้นท่านอธิบดีจะไม่อยากเป็น”นางพรทิวากล่าว
ด้านนายยรรยงกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่กังวลที่จะต้องคุยกับนายกฯ ในวันนี้ (16 ก.ย.) เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาสามารถทำได้ และก็พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วานนี้ (15 ก.ย.) ช่วงเช้าเวลา 09.45 น. นางพรทิวา ได้เดินทางไปเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ที่เมืองทองธานี และได้ยืนยันต่อผู้สื่อข่าวว่า จะเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้ครม. พิจารณา และจากนั้นได้เดินทางกลับมาเข้าร่วมประชุมครม. แต่พอถึงวาระการพิจารณาแต่งตั้งปลัดกระทรวง ครม.ได้อนุมัติการแต่งตั้งของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข แต่ไม่มีวาระของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้นางพรทิวาขอตัวออกจากห้องประชุมก่อนที่การประชุมจะเสร็จสิ้น และได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานสัปดาห์นิยมไทยที่สวนอัมพร และไปถึงก่อนกำหนดยังไม่บ่ายโมงด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่กำหนดการเดิมคือเวลา 14.00 น.
**เผย "ยรรยง" ถูกเบรกครั้งที่ 2
การเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ถูกนายกฯ เบรกอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งในครั้งนั้น มีกระแสข่าวว่าเป็นเพราะนายกฯ ไม่พอใจพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการไม่สนับสนุนการแต่งตั้งผบ.ตร. เลยขอให้กระทรวงพาณิชย์รอเรื่องการแต่งตั้งปลัดใหม่ไปก่อน จากนั้น ก็มีข่าวว่าจะเสนอเข้าครม. วันที่ 1 ก.ย. แต่ก็ไม่ได้เข้าเพราะต้องรอเสนอพร้อมกับกระทรวงคมนาคม และล่าสุดวันที่ 15 ก.ย. นางพรทิวา ได้เสนอเรื่องให้นายกฯ ตามขั้นตอนอีกครั้งพร้อมกับกระทรวงคมนาคม แต่ในส่วนของกระทรวงคมนาคมผ่าน กระทรวงพาณิชย์ไม่ผ่าน โดยนายกฯ ให้เหตุผลว่าขอพิจารณาก่อน
อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจนายยรรยงที่เคยมีปัญหากับนายอภิสิทธิ์ และกับครม. จึงไม่ต้องการให้นายยรรยงเป็นปลัดกระทรวง และอยากให้กระทรวงพาณิชย์มีการเสนอบุคคลอื่นแทน โดยมีข้าราชการอีกหลายคนที่มีความเหมาะสม เช่น นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีอาวุโส ไม่แพ้กันแต่ที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากแต่งตั้งนายราเชนทร์จะมีความเสี่ยง เพราะติดปัญหาคดีกล้ายาง แต่ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการตัดสินคดีนี้แล้ว หากนายราเชนทร์หลุดคดี ก็ถือเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีความเหมาะสม
***หวั่น"ยรรยง"ไม่สนองนโยบายสินค้าเกษตร
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสาเหตุที่ครม.ไม่มีการพิจารณาให้นายยรรยง ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดพาณิชย์คนใหม่นั้น มีหลายสาเหตุ เพราะนายยรรยง ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับนายอภิสิทธิ์และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงนโยบายการรับจำนำสินค้าเกษตรมาเป็นการประกันราคาสินค้าเกษตรแทน แต่นายยรรยง เองไม่สนองนโยบายและมีความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องการประกันราคาสินค้าเกษตร แถมยังเคยแสดงความคิดเห็นกลางที่ประชุมครม.จนทำให้นายกรัฐมตรีและรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจเกิดความไม่พอใจและในที่สุดต้องเชิญนายยรรยงออกจากห้องประชุม ครม.ไป
