ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- “มทภ. 2” เชื่อ “นช.แม้ว” ไม่กล้าโผล่หัวเข้าไทยด้านชายแดนอีสาน ระบุทางการข่าวทหาร ยังไม่มีรายงาน ชี้ เป็นถึงอดีตนายกฯ คงไม่ทำตัวเป็นอีแอบเล็ดลอดเข้ามาตามชายแดน ยันหากเข้ามาจริงทหาร และ จนท.หน่วยงานเกี่ยวข้องพร้อมดำเนินการตามคำสั่งรัฐบาลทันที เผยสถานการณ์ชายแดน “เขาพระวิหาร” ยังปกติไม่มีเหตุรุนแรงถึงขั้นปะทะ และทหารไทยขวัญกำลังใจดี พร้อมปฏิเสธไม่เคยวิงวอน “บิ๊ก” ทหารเขมรไม่ให้มีการสู้รบและไม่เคยโทร.ขอโทษเรื่องข่าว “ไทยต้องรบชนะ” เพียงแต่บอกให้ยึดมั่นในความสัมพันธ์ที่ดีและสิ่งที่ตกลงร่วมกันไว้ ในครั้งที่ “ฮุน เซน” สั่งให้บากหน้าโร่มาขอเจรจากับกองทัพภาค 2 เอง เมื่อ 6 พ.ย.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่กองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2 ค่ายสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ล่าสุดคณะของ พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมกำลังพลของกองกำลังสุรนารีที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อสร้างขวัญกำลังใจและรับทราบสถานการณ์รวมถึงมอบนโยบายในการปฏิบัติงานในพื้นที่ เมื่อวานนี้ ที่ จ.สุรินทร์
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมท่านไม่ได้แสดงความเป็นห่วงในเรื่องอะไรเป็นพิเศษ ซึ่งได้รายงานสถานการณ์โดยทั่วไปตามแนวชายแดนไทยกัมพูชาให้ทราบแล้วว่า ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพปกติ ซึ่งท่านได้เน้นย้ำว่า การดำเนินการแก้ปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ อยู่นี้ขอให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศดำเนินการตามขั้นตอน แต่ในระดับพื้นที่ขอให้รักษาสัจจะ ภาพอันดีนี้ไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และขอให้คำนึงถึงความผาสุกของประชาชนทั้ง 2 ประเทศเป็นหลักโดยเฉพาะการไปมาหาสู่และการค้าขายขอให้เป็นไปตามปกติ ส่วนนโยบายการปิดด่าน หรือช่องผ่านแดนต่างๆ นั้นล่าสุดยังไม่มีนโยบายอะไรออกมา
“ขณะนี้ทางกองทัพภาคที่ 2 ได้ส่งเจ้าหน้าที่ลงไปชี้แจงกับประชาชนในพื้นที่ ไม่ให้ตื่นตระหนกกับข่าวการปิดด่านชายแดน เพราะทุกอย่างยังปกติดี และได้ชี้แจงให้ประชาชนได้ทราบข้อเท็จจริง แต่อาจมีบางส่วนที่ไม่เข้าใจหรือยังไม่รับทราบข่าวสารบ้าง” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินไทย ระบุจะเดินทางเข้ามายังประเทศไทยทางด้านชายแดนภาคตะวันออกเฉียงเหนือนั้น พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า ทางการข่าวทหารยังไม่ได้รับรายงานเรื่องนี้แต่อย่างใด ตนเชื่อมั่นว่า พ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่เข้ามาทางชายแดน ไม่มี
แต่หากเข้ามาจริงทางทหารจะควบคุมตัวไว้หรือไม่นั้น เรื่องนี้ก็เป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่จะสั่งการมาซึ่งมีขั้นตอนดำเนินการอยู่แล้ว ในส่วนของทหารก็จะปฏิบัติตามคำสั่งและขั้นตอนที่มีอยู่ แต่ก็เชื่อมั่นว่าท่าน คงไม่เข้ามาทางชายแดนแน่นอน เพราะเป็นถึงอดีตนายกรัฐมนตรี การเข้าออกก็คงต้องเข้าอย่างถูกต้อง คงไม่ได้ไปแอบเล็ดลอดเข้ามา จึงทำให้เชื่อได้ว่าท่านไม่เข้ามาทางชายแดนอีสานแน่นอน
