ศูนย์ข่าวภูมิภาค - “แม่ทัพภาค 2” เผยขวัญกำลังใจทหารไทยบนเขาพระวิหารดีเยี่ยมพร้อมปฏิบัติหน้าที่ จับตาความเคลื่อนไหวทหารเขมรใกล้ชิดหลัง “ฮุนเซน”เล่นละครสั่งถอนกำลังออกจากชายแดนเขาวิหาร ลั่นการสู้รบเป็นหนทางสุดท้าย ชาวกัมพูชาตามแนวชายแดนผวาข่าวลือไทยจะปิดด่านสกัดเสื้อแดงข้ามไปหา “แม้ว” แถม “ฮุนเซน” สั่งอพยพแรงงานกลับ แห่ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคฝั่งไทยไปกักตุนเพียบ
วานนี้ (9 พ.ย.) พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารหลังนายฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา แถลงข่าวแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่องนั้นว่า ทุกอย่างตามแนวชายแดนยังเป็นปกติดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือการใช้อาวุธเข้าต่อสู้กัน ประชาชนก็ใช้ชีวิตเป็นปกติทั้งบริเวณช่องผ่านแดนต่างๆ ก็มีการค้าขายกันตามเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนได้รายงานให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับทราบอย่างต่อเนื่องและท่านได้สั่งการให้ดูแลสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามการดำเนินการในเรื่องต่างๆ จะรอฟังคำสั่งและนโยบายจากผู้บังคับบัญชาและรัฐบาลให้ชัดเจนก่อน
ส่วนที่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสั่งถอนกำลังทหารกองพลน้อยรบพิเศษที่ 911 กองทัพบกกัมพูชา ออกจากพื้นที่ตามแนวชายแดนเขาพระวิหารนั้นมีนัยอะไรหรือไม่ พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายเรากำลังติดตามการความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอยู่ว่า การสั่งการดังกล่าวจะมีการปฏิบัติจริงหรือไม่ เพื่อจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไปและสั่งการปฏิบัติลงมาอีกทีหนึ่ง แต่ในส่วนของกำลังฝ่ายไทยเรายังปักหลักอยู่เหมือนเดิมไม่มีการถอนกำลังทหารออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด
“จากการลงพบปะประชาชนและกำลังพลนั้นทุกคนยังมีขวัญกำลังใจที่ดีโดยเฉพาะกำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหาร ทุกคนมีขวัญกำลังที่ดีมาก พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
**ลั่นสู้รบเป็นหนทางสุดท้าย
ส่วนข่าวการเตรียมหลุมหลบภัยของประชาชนตามแนวชายแดนเพื่อรับมือสถานการณ์การสู้รบนั้น พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า สถานการณ์การปะทะกันเคยเกิดขึ้นมาเมื่อสิบปีที่แล้วและมาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ 15 ก.ค.51 ในครั้งนั้นได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือการปะทะกันทุกด้านไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน ทั้งการชี้แจงทำความเข้าใจและขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้จัดทำหลุมหลบภัยไว้ แต่เนื่องจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา หญ้าและต้นไม้ ขึ้นปกคลุม ทำให้บริเวณหลุมหลบภัยของประชาชนรกรุงรัง จึงพากันออกมาทำความสะอาดก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่านี้ เพียงแต่เป็นข่าวขึ้นมาเท่านั้นเอง
“ขอยืนยันทุกอย่างยังเป็นปกติดี แต่อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นจะต้องสู้รบกันจริงทุกกองทัพก็มีความพร้อม แต่จากการที่ได้พบปะกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของฝ่ายกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การสู้รบนั้นขอให้เป็นหนทางสุดท้ายและทุกฝ่ายก็ไม่อยากจะให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เพราะผู้เดือดร้อนที่สุดก็คือประชาชน” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
