ศูนย์ข่าวภูมิภาค - ฝูงแดงอีสาน 30 คนดอดเข้าเขมรด้านด่าน “ช่องสะงำ” อ้างไปให้กำลังใจ "พ่อแม้ว" นักโทษชายทรยศชาติที่นครวัดนครธม ขณะที่แก๊งแดงอีก 300 คนเตรียมเข้าทางด้านสระแก้วเช้านี้ ชาวหนองคายสุดทน “นช.แม้ว” จาบจ้วงเบื้องสูงปาโคลนใส่รูป "ส.ส.เพื่อไทย" จนเละ มือลึกลับสตูลขึ้นป้ายไวนิลประณาม “ทักษิณ-ฮุนเซน” อย่างรุนแรง "อจ.-นศ.ราชภัฎโคราช" ร่วมประณาม "คู่หูทรราช" ทหารกัมพูชาสั่งเสริมกำลังพร้อมอาวุธหนักประชิดชายแดนไทยด้าน จ.ตราด แล้ว
วานนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ได้มีกลุ่มประชาชนชาวไทยอ้างเป็นนักท่องเที่ยวจากจังหวัดในภาคอีสาน เช่น จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ และร้อยเอ็ด ประมาณ 30 คน ซึ่งหลายคนใส่เสื้อแดงเขียนข้อความ “Truth Today” แต่สวมเสื้อทับไว้อีกชั้น พากันเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว มายื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านช่องสะงำ เพื่อขออนุญาตเดินทางไปยัง จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้ทุกคนได้ใช้พาสปอร์ต (Passport) ในการเดินทาง และแจ้งว่าจะเดินทางไป จ.เสียมราฐครั้งนี้เป็นเวลา 2 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด่านช่องสะงำ ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่า คณะที่ต้องการเดินทางต้องติดต่อเช่าเหมารถบัสเพื่อวิ่งจากจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ไปยัง จ.เสียมราฐ ระยะทางประมาณ 118 กิโลเมตร (กม.)
นักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่ร่วมคณะเดินทางในครั้งนี้ กล่าวว่า พวกตนเป็นตัวแทนของกลุ่มเสื้อคนแดงจากหลายจังหวัดในภาคอีสานและจะพากันเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นนักโทษชายหนีคุกคดีอาญาแผ่นดินไทย ที่นครวัดนครธม จ.เสียมราฐ เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ต่อสู้ต่อไป
ขณะเดียวกัน บรรยากาศการค้าขายในตลาดชายแดนช่องสะงำวันนี้ ค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงรถบรรทุกน้ำมันวิ่งเข้า - ออกเท่านั้นและมีแม่ค้าชาวกัมพูชาใช้รถเข็น 2 ล้อ บรรทุกเห็ดป่าและถ่านออกมาขายให้กับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนชาวไทย
ส่วนภายในบริเวณตลาดชายแดนของกัมพูชาปรากฏว่า ได้มีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยอาวุธปืนอาก้า สะพายซองกระสุนปืนเต็มอัตรา เดินตรวจคุมเข้มภายในบริเวณตลาดกัมพูชา และเฝ้าสังเกตคนไทยที่เข้าไปหาซื้อสินค้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไม่ไว้วางใจสถานการณ์ความตรึงเครียดระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชาในขณะนี้
**แดงอีก 300 คนเตรียมเข้าเขมรเช้านี้
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากชายแดนไทย-กัมพุชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 300 คนเดินทางไปพักที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับตลาดโรงเกลือบริเวณชายแดนด่านปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อเตรียมที่จะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาในเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) โดยมีนายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เขต 3 เชียงราย พรรคเพื่อไทย และนายปัญญา ชาติปัญญาวุฒิ อดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเก่าของนายเสนาะ เทียนทอง เป็นแกนนำ
รายงานข่าว ระบุว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวได้พยายามติดต่อกับผู้กว้างทั้งในประเทศไทยและฝั่งกัมพูชา เพื่อขอให้จัดรถบัสให้จำนวน 3 คัน เพื่อเดินทางเข้าไปในกัมพูชาในช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) เพื่อไปสมทบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้นัดตีกอล์ฟกับสมเด็จฯฮุน เซน ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใน จ.เสียมราฐ