"การเปลี่ยนแปลงวิธีการรับประกันราคาสินค้าเกษตรนั้นเรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ต้องการทำความเข้าใจในนโยบายก่อน หากปลัดพาณิชย์คนใหม่เข้ามาต้องรับผิดชอบจึงต้องพูดคุยกันก่อนหากปฎิบัติได้ตามแนวทางก็สามารถแต่งตั้งได้ในสัปดาห์หน้า "แหล่งข่าวคนเดียวกันกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่านายกอร์ปศักดิ์ เองไม่มั่นใจว่านายยรรยงจะสามารถสนองตอบการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในกระทรวงพาณิชย์ได้ เพราะในปีหน้าไทยจะต้องเปิดเสรีอาฟตาและต้องมีการลดภาษีสินค้าอีกกว่าหมื่นรายการ ซึ่งหากไม่สนองนโยบายของรัฐก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา และที่ผ่านผลงานต่าง ๆ ก็ยังไม่เด่นมากนัก มีเพียงโครงการธงฟ้าราคาประหยัดเท่านั้น
**"โสภณ"เปิดใจเบื้องหลังตั้งปลัดคมนาคม
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรงวงคมนาคม จำนวน 6 ตำแหน่ง คือ 1.นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นปลัดกระทรวงคมนาคมแทนนายสุรชัย ธาร์สิทธิ์พงษ์ที่เกษียณอายุ 2.นายอร่าม ก้อนสมบัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมเป็นรองปลัดกระทรวงคมนาคมแทนนายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ที่เกษียณอายุ 3. นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร รองอธิบดีกรมทางหลวงฝ่ายบำรุงทาง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 4.นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 5.นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ รองอธิบดีกรมทางหลวงฝ่ายบริหารเป็นอธิบดีกรมทางหลวง 6.นายวุฒิชัย สิงหมณี รองอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) เป็นอธิบดี ขอ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงเลือกเสนอนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม นายโสภณกล่าวว่า การตั้งปลัดกระทรวงถือตามอาวุโส เหมือนพระที่มี 2 อย่างคือ พรหมมา กับสมณศักดิ์ (ตำแหน่ง) ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายสุพจน์ไม่ใช่คนที่อาวุโสสูงสุด นายโสภณ ตอบว่า ดูเรื่องอื่นประกอบด้วย เรื่องนี้ถือว่าแล้วไปแล้ว รื้อฟื้นกันก็ไม่เกิดประโยชน์ ส่วนปลัดกระทรวงคมนาคมนั้นมีหน้าที่เดินตามรัฐมนตรี หมายถึงการใช้สมองทำงานตามกัน
สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายระดับอธิบดีหน่วยงานอื่นๆ ของกระทรวงนั้น นายโสภณ กล่าวว่า จะยังไม่มีตอนนี้โดยให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ตามปกติ ส่วนการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับรองอธิบดีของหน่วยงานต่างๆ แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น จะพิจารณากันหลังจากนี้
โดยในส่วนของกรมทางหลวงจะต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองอธิบดีที่ว่างอยู่ 4 คน จากที่เกษียณ 2 คนขึ้นเป็นอธิบดี 1 คนและย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการ 1 คน
นายโสภณกล่าวว่า หลังนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเกษียณอายุวันที่ 30 ก.ย. 2552 จะตั้งเป็นี่ปรึกษาส่วนตัวเพื่อช่วยทำงานและยังคงให้เป็นกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไป เพราะไม่จำเป็นที่ปลัดคมนาคมคนใหม่จะต้องเข้าไปเป็นบอร์ดการบินไทยแทน
***ขอบคุณสศช.เร่งเสนอเอ็นจีวี 4,000 คัน
ส่วนกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะสรุปโครงการเช่ารถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หรือรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนก.ย.นี้โดยหากสศช.เสนอยกเลิกโครงการนั้นนายโสภณกล่าวว่า การที่สศช.เสนอครม.ก็ยินดีและขอบคุณ ดีกว่าแช่เรื่องนี้ไว้เฉยๆ
แต่ถ้าเสนอให้เดินหน้าแต่นายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย ก็คงต้องแล้วแต่เพราะครม.ใหญ่กว่ากระทรวงคมนาคม นายกฯ ใหญ่กว่า รมต. เพราะการบริหารประเทศถ้าเจ๊งคนก็โทษนายกฯ ไม่ได้โทษรมต.อยู่แล้ว