**“ช่องสะงำ”เงียบ-เขมรผวาปิดร้านหนี
ส่วนบรรยากาศที่ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาไม่มีชาวกัมพูชาเข้ามาหาซื้อสินค้าไปขายคึกคักเหมือนทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง 3-4 คันของบริษัทน้ำมันเอกชนแห่งหนึ่งมาจอดรอเพื่อนำเอาน้ำมันเข้าไปส่งให้กับคลังน้ำมันในเขตประเทศกัมพูชาเท่านั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข่าวที่นายฮุนเซน ประกาศเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินไทยในฐานะที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านเศรษฐกิจเดินทางไปร่วมประชุมร่วมกับคณะแกนนำด้านเศรษฐกิจของกัมพูชาในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ทำให้สถานการณ์แนวชายแดนไทย–กัมพูชาเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้นายฮุนเซน จะพยายามสร้างกระแสข่าวการถอนกำลังทหาร กองพลน้อยรบพิเศษ 911 ออกจากบริเวณเขาพระวิหาร แต่ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่มีชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่เปิดร้านขายสินค้าอยู่บริเวณตลาดชายแดนช่องสะงำ ผวาภัยสงครามการสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่เขาพระวิหารซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ได้พากันปิดร้านค้าอพยพขนสิ่งของเข้าไปอยู่กับบ้านญาติพี่น้องในเขตพื้นที่ชั้นในของประเทศกัมพูชา ในจุดที่มั่นใจว่าจะปลอดภัยจากภัยสงครามกันแล้ว
ขณะเดียวกันที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทหารไทยยังคงตั้งด่านตรวจคุมเข้ม โดยมีการตั้งด่านตรวจถึง 2 ชั้น จุดแรกตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าสถานีควบคุมไฟป่าศรีสะเกษ และจุดที่ 2 ตั้งอยู่ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทำการตรวจรถทุกคันที่จะเข้า-ออกอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ส่วนชาวบ้านในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ต่างวิตกกังวลกับสถานการณ์ความตรึงเครียดที่มีอยู่ในขณะนี้และบางส่วนตื่นตระหนกถึงขั้นมีการซื้อกักตุนอาหารไว้
**เขมรผวาปิดด่านแห่ซื้ออาหารกักตุน
ส่วนที่บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ่อนกาสิโนทั้ง 9 บ่อนในฝั่งปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา อีกทั้งยังเป็นวันชาติกัมพูชาซึ่งตรงกับวันที่ 9 พ.ย.52 บรรยากาศบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ ยังคงมีชาวเขมรจำนวนมากเดินทางเข้ามาค้าขาย ขายแรงงานและซื้อสินค้าในตลาดโรงเกลือ เป็นจำนวนมากเหมือนปกติทุกวัน ซึ่งชาวเขมรส่วนใหญ่ยังยืนยันว่าหากยังไม่มีการประกาศปิดพรมแดนชาวเขมรก็จะยังเข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ตามปกติ แต่ก็ยังมีชาวเขมรไม่น้อยที่กลัวเหตุการณ์บานปลายและกลัวการปิดด่านพรมแดน ได้เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ในตลาดโรงเกลือ ไปกักตุน
โดยเฉพาะมีการซื้อสินค้าประเภทพืชผักผลไม้และน้ำดื่มใส่รถเข็นเข็นผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ นำเข้าไปกัมพูชาเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาพชาวเขมรบรรทุกสินค้าประเภทอาหารและน้ำดื่มใส่รถเข็น เข็นออกจากตลาดโรงเกลือ จนนักท่องเที่ยวต่างสอบถามกันวุ่นวายคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ปิดด่านพรมแดนหรือไม่