**ปาโคลนใส่ป้าย ส.ส.เพื่อแม้วจาบจ้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคายด้วยว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีคดีอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ตอบรับเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ที่มีสมเด็จฯฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรี และกรณีล่าสุดกับการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในลักษณะจาบจ้วง หมิ่นสถาบันเบื้องสูงของ พ.ต.ท.ทักษิณ จนหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น
พบว่าเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ป้ายหาเสียงของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย เขต 1 พรรคเพื่อไทย ที่ปักไว้ที่บริเวณสามแยกทางไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งเพิ่งติดตั้งได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ยังปกติแต่หลังจากเกิดพฤติกรรมมิบังควรของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วนั้นก็ปรากฏว่าป้ายหาเสียงของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ ถูกปาด้วยโคลนบริเวณใบหน้าจนเปรอะเปื้อนไปทั่ว ทำให้ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้าออกประเทศบริเวณดังกล่าวสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ยังได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของบรรดาชาวหนองคายและตามสภากาแฟหลายแห่งในตัวเมืองหนองคายว่า เป็นการกระทำที่ไม่หวังดีต่อประเทศ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย สถาบันกษัตริย์ถูกลบหลู่อย่างรุนแรง
**สตูลขึ้นป้ายประณาม“แม้ว-ฮุนเซน”
ขณะที่ จ.สตูล ที่บนถนนสายยนตราการกำธร เป็นเส้นทางหลักในการเข้า-ออกเมืองสตูล มีป้ายไวนิลพื้นสีแดงเขียนข้อความประณามทักษิณ และสมเด็จฮุนเซน ด้วยข้อความว่า “ทักษิณขายชาติ ฮุนเซนชาติชั่ว จาบจ้วงสถาบัน ต้องประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร” ขึ้นทับป้ายประชาสัมพันธ์ฉลอง 170 ปีเมืองสตูลที่บริเวณสะพานลอยหน้าโรงเรียนบ้านคลองขุด อ.เมือง จ.สตูล
ป้ายและข้อความดังกล่าวสร้างความสนใจทำให้ผู้ที่สัญจรและแสดงความเห็นต่างๆ กันไป และแสดงให้เห็นว่ากลุ่มรักสถาบันชาติได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อการกระทำของทั้ง 2 บุคคล ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชน ทั้งเรื่องการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง กรณีเขาพระวิหาร การแต่งตั้งพร้อมให้การต้อนรับ นช.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา และปฏิเสธส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
**อจ.-นศ.โคราชประณามคู่หูทรราช
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มภาคีคณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา นำโดย ผศ.ดร.สามารถ จับโจร หัวหน้าโปรแกรมทัศนศิลป์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้ร่วมกันแถลงการณ์ประณามการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายฮุน เซน ที่ชักศึกเข้าบ้านเผาเมือง จาบจ้วงล่วงละเมิดเบื้องสูง และแทรกแซงกิจการภายในไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมไทย ละเมิดข้อตกลงสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
พร้อมกับเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงภาวะผู้นำในการตัดสัมพันธ์ทางการทูตโดยทันที และทบทวนเรื่องแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่เข้ามาขายแรงงานในไทย ให้ดำเนินการส่งตัวกลับประเทศให้หมด รวมถึงพิจารณาปิดพรมแดนการค้าขายระหว่างประเทศเพื่อตอบโต้การกระทำของนายฮุน เซน ด้วย
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้คนไทยทั่วประเทศลุกขึ้นมาแสดงพลังร่วมชุมนุมใหญ่เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีชาติไทย เทิดทูนสถาบันเบื้องสูงในวันที่ 15 พ.ย.นี้ที่กรุงเทพฯด้วย