**"หมอไพจิตร์" นั่งปลัดสธ.
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่าที่ปลัดสธ.คนใหม่ กล่าวภายหลังครม.มีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งปลัดสธ.แทนนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ว่า ขณะนี้คงต้องรอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งปลัดสธ.ก่อนจึงจะสามารถทำงานได้เต็มตัว อย่างไรก็ตามจะหารือกับนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อรับมอบนโยบาย เพราะหน้าที่ของปลัดกระทรวงคือรับนโยบายมาทำให้เป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ ส่วนเรื่องการจัดตั้งทีมงานของตนนั้น ต้องรอหารือร่วมกับนายวิทยาก่อน ว่าจะพิจารณาเลือกใครที่เหมาะสมมาช่วยงาน แต่โดยส่วนตัวแล้วตนไม่มีทีมงานของตัวเองอยู่แล้ว
“ยอมรับว่า ภารกิจของสธ.ต้องเหนื่อย เพราะมีงานมาก ทุกคนต้องทำงานหนัก ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ต้องมีภารกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการไทยเข้มแข็ง จึงต้องมีการรวมพลังทำงานกับหน่วยงานต่างๆอย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องยึดประชาชนเป็นตัวตั้ง ที่สำคัญ สธ. มีคนเก่งมาก ผมต้องเป็นผู้ประสานให้ดี”นพ.ไพจิตร์กล่าว
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกนพ.ไพจิตร์ เพราะเป็นผู้เหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ดี ไม่มีข้อขัดแย้งกับใคร และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริหารด้วยกันสูง ส่วนใครจะเชียร์ใครท้ายที่สุดต้องทำงานร่วมกันได้ทุกคน
**แพทย์ชนบทออกฤทธิ์ค้าน
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังและไม่รู้สึกยินดีที่นพ.ไพจิตร์ ได้รับตำแหน่งปลัดสธ.คนใหม่ เพราะนพ.ไพจิตร์ เป็นคนหัวอ่อน ไม่กล้าตัดสินใจ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถูกฝ่ายการเมืองบีบได้ รวมทั้งไม่มีภาวะผู้นำโดยเห็นได้จากการเป็นประธานสอบทุจริตรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูงที่ไม่มีการลงโทษผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีผู้กระทำผิดชัดเจน ดังนั้นแพทย์ชนบทจะจับตาในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด โดยจะทำหนังสือท้วงติงมายังสธ.เป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม แพทย์ชนบทคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการแต่งตั้งปลัดสธ.คนใหม่
สำหรับการบริหารงานสธ. ในอีก 3 ปีข้างหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการบริหารงานทั่วไป บริหารบุคลากรแพทย์ในสังกัด ก็ทำได้ยากอยู่แล้ว ที่สำคัญยังมีเรื่องโครงการไทยแข็งแข็งที่สธ. ได้งบประมาณบริหารมากว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานจากพื้นที่ต่างๆ ว่าเริ่มมีกลิ่นไม่ดี มีการฮั้วประมูล หรือล็อกสเปกเครื่องมือต่างๆ บ้างแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งหาก ปลัด สธ. ไม่เข้มแข็ง ไม่กล้าตัดสินใจหรือคัดค้าน สุดท้ายแล้วอาจต้องตกอยู่ภายใต้เงาของการเมืองในที่สุด