**ทหารปฏิเสธข่าวลือปิดด่านอรัญฯ
นายตี๋ ชม อายุ 40 ปี ชาวเขมรซึ่งเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้ามือสองในตลาดโรงเกลือ เผยว่า ขณะนี้พ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือต่างตื่นตระหนกกันมากเรื่องกระแสข่าวลือว่าไทยจะปิดด่านพรมแดนในวันที่ 12 พ.ย.นี้ เพื่อสกัดไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเดินทางไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุงพนมเปญ โดยพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรต่างเตรียมที่จะเก็บสินค้าและของสำคัญบางส่วนกลับไปฝั่งกัมพูชา แต่มีบางคนนำสินค้าและของสำคัญฝากไว้กับพ่อค้าชาวไทยที่สนิทสนมกัน
นายตี๋ อ้างว่า ข่าวลือดังกล่าวเพื่อนชาวเขมรในตลาดปอยเปต ฝั่งกัมพูชา โทร.มาบอกว่าในฝั่งกัมพูชามีการพูดกันหนาหูมากเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว
ขณะที่ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ซึ่งดูแลรับผิดชอบบริเวณชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ และตลาดโรงเกลือ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสายข่าวออกหาต้นตอข่าวลือดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งให้พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรทราบว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทุกอย่างยังเป็นปกติ ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ และไม่มีสิ่งบอกเหตุใด ๆ ขออย่าได้ตื่นตระหนกและอย่าเชื่อข่าวลือที่ไม่หวังดีดังกล่าว
**นักพนันเข้ากาสิโนฝั่งเขมรบางตา
ส่วนบรรยากาศบริเวณจุดตรวจขาออกด่าน ตม.อรัญประเทศ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงานักพนันชาวไทยเดินทางไปเสี่ยงโชคในบ่อนฝั่งปอยเปต บางตา ส่วนใหญ่เกรงเกิดปัญหาทำให้มีการปิดด่านพรมแดนฯ
ส่วนบรรยากาศในตลาดโรงเกลือ พ่อค้า แม่ค้า ชาวเขมรกว่า 5 พันคนยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์และเปิดทีวีดูข่าวจากทีวีเขมรตลอดเวลา โดยวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีสมเด็จฮุน เซ็น นายกฯกัมพูชาออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯไทยที่หลบหนีคดีฯจะเดินทางมาประชุมเศรษฐกิจกับนักธุรกิจชาวกัมพูชาที่กรุงพนมเปญในวันที่ 12 พ.ย.52
**รบ.เขมรสั่งอพยพแรงงานกลับ
อีกทั้งสมเด็จฮุน เซ็น ยังพูดท้าทายรัฐบาลไทยว่าหากไทยปิดด่านพรมแดนเมื่อไหร่กัมพูชา ก็จะปิดด้วยนั้น ทำให้ชาวเขมรเกิดความกลัวว่าจะมีการปิดพรมแดนจริง จึงได้มีการสั่งครอบครัวที่อยู่ในฝั่งปอยเปต เตรียมอพยพไปอยู่บ้านญาติและบ้านเกิดที่อยู่ห่างชายแดน
ส่วนบรรยากาศบริเวณชายแดนด้าน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มีรายงานทางทหารของไทยว่าได้มีชาวเขมรที่เข้ามารับจ้างและขายแรงงานในฝั่งไทย หลายร้อยคนต่างทยอยเดินทางกลับประเทศ ซึ่งชาวเขมรเหล่านั้นอ้างว่ารัฐบาลบาลกัมพูชา สั่งให้ชาวเขมรที่อยู่ในไทยกลับประเทศ ทำให้เกิดการเดินทางกลับประเทศของแรงงานชาวเขมร
นอกจากนั้นยังมีข่าวลือจากแรงงานชาวเขมรตลอดแนวชายแดนที่ติดกับประเทศไทยด้าน จ.สระแก้ว ว่ารัฐบาลกัมพูชา สั่งอพยพแรงงานเขมรที่อยู่ในประเทศไทยกลับประเทศทั้งหมดโดยเร็วทำให้แรงงานเขมรที่เข้ามาทำงานรับจ้างอยู่บริเวณแนวชายแดนไทยต่างอพยพเดินทางกลับประเทศ เป็นจำนวนมาก
วานนี้ (9 พ.ย.) พล.ท.วีร์วลิต จรสัมฤทธิ์ แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหารหลังนายฮุน เซน นายกฯ กัมพูชา แถลงข่าวแสดงท่าทีแข็งกร้าวต่อฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่องนั้นว่า ทุกอย่างตามแนวชายแดนยังเป็นปกติดี ไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะนำไปสู่ความรุนแรงหรือการใช้อาวุธเข้าต่อสู้กัน ประชาชนก็ใช้ชีวิตเป็นปกติทั้งบริเวณช่องผ่านแดนต่างๆ ก็มีการค้าขายกันตามเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนได้รายงานให้ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) รับทราบอย่างต่อเนื่องและท่านได้สั่งการให้ดูแลสถานการณ์ชายแดนไทยกัมพูชาอย่างใกล้ชิด อย่างไรก็ตามการดำเนินการในเรื่องต่างๆ จะรอฟังคำสั่งและนโยบายจากผู้บังคับบัญชาและรัฐบาลให้ชัดเจนก่อน