**ทหารกัมพูชาเสริมทัพชายแดนตราด
ส่วนบรรยากาศชายแดนด้าน จ.ตราดพบว่าวานนี้ (11 พ.ย.) ได้มีความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาด้าน อ.โพธิสัต จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชาตรงข้าม ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด โดยทหารกัมพูชาประจำ อ.โพธิสัต ได้เคลื่อนย้ายกำลังทหารพร้อมอาวุธหนัก เช่น รถถัง และปืนใหญ่ เข้ามาประชิดชายแดนไทยแล้ว
น.อ.ปริญาธรรม พูลพิทักษ์ธรรม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยอมรับว่า ข่าวการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาที่นำกำลังเข้ามาประชิดชายแดนไทยด้าน อ.บ่อไร่ อ.เมือง และ อ.คลองใหญ่ จ.ตราดนั้นมีจริง แต่การเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาทุกครั้งมักจะเป็นข่าวที่เกินความเป็นจริงเสมอ อีกทั้งเมื่อมีความเคลื่อนไหวก็จะตรวจสอบสถานการณ์และข่าวกับผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนที่รู้จักและสนิทกัน เช่น พล.ท.ยวน มิน ผู้บัญชาการทหารจังหวัดเกาะกงว่า มีความจริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่า มีการสับเปลี่ยนกันจริง แต่ไม่ได้มากมายเหมือนกับการทำสงครามระหว่างกัน
“ผมได้ส่งสายลับของทหารลงไปตรวจสอบในพื้นที่ชายแดนแล้ว เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนเพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศจนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนและเกิดความเข้าใจผิดระหว่างกองกำลังทั้ง 2 ประเทศ ส่วนกำลังทหารฝ่ายไทยยังไม่ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมรบเพียงเตรียมความพร้อมในระดับปกติเท่านั้น”
**มทภ.2 เชื่อแม้วไม่กล้าเข้าชายแดนอีสาน
ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งตนได้รายงานสถานการณ์โดยทั่วไปว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปกติ ส่วนการปิดด่านชายแดนยังไม่มีนโยบายอะไรออกมา
ส่วนที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยด้านภาคอีสานนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่เชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เข้ามาทางชายแดน แต่หากเข้ามาจริงทางทหารจะควบคุมตัวไว้หรือไม่นั้นเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะสั่งการมา ซึ่งมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว แต่เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่เข้ามาทางชายแดนแน่นอนเพราะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีการเข้า-ออกก็คงต้องเข้าอย่างถูกต้อง คงไม่ได้ไปแอบเล็ดลอดเข้ามา
พร้อมยืนยันว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษทุกอย่างยังเป็นปกติดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นปะทะกันเกิดขึ้น
วานนี้ (11 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณจุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษว่า เมื่อเวลา 14.00 น. ได้มีกลุ่มประชาชนชาวไทยอ้างเป็นนักท่องเที่ยวจากจังหวัดในภาคอีสาน เช่น จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ และร้อยเอ็ด ประมาณ 30 คน ซึ่งหลายคนใส่เสื้อแดงเขียนข้อความ “Truth Today” แต่สวมเสื้อทับไว้อีกชั้น พากันเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว มายื่นเรื่องต่อเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองด่านช่องสะงำ เพื่อขออนุญาตเดินทางไปยัง จ.เสียมราฐ ประเทศกัมพูชา
โดยนักท่องเที่ยวเหล่านี้ทุกคนได้ใช้พาสปอร์ต (Passport) ในการเดินทาง และแจ้งว่าจะเดินทางไป จ.เสียมราฐครั้งนี้เป็นเวลา 2 วัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองด่านช่องสะงำ ได้แจ้งรายละเอียดให้ทราบว่า คณะที่ต้องการเดินทางต้องติดต่อเช่าเหมารถบัสเพื่อวิ่งจากจุดผ่านแดนถาวรช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ ไปยัง จ.เสียมราฐ ระยะทางประมาณ 118 กิโลเมตร (กม.)
นักท่องเที่ยวรายหนึ่งที่ร่วมคณะเดินทางในครั้งนี้ กล่าวว่า พวกตนเป็นตัวแทนของกลุ่มเสื้อคนแดงจากหลายจังหวัดในภาคอีสานและจะพากันเดินทางไปพบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปัจจุบันเป็นนักโทษชายหนีคุกคดีอาญาแผ่นดินไทย ที่นครวัดนครธม จ.เสียมราฐ เพื่อเป็นการให้กำลังใจแก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ให้ต่อสู้ต่อไป