อย่างไรก็ตาม ในแต่ละช่องทางผ่านแดนต่างๆ ได้มีเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอยู่แล้ว ทั้งเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) และศุลกากรที่ดูแลเรื่องการเข้าออกชายแดนอย่างเข้มงวดอยู่ ในส่วนของฝ่ายทหารก็จะเข้าไปช่วยอำนวยความสะดวกในเรื่องเหล่านี้อยู่แล้วเช่นกัน เพราะฉะนั้นทุกส่วนก็ทำงานกันเข้มงวดตามปกติ
พล.ท.วีร์วลิต กล่าวยืนยันว่า สถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ ล่าสุดจนถึงขณะนี้ทุกอย่างยังเป็นปกติดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรงถึงขั้นปะทะกันเกิดขึ้น ซึ่งความเคลื่อนในการถอนกำลังทหารของกัมพูชาตามที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาประกาศนั้น เท่าที่ติดตามจะเป็นการสับเปลี่ยนกำลังมากกว่า ขณะนี้กำลังติดตามอยู่ว่า การที่ผู้นำได้กล่าวถึงเรื่องการปรับกำลังนั้น ทางผู้ปฏิบัติจะทำอย่างไร
ส่วนฝ่ายไทยของเราก็มีการปรับเปลี่ยนกำลังตามแผนงานที่เราได้วางไว้ซึ่งเป็นปกติอยู่แล้ว และยืนยันว่า ขวัญกำลังใจทหารไทยทุกนายที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนยังดีเยี่ยม
สำหรับ กรณีที่ พล.อ.เจีย ดารา รองผู้บัญชาทหารสูงสุด กัมพูชา ออกมาให้ข่าวกับสื่อของกัมพูชา ว่า การพบปะกันเมื่อวันที่ 6 พ.ย.ที่ผ่านมาที่เขาพระวิหาร แม่ทัพภาคที่ 2 ได้กล่าววิงวอนขอให้ทหารกัมพูชาอย่าได้มีการสู้รบกันนั้น ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร
พล.ท.วีร์วลิต ชี้แจงว่า ข้อเท็จจริงในวันนั้นเราได้มีการพูดคุยพบปะกันจริง เพียงแต่ทั้ง 2 ฝ่ายมีความเห็นพ้องกันว่าการสู้รบนั้นก่อให้เกิดความเสียหายทั้ง 2 ฝ่าย ฉะนั้นเราคงจะใช้ความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน ไม่ใช่เป็นการไปวิงวอน แต่สื่อไปประโคมกันแบบนั้นเอง ซึ่งในวันนั้นเป็นการพบปะกัน เนื่องจาก นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้มอบหมายให้ พล.อ.เจีย ดารา มาพบกับตนเอง ซึ่งได้มีการพูดคุยกันเรื่องการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี เพื่อความผาสุกของประชาชน ไม่ใช่การวิงวอนอะไร แต่เรามีความเห็นพ้องตรงกัน
นอกจากนี้ พล.ท.วีร์วลิต ยังกล่าวถึงกรณีที่สื่อกัมพูชาลงข่าวว่า ได้พยายามโทรศัพท์ไปขอโทษ พล.อ.เจีย ดารา ถึง 3 ครั้ง เกี่ยวกับความเข้าใจผิดเรื่องการที่ให้สัมภาษณ์ว่า หากรบกันไทยจะชนะแน่นอนนั้นว่า ตนได้โทรศัพท์ไปคุยกับ พล.อ.เจีย ดารา จริง แต่ไม่ใช่การโทรฯไปขอโทษ เพียงแต่ได้ย้ำว่าขอให้ท่านได้ยึดถือสิ่งที่ได้พูดคุยกันไปเมื่อวันที่ 6 พ.ย. อย่าไปเชื่อหรือฟังสื่อ ซึ่งไม่ใช่การโทร.ไปขอโทษ แต่เป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้ยึดถือคำพูดที่ได้พูดกันไว้เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม การให้ข่าว ของ พล.อ.เจีย ดารา กรณีนี้น่าจะเกิดจากการไปฟังข่าวที่ไม่ถูกต้องหรือได้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องมากกว่า
“อยากฝากไปถึงสื่อมวลชน ว่า ขอให้เสนอข่าวตามความเป็นจริงที่เกิดขึ้น อย่าได้ตัดตอนหรือตัดเอาส่วนใด ส่วนหนึ่งไปเป็นประเด็นข่าวที่ก่อให้เกิดความไม่เข้าใจหรือความหวาดระแวงหรือทำให้เกิดความตระหนกตกใจของประชาชนขึ้น” พล.ท.วีร์วลิต กล่าวในที่สุด