ส่วนที่นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาสั่งถอนกำลังทหารกองพลน้อยรบพิเศษที่ 911 กองทัพบกกัมพูชา ออกจากพื้นที่ตามแนวชายแดนเขาพระวิหารนั้นมีนัยอะไรหรือไม่ พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายเรากำลังติดตามการความเคลื่อนไหวของฝ่ายกัมพูชาอยู่ว่า การสั่งการดังกล่าวจะมีการปฏิบัติจริงหรือไม่ เพื่อจะได้รายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบต่อไปและสั่งการปฏิบัติลงมาอีกทีหนึ่ง แต่ในส่วนของกำลังฝ่ายไทยเรายังปักหลักอยู่เหมือนเดิมไม่มีการถอนกำลังทหารออกนอกพื้นที่แต่อย่างใด
“จากการลงพบปะประชาชนและกำลังพลนั้นทุกคนยังมีขวัญกำลังใจที่ดีโดยเฉพาะกำลังพลของกองทัพภาคที่ 2 ที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหาร ทุกคนมีขวัญกำลังที่ดีมาก พร้อมที่จะปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
**ลั่นสู้รบเป็นหนทางสุดท้าย
ส่วนข่าวการเตรียมหลุมหลบภัยของประชาชนตามแนวชายแดนเพื่อรับมือสถานการณ์การสู้รบนั้น พล.ท.วีร์วลิต กล่าวว่า สถานการณ์การปะทะกันเคยเกิดขึ้นมาเมื่อสิบปีที่แล้วและมาเกิดขึ้นอีกครั้งเมื่อ 15 ก.ค.51 ในครั้งนั้นได้มีการเตรียมความพร้อมรับมือการปะทะกันทุกด้านไว้ เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนในพื้นที่ชายแดน ทั้งการชี้แจงทำความเข้าใจและขอให้ประชาชนในพื้นที่ได้จัดทำหลุมหลบภัยไว้ แต่เนื่องจากช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา หญ้าและต้นไม้ ขึ้นปกคลุม ทำให้บริเวณหลุมหลบภัยของประชาชนรกรุงรัง จึงพากันออกมาทำความสะอาดก็เท่านั้น ไม่ได้มีอะไรพิเศษไปกว่านี้ เพียงแต่เป็นข่าวขึ้นมาเท่านั้นเอง
“ขอยืนยันทุกอย่างยังเป็นปกติดี แต่อย่างไรก็ตาม หากมีความจำเป็นจะต้องสู้รบกันจริงทุกกองทัพก็มีความพร้อม แต่จากการที่ได้พบปะกับผู้บังคับบัญชาชั้นสูงของฝ่ายกัมพูชาเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาทั้ง 2 ฝ่ายยังคงมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน การสู้รบนั้นขอให้เป็นหนทางสุดท้ายและทุกฝ่ายก็ไม่อยากจะให้เกิดปัญหาอะไรขึ้นมา เพราะผู้เดือดร้อนที่สุดก็คือประชาชน” พล.ท.วีร์วลิต กล่าว
**“ช่องสะงำ”เงียบ-เขมรผวาปิดร้านหนี
ส่วนบรรยากาศที่ตลาดชายแดนไทย-กัมพูชาบริเวณผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชาช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศค่อนข้างเงียบเหงาไม่มีชาวกัมพูชาเข้ามาหาซื้อสินค้าไปขายคึกคักเหมือนทุกวันที่ผ่านมา มีเพียงรถบรรทุกน้ำมันเชื้อเพลิง 3-4 คันของบริษัทน้ำมันเอกชนแห่งหนึ่งมาจอดรอเพื่อนำเอาน้ำมันเข้าไปส่งให้กับคลังน้ำมันในเขตประเทศกัมพูชาเท่านั้น
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากข่าวที่นายฮุนเซน ประกาศเชิญ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีอาญาแผ่นดินไทยในฐานะที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านเศรษฐกิจเดินทางไปร่วมประชุมร่วมกับคณะแกนนำด้านเศรษฐกิจของกัมพูชาในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ทำให้สถานการณ์แนวชายแดนไทย–กัมพูชาเกิดความตึงเครียดเพิ่มขึ้นไปอีก ถึงแม้นายฮุนเซน จะพยายามสร้างกระแสข่าวการถอนกำลังทหาร กองพลน้อยรบพิเศษ 911 ออกจากบริเวณเขาพระวิหาร แต่ไม่ได้ช่วยให้ดีขึ้นแต่อย่างใด