ขณะเดียวกัน บรรยากาศการค้าขายในตลาดชายแดนช่องสะงำวันนี้ ค่อนข้างเงียบเหงา มีเพียงรถบรรทุกน้ำมันวิ่งเข้า - ออกเท่านั้นและมีแม่ค้าชาวกัมพูชาใช้รถเข็น 2 ล้อ บรรทุกเห็ดป่าและถ่านออกมาขายให้กับพ่อค้า แม่ค้า และประชาชนชาวไทย
ส่วนภายในบริเวณตลาดชายแดนของกัมพูชาปรากฏว่า ได้มีทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่งพร้อมด้วยอาวุธปืนอาก้า สะพายซองกระสุนปืนเต็มอัตรา เดินตรวจคุมเข้มภายในบริเวณตลาดกัมพูชา และเฝ้าสังเกตคนไทยที่เข้าไปหาซื้อสินค้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากไม่ไว้วางใจสถานการณ์ความตรึงเครียดระหว่างรัฐบาลไทย-กัมพูชาในขณะนี้
**แดงอีก 300 คนเตรียมเข้าเขมรเช้านี้
วันเดียวกัน มีรายงานข่าวจากชายแดนไทย-กัมพุชา อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้วว่า ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 300 คนเดินทางไปพักที่โรงแรมอินโดจีน อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับตลาดโรงเกลือบริเวณชายแดนด่านปอยเปต ประเทศกัมพูชา เพื่อเตรียมที่จะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชาในเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) โดยมีนายอิทธิเดช แก้วหลวง ส.ส.เขต 3 เชียงราย พรรคเพื่อไทย และนายปัญญา ชาติปัญญาวุฒิ อดีต ส.ส.สระแก้ว พรรคไทยรักไทย ซึ่งเป็นกลุ่มเก่าของนายเสนาะ เทียนทอง เป็นแกนนำ
รายงานข่าว ระบุว่าแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงดังกล่าวได้พยายามติดต่อกับผู้กว้างทั้งในประเทศไทยและฝั่งกัมพูชา เพื่อขอให้จัดรถบัสให้จำนวน 3 คัน เพื่อเดินทางเข้าไปในกัมพูชาในช่วงเช้าวันนี้ (12 พ.ย.) เพื่อไปสมทบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งได้นัดตีกอล์ฟกับสมเด็จฯฮุน เซน ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใน จ.เสียมราฐ
**ปาโคลนใส่ป้าย ส.ส.เพื่อแม้วจาบจ้วง
ผู้สื่อข่าวรายงานจาก จ.หนองคายด้วยว่า หลังจากที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษชายหนีคดีอยู่ในต่างประเทศขณะนี้ตอบรับเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจของรัฐบาลกัมพูชา ที่มีสมเด็จฯฮุน เซน เป็นนายกรัฐมนตรี และกรณีล่าสุดกับการให้สัมภาษณ์สื่อต่างประเทศในลักษณะจาบจ้วง หมิ่นสถาบันเบื้องสูงของ พ.ต.ท.ทักษิณ จนหลายฝ่ายออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักนั้น
พบว่าเมื่อวานนี้ (11 พ.ย.) ป้ายหาเสียงของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย เขต 1 พรรคเพื่อไทย ที่ปักไว้ที่บริเวณสามแยกทางไปสะพานมิตรภาพไทย-ลาว อ.เมือง จ.หนองคาย ซึ่งเพิ่งติดตั้งได้ไม่นาน ก่อนหน้านี้ยังปกติแต่หลังจากเกิดพฤติกรรมมิบังควรของ พ.ต.ท.ทักษิณ แล้วนั้นก็ปรากฏว่าป้ายหาเสียงของว่าที่ร้อยตรีพงศ์พันธ์ ถูกปาด้วยโคลนบริเวณใบหน้าจนเปรอะเปื้อนไปทั่ว ทำให้ผู้คนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางผ่านเข้าออกประเทศบริเวณดังกล่าวสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจน
ขณะเดียวกัน ยังได้มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ของบรรดาชาวหนองคายและตามสภากาแฟหลายแห่งในตัวเมืองหนองคายว่า เป็นการกระทำที่ไม่หวังดีต่อประเทศ ทำให้ประเทศชาติเสียหาย สถาบันกษัตริย์ถูกลบหลู่อย่างรุนแรง
**สตูลขึ้นป้ายประณาม“แม้ว-ฮุนเซน”
ขณะที่ จ.สตูล ที่บนถนนสายยนตราการกำธร เป็นเส้นทางหลักในการเข้า-ออกเมืองสตูล มีป้ายไวนิลพื้นสีแดงเขียนข้อความประณามทักษิณ และสมเด็จฮุนเซน ด้วยข้อความว่า “ทักษิณขายชาติ ฮุนเซนชาติชั่ว จาบจ้วงสถาบัน ต้องประหารชีวิตเจ็ดชั่วโคตร” ขึ้นทับป้ายประชาสัมพันธ์ฉลอง 170 ปีเมืองสตูลที่บริเวณสะพานลอยหน้าโรงเรียนบ้านคลองขุด อ.เมือง จ.สตูล
ป้ายและข้อความดังกล่าวสร้างความสนใจทำให้ผู้ที่สัญจรและแสดงความเห็นต่างๆ กันไป และแสดงให้เห็นว่ากลุ่มรักสถาบันชาติได้ออกมาเคลื่อนไหวต่อการกระทำของทั้ง 2 บุคคล ซึ่งสร้างความไม่พอใจแก่ประชาชน ทั้งเรื่องการจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง กรณีเขาพระวิหาร การแต่งตั้งพร้อมให้การต้อนรับ นช.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของประเทศกัมพูชา และปฏิเสธส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