“โดยเฉพาะเครื่องฆ่าเชื้ออัตราไวโอเล็ต สำหรับติดตั้งในโรงพยาบาล ที่กรมการแพทย์สามารถผลิตได้เองในราคาราว 5-6 พันบาท แต่กลับซื้อเครื่องดังกล่าวในราคา 4 หมื่นบาท ซึ่งแพงเกินความเป็นจริง นอกจากนี้ยังต้องจับตาการก่อสร้างหอพยาบาล รวมถึงการสั่งซื้อเครื่องช่วยหายใจก็พบว่ามีการตั้งราคากลางสูงเกินจริงเช่นกัน”นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ได้เสนอเรื่องการแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์คนใหม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว แต่นายกฯ แจ้งว่าจะขอหารือกับนายยรรยง พวงราช ก่อน และให้เหตุผลว่าปีนี้เป็นปีที่รัฐบาลได้ดำเนินนโยบายใหม่ในการดูแลสินค้าเกษตร โดยเฉพาะการใช้ระบบประกันราคา ที่ถือเป็นเรื่องใหญ่ นายกฯเลยอยากจะขอทำความเข้าใจก่อน และสัปดาห์หน้า จะเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“ท่านนายกฯ ยืนยันว่าไม่มีปัญหาเรื่องตัวบุคคล แต่ท่านต้องการคุยนโยบายสินค้าเกษตรให้ตรงกัน เพราะกระทรวงพาณิชย์จะเป็นหน่วยงานที่เข้ามาขับเคลื่อนที่สำคัญ โดยที่ออกมาแบบนี้ ไม่ได้เป็นการผิดธรรมเนียมอะไร ท่านนายกฯ คงอยากทำความเข้าใจให้ตรงกัน และขอยืนยันว่าเรื่องการแต่งตั้งปลัด พี่รักเดียวใจเดียว ที่จะเสนอชื่อท่านยรรยงยกเว้นท่านอธิบดีจะไม่อยากเป็น”นางพรทิวากล่าว
ด้านนายยรรยงกล่าวเพียงสั้นๆ ว่า ไม่กังวลที่จะต้องคุยกับนายกฯ ในวันนี้ (16 ก.ย.) เพราะเป็นสิ่งที่ผู้บังคับบัญชาสามารถทำได้ และก็พร้อมที่จะดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วานนี้ (15 ก.ย.) ช่วงเช้าเวลา 09.45 น. นางพรทิวา ได้เดินทางไปเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ที่เมืองทองธานี และได้ยืนยันต่อผู้สื่อข่าวว่า จะเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ให้ครม. พิจารณา และจากนั้นได้เดินทางกลับมาเข้าร่วมประชุมครม. แต่พอถึงวาระการพิจารณาแต่งตั้งปลัดกระทรวง ครม.ได้อนุมัติการแต่งตั้งของกระทรวงคมนาคม และกระทรวงสาธารณสุข แต่ไม่มีวาระของกระทรวงพาณิชย์ ทำให้นางพรทิวาขอตัวออกจากห้องประชุมก่อนที่การประชุมจะเสร็จสิ้น และได้เดินทางไปยังสถานที่จัดงานสัปดาห์นิยมไทยที่สวนอัมพร และไปถึงก่อนกำหนดยังไม่บ่ายโมงด้วยซ้ำ ทั้งๆ ที่กำหนดการเดิมคือเวลา 14.00 น.
**เผย "ยรรยง" ถูกเบรกครั้งที่ 2
การเสนอแต่งตั้งปลัดกระทรวงพาณิชย์ ถูกนายกฯ เบรกอย่างเป็นทางการเป็นครั้งที่ 2 โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ซึ่งในครั้งนั้น มีกระแสข่าวว่าเป็นเพราะนายกฯ ไม่พอใจพรรคภูมิใจไทยในเรื่องการไม่สนับสนุนการแต่งตั้งผบ.ตร. เลยขอให้กระทรวงพาณิชย์รอเรื่องการแต่งตั้งปลัดใหม่ไปก่อน จากนั้น ก็มีข่าวว่าจะเสนอเข้าครม. วันที่ 1 ก.ย. แต่ก็ไม่ได้เข้าเพราะต้องรอเสนอพร้อมกับกระทรวงคมนาคม และล่าสุดวันที่ 15 ก.ย. นางพรทิวา ได้เสนอเรื่องให้นายกฯ ตามขั้นตอนอีกครั้งพร้อมกับกระทรวงคมนาคม แต่ในส่วนของกระทรวงคมนาคมผ่าน กระทรวงพาณิชย์ไม่ผ่าน โดยนายกฯ ให้เหตุผลว่าขอพิจารณาก่อน