**อจ.-นศ.โคราชประณามคู่หูทรราช
ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มภาคีคณาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฎนครราชสีมา นำโดย ผศ.ดร.สามารถ จับโจร หัวหน้าโปรแกรมทัศนศิลป์ คณะมนุษย์ศาสตร์และสังคมศาสตร์ ได้ร่วมกันแถลงการณ์ประณามการกระทำของ พ.ต.ท.ทักษิณ และนายฮุน เซน ที่ชักศึกเข้าบ้านเผาเมือง จาบจ้วงล่วงละเมิดเบื้องสูง และแทรกแซงกิจการภายในไม่เคารพกระบวนการยุติธรรมไทย ละเมิดข้อตกลงสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดน
พร้อมกับเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี แสดงภาวะผู้นำในการตัดสัมพันธ์ทางการทูตโดยทันที และทบทวนเรื่องแรงงานต่างด้าวชาวกัมพูชา ที่เข้ามาขายแรงงานในไทย ให้ดำเนินการส่งตัวกลับประเทศให้หมด รวมถึงพิจารณาปิดพรมแดนการค้าขายระหว่างประเทศเพื่อตอบโต้การกระทำของนายฮุน เซน ด้วย
นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้คนไทยทั่วประเทศลุกขึ้นมาแสดงพลังร่วมชุมนุมใหญ่เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีชาติไทย เทิดทูนสถาบันเบื้องสูงในวันที่ 15 พ.ย.นี้ที่กรุงเทพฯด้วย
**ทหารกัมพูชาเสริมทัพชายแดนตราด
ส่วนบรรยากาศชายแดนด้าน จ.ตราดพบว่าวานนี้ (11 พ.ย.) ได้มีความเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาด้าน อ.โพธิสัต จ.เกาะกง ประเทศกัมพูชาตรงข้าม ต.แหลมกลัด อ.เมือง จ.ตราด โดยทหารกัมพูชาประจำ อ.โพธิสัต ได้เคลื่อนย้ายกำลังทหารพร้อมอาวุธหนัก เช่น รถถัง และปืนใหญ่ เข้ามาประชิดชายแดนไทยแล้ว
น.อ.ปริญาธรรม พูลพิทักษ์ธรรม ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราด ยอมรับว่า ข่าวการเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาที่นำกำลังเข้ามาประชิดชายแดนไทยด้าน อ.บ่อไร่ อ.เมือง และ อ.คลองใหญ่ จ.ตราดนั้นมีจริง แต่การเคลื่อนไหวของทหารกัมพูชาทุกครั้งมักจะเป็นข่าวที่เกินความเป็นจริงเสมอ อีกทั้งเมื่อมีความเคลื่อนไหวก็จะตรวจสอบสถานการณ์และข่าวกับผู้บังคับหน่วยทหารในพื้นที่ชายแดนที่รู้จักและสนิทกัน เช่น พล.ท.ยวน มิน ผู้บัญชาการทหารจังหวัดเกาะกงว่า มีความจริงมากน้อยแค่ไหน ซึ่งก็ได้รับการยืนยันว่า มีการสับเปลี่ยนกันจริง แต่ไม่ได้มากมายเหมือนกับการทำสงครามระหว่างกัน
“ผมได้ส่งสายลับของทหารลงไปตรวจสอบในพื้นที่ชายแดนแล้ว เพื่อตรวจสอบสถานการณ์ชายแดนเพื่อไม่ให้เกิดความตึงเครียดระหว่าง 2 ประเทศจนส่งผลกระทบต่อความมั่นคงตามแนวชายแดนและเกิดความเข้าใจผิดระหว่างกองกำลังทั้ง 2 ประเทศ ส่วนกำลังทหารฝ่ายไทยยังไม่ได้รับคำสั่งให้เตรียมพร้อมรบเพียงเตรียมความพร้อมในระดับปกติเท่านั้น”
**มทภ.2 เชื่อแม้วไม่กล้าเข้าชายแดนอีสาน
ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม ซึ่งเดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งตนได้รายงานสถานการณ์โดยทั่วไปว่าทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปกติ ส่วนการปิดด่านชายแดนยังไม่มีนโยบายอะไรออกมา
ส่วนที่มีข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยด้านภาคอีสานนั้น ตนยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้ แต่เชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เข้ามาทางชายแดน แต่หากเข้ามาจริงทางทหารจะควบคุมตัวไว้หรือไม่นั้นเรื่องนี้เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะสั่งการมา ซึ่งมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว แต่เชื่อมั่นว่าท่านคงไม่เข้ามาทางชายแดนแน่นอนเพราะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรีการเข้า-ออกก็คงต้องเข้าอย่างถูกต้อง คงไม่ได้ไปแอบเล็ดลอดเข้ามา
พร้อมยืนยันว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษทุกอย่างยังเป็นปกติดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นปะทะกันเกิดขึ้น