อย่างไรก็ตาม มีกระแสข่าวออกมาว่า ทางพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจนายยรรยงที่เคยมีปัญหากับนายอภิสิทธิ์ และกับครม. จึงไม่ต้องการให้นายยรรยงเป็นปลัดกระทรวง และอยากให้กระทรวงพาณิชย์มีการเสนอบุคคลอื่นแทน โดยมีข้าราชการอีกหลายคนที่มีความเหมาะสม เช่น นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก ที่มีความรู้ ความสามารถ และมีอาวุโส ไม่แพ้กันแต่ที่ผ่านมา มีการตั้งข้อสังเกตว่าหากแต่งตั้งนายราเชนทร์จะมีความเสี่ยง เพราะติดปัญหาคดีกล้ายาง แต่ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการตัดสินคดีนี้แล้ว หากนายราเชนทร์หลุดคดี ก็ถือเป็นอีกบุคคลหนึ่งที่มีความเหมาะสม
***หวั่น"ยรรยง"ไม่สนองนโยบายสินค้าเกษตร
แหล่งข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงสาเหตุที่ครม.ไม่มีการพิจารณาให้นายยรรยง ขึ้นดำรงตำแหน่งปลัดพาณิชย์คนใหม่นั้น มีหลายสาเหตุ เพราะนายยรรยง ถือว่าเป็นบุคคลที่มีความคิดเห็นไม่ตรงกับนายอภิสิทธิ์และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจ ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงนโยบายการรับจำนำสินค้าเกษตรมาเป็นการประกันราคาสินค้าเกษตรแทน แต่นายยรรยง เองไม่สนองนโยบายและมีความคิดเห็นที่แตกต่างในเรื่องการประกันราคาสินค้าเกษตร แถมยังเคยแสดงความคิดเห็นกลางที่ประชุมครม.จนทำให้นายกรัฐมตรีและรองนายกฯฝ่ายเศรษฐกิจเกิดความไม่พอใจและในที่สุดต้องเชิญนายยรรยงออกจากห้องประชุม ครม.ไป
"การเปลี่ยนแปลงวิธีการรับประกันราคาสินค้าเกษตรนั้นเรัฐบาลถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ ต้องการทำความเข้าใจในนโยบายก่อน หากปลัดพาณิชย์คนใหม่เข้ามาต้องรับผิดชอบจึงต้องพูดคุยกันก่อนหากปฎิบัติได้ตามแนวทางก็สามารถแต่งตั้งได้ในสัปดาห์หน้า "แหล่งข่าวคนเดียวกันกล่าว
แหล่งข่าวกล่าวต่อไปว่านายกอร์ปศักดิ์ เองไม่มั่นใจว่านายยรรยงจะสามารถสนองตอบการแก้ปัญหาต่าง ๆ ในกระทรวงพาณิชย์ได้ เพราะในปีหน้าไทยจะต้องเปิดเสรีอาฟตาและต้องมีการลดภาษีสินค้าอีกกว่าหมื่นรายการ ซึ่งหากไม่สนองนโยบายของรัฐก็จะทำให้เกิดปัญหาตามมา และที่ผ่านผลงานต่าง ๆ ก็ยังไม่เด่นมากนัก มีเพียงโครงการธงฟ้าราคาประหยัดเท่านั้น
**"โสภณ"เปิดใจเบื้องหลังตั้งปลัดคมนาคม
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังประชุมครม.ว่า ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการกระทรงวงคมนาคม จำนวน 6 ตำแหน่ง คือ 1.นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เป็นปลัดกระทรวงคมนาคมแทนนายสุรชัย ธาร์สิทธิ์พงษ์ที่เกษียณอายุ 2.นายอร่าม ก้อนสมบัติ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคมเป็นรองปลัดกระทรวงคมนาคมแทนนายไมตรี ศรีนราวัฒน์ ที่เกษียณอายุ 3. นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร รองอธิบดีกรมทางหลวงฝ่ายบำรุงทาง เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 4.นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการขนส่งทางบก เป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม 5.นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ รองอธิบดีกรมทางหลวงฝ่ายบริหารเป็นอธิบดีกรมทางหลวง 6.นายวุฒิชัย สิงหมณี รองอธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ (ขอ.) เป็นอธิบดี ขอ.
ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใดถึงเลือกเสนอนายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม นายโสภณกล่าวว่า การตั้งปลัดกระทรวงถือตามอาวุโส เหมือนพระที่มี 2 อย่างคือ พรหมมา กับสมณศักดิ์ (ตำแหน่ง) ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า นายสุพจน์ไม่ใช่คนที่อาวุโสสูงสุด นายโสภณ ตอบว่า ดูเรื่องอื่นประกอบด้วย เรื่องนี้ถือว่าแล้วไปแล้ว รื้อฟื้นกันก็ไม่เกิดประโยชน์ ส่วนปลัดกระทรวงคมนาคมนั้นมีหน้าที่เดินตามรัฐมนตรี หมายถึงการใช้สมองทำงานตามกัน
สำหรับการแต่งตั้งโยกย้ายระดับอธิบดีหน่วยงานอื่นๆ ของกระทรวงนั้น นายโสภณ กล่าวว่า จะยังไม่มีตอนนี้โดยให้ทุกคนทำงานตามหน้าที่ตามปกติ ส่วนการแต่งตั้งโยกย้าย ระดับรองอธิบดีของหน่วยงานต่างๆ แทนตำแหน่งที่ว่างนั้น จะพิจารณากันหลังจากนี้
โดยในส่วนของกรมทางหลวงจะต้องมีการแต่งตั้งโยกย้ายระดับรองอธิบดีที่ว่างอยู่ 4 คน จากที่เกษียณ 2 คนขึ้นเป็นอธิบดี 1 คนและย้ายมาเป็นผู้ตรวจราชการ 1 คน
นายโสภณกล่าวว่า หลังนายสุรชัย ธารสิทธิ์พงษ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเกษียณอายุวันที่ 30 ก.ย. 2552 จะตั้งเป็นี่ปรึกษาส่วนตัวเพื่อช่วยทำงานและยังคงให้เป็นกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ต่อไป เพราะไม่จำเป็นที่ปลัดคมนาคมคนใหม่จะต้องเข้าไปเป็นบอร์ดการบินไทยแทน
***ขอบคุณสศช.เร่งเสนอเอ็นจีวี 4,000 คัน
ส่วนกรณีที่ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) จะสรุปโครงการเช่ารถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง หรือรถเมล์เอ็นจีวี จำนวน 4,000 คันขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เสนอคณะรัฐมนตรีภายในเดือนก.ย.นี้โดยหากสศช.เสนอยกเลิกโครงการนั้นนายโสภณกล่าวว่า การที่สศช.เสนอครม.ก็ยินดีและขอบคุณ ดีกว่าแช่เรื่องนี้ไว้เฉยๆ
แต่ถ้าเสนอให้เดินหน้าแต่นายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย ก็คงต้องแล้วแต่เพราะครม.ใหญ่กว่ากระทรวงคมนาคม นายกฯ ใหญ่กว่า รมต. เพราะการบริหารประเทศถ้าเจ๊งคนก็โทษนายกฯ ไม่ได้โทษรมต.อยู่แล้ว
**"หมอไพจิตร์" นั่งปลัดสธ.
นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่าที่ปลัดสธ.คนใหม่ กล่าวภายหลังครม.มีมติเห็นชอบให้ดำรงตำแหน่งปลัดสธ.แทนนพ.ปราชญ์ บุณยวงศ์วิโรจน์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.นี้ว่า ขณะนี้คงต้องรอพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งปลัดสธ.ก่อนจึงจะสามารถทำงานได้เต็มตัว อย่างไรก็ตามจะหารือกับนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อรับมอบนโยบาย เพราะหน้าที่ของปลัดกระทรวงคือรับนโยบายมาทำให้เป็นรูปธรรมในทางปฏิบัติ ส่วนเรื่องการจัดตั้งทีมงานของตนนั้น ต้องรอหารือร่วมกับนายวิทยาก่อน ว่าจะพิจารณาเลือกใครที่เหมาะสมมาช่วยงาน แต่โดยส่วนตัวแล้วตนไม่มีทีมงานของตัวเองอยู่แล้ว
“ยอมรับว่า ภารกิจของสธ.ต้องเหนื่อย เพราะมีงานมาก ทุกคนต้องทำงานหนัก ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ต้องมีภารกิจที่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการไทยเข้มแข็ง จึงต้องมีการรวมพลังทำงานกับหน่วยงานต่างๆอย่างเต็มที่ ทุกอย่างต้องยึดประชาชนเป็นตัวตั้ง ที่สำคัญ สธ. มีคนเก่งมาก ผมต้องเป็นผู้ประสานให้ดี”นพ.ไพจิตร์กล่าว
ด้านนายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ว่า เหตุผลที่ตัดสินใจเลือกนพ.ไพจิตร์ เพราะเป็นผู้เหมาะสม สามารถทำงานร่วมกับทุกฝ่ายได้ดี ไม่มีข้อขัดแย้งกับใคร และได้รับความเชื่อมั่นจากผู้บริหารด้วยกันสูง ส่วนใครจะเชียร์ใครท้ายที่สุดต้องทำงานร่วมกันได้ทุกคน
**แพทย์ชนบทออกฤทธิ์ค้าน
นพ.เกรียงศักดิ์ วัชระนุกูลเกียรติ ประธานชมรมแพทย์ชนบท กล่าวว่า รู้สึกผิดหวังและไม่รู้สึกยินดีที่นพ.ไพจิตร์ ได้รับตำแหน่งปลัดสธ.คนใหม่ เพราะนพ.ไพจิตร์ เป็นคนหัวอ่อน ไม่กล้าตัดสินใจ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่ทำให้ถูกฝ่ายการเมืองบีบได้ รวมทั้งไม่มีภาวะผู้นำโดยเห็นได้จากการเป็นประธานสอบทุจริตรถพยาบาลฉุกเฉินระดับสูงที่ไม่มีการลงโทษผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่มีผู้กระทำผิดชัดเจน ดังนั้นแพทย์ชนบทจะจับตาในเรื่องนี้อย่างเข้มงวด โดยจะทำหนังสือท้วงติงมายังสธ.เป็นระยะๆ อย่างไรก็ตาม แพทย์ชนบทคงไม่ออกมาเคลื่อนไหวคัดค้านการแต่งตั้งปลัดสธ.คนใหม่
สำหรับการบริหารงานสธ. ในอีก 3 ปีข้างหน้าไม่ใช่เรื่องง่าย ทั้งการบริหารงานทั่วไป บริหารบุคลากรแพทย์ในสังกัด ก็ทำได้ยากอยู่แล้ว ที่สำคัญยังมีเรื่องโครงการไทยแข็งแข็งที่สธ. ได้งบประมาณบริหารมากว่า 80,000 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้นได้รับรายงานจากพื้นที่ต่างๆ ว่าเริ่มมีกลิ่นไม่ดี มีการฮั้วประมูล หรือล็อกสเปกเครื่องมือต่างๆ บ้างแล้ว เพียงแต่ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน ซึ่งหาก ปลัด สธ. ไม่เข้มแข็ง ไม่กล้าตัดสินใจหรือคัดค้าน สุดท้ายแล้วอาจต้องตกอยู่ภายใต้เงาของการเมืองในที่สุด
“โดยเฉพาะเครื่องฆ่าเชื้ออัตราไวโอเล็ต สำหรับติดตั้งในโรงพยาบาล ที่กรมการแพทย์สามารถผลิตได้เองในราคาราว 5-6 พันบาท แต่กลับซื้อเครื่องดังกล่าวในราคา 4 หมื่นบาท ซึ่งแพงเกินความเป็นจริง นอกจากนี้ยังต้องจับตาการก่อสร้างหอพยาบาล รวมถึงการสั่งซื้อเครื่องช่วยหายใจก็พบว่ามีการตั้งราคากลางสูงเกินจริงเช่นกัน”นพ.เกรียงศักดิ์กล่าว