ขณะที่มีชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่งที่เปิดร้านขายสินค้าอยู่บริเวณตลาดชายแดนช่องสะงำ ผวาภัยสงครามการสู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ที่เขาพระวิหารซึ่งอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ได้พากันปิดร้านค้าอพยพขนสิ่งของเข้าไปอยู่กับบ้านญาติพี่น้องในเขตพื้นที่ชั้นในของประเทศกัมพูชา ในจุดที่มั่นใจว่าจะปลอดภัยจากภัยสงครามกันแล้ว
ขณะเดียวกันที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมทางขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ทหารไทยยังคงตั้งด่านตรวจคุมเข้ม โดยมีการตั้งด่านตรวจถึง 2 ชั้น จุดแรกตั้งอยู่ที่บริเวณด้านหน้าสถานีควบคุมไฟป่าศรีสะเกษ และจุดที่ 2 ตั้งอยู่ที่บริเวณด่านเก็บค่าธรรมเนียมอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทำการตรวจรถทุกคันที่จะเข้า-ออกอย่างเข้มงวด เพื่อรักษาความปลอดภัยอย่างเต็มที่
ส่วนชาวบ้านในเขต ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ซึ่งอยู่ใกล้แนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร ต่างวิตกกังวลกับสถานการณ์ความตรึงเครียดที่มีอยู่ในขณะนี้และบางส่วนตื่นตระหนกถึงขั้นมีการซื้อกักตุนอาหารไว้
**เขมรผวาปิดด่านแห่ซื้ออาหารกักตุน
ส่วนที่บริเวณด่านพรมแดนอรัญประเทศ จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ่อนกาสิโนทั้ง 9 บ่อนในฝั่งปอยเปต จ.บันเตียเมียนเจย ประเทศกัมพูชา อีกทั้งยังเป็นวันชาติกัมพูชาซึ่งตรงกับวันที่ 9 พ.ย.52 บรรยากาศบริเวณหน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ ยังคงมีชาวเขมรจำนวนมากเดินทางเข้ามาค้าขาย ขายแรงงานและซื้อสินค้าในตลาดโรงเกลือ เป็นจำนวนมากเหมือนปกติทุกวัน ซึ่งชาวเขมรส่วนใหญ่ยังยืนยันว่าหากยังไม่มีการประกาศปิดพรมแดนชาวเขมรก็จะยังเข้ามาค้าขายในตลาดโรงเกลือ ตามปกติ แต่ก็ยังมีชาวเขมรไม่น้อยที่กลัวเหตุการณ์บานปลายและกลัวการปิดด่านพรมแดน ได้เดินทางเข้ามาซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค ในตลาดโรงเกลือ ไปกักตุน
โดยเฉพาะมีการซื้อสินค้าประเภทพืชผักผลไม้และน้ำดื่มใส่รถเข็นเข็นผ่านด่านพรมแดนอรัญประเทศ นำเข้าไปกัมพูชาเป็นจำนวนมาก ทำให้ภาพชาวเขมรบรรทุกสินค้าประเภทอาหารและน้ำดื่มใส่รถเข็น เข็นออกจากตลาดโรงเกลือ จนนักท่องเที่ยวต่างสอบถามกันวุ่นวายคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์ปิดด่านพรมแดนหรือไม่
**ทหารปฏิเสธข่าวลือปิดด่านอรัญฯ
นายตี๋ ชม อายุ 40 ปี ชาวเขมรซึ่งเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้ามือสองในตลาดโรงเกลือ เผยว่า ขณะนี้พ่อค้า แม่ค้าชาวเขมรในตลาดโรงเกลือต่างตื่นตระหนกกันมากเรื่องกระแสข่าวลือว่าไทยจะปิดด่านพรมแดนในวันที่ 12 พ.ย.นี้ เพื่อสกัดไม่ให้กลุ่มเสื้อแดงเดินทางไปหา พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กรุงพนมเปญ โดยพ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรต่างเตรียมที่จะเก็บสินค้าและของสำคัญบางส่วนกลับไปฝั่งกัมพูชา แต่มีบางคนนำสินค้าและของสำคัญฝากไว้กับพ่อค้าชาวไทยที่สนิทสนมกัน
นายตี๋ อ้างว่า ข่าวลือดังกล่าวเพื่อนชาวเขมรในตลาดปอยเปต ฝั่งกัมพูชา โทร.มาบอกว่าในฝั่งกัมพูชามีการพูดกันหนาหูมากเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว
ขณะที่ ร.อ.ชาญ ว่องไวเมธี ผบ.ร้อย ทพ.1206 ฉก.กรม.ทพ.12 กกล.บูรพา ซึ่งดูแลรับผิดชอบบริเวณชายแดนด้าน อ.อรัญประเทศ และตลาดโรงเกลือ ได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสายข่าวออกหาต้นตอข่าวลือดังกล่าว พร้อมทั้งแจ้งให้พ่อค้าแม่ค้าชาวเขมรทราบว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่เป็นความจริง ทุกอย่างยังเป็นปกติ ไม่มีเหตุการณ์ใด ๆ และไม่มีสิ่งบอกเหตุใด ๆ ขออย่าได้ตื่นตระหนกและอย่าเชื่อข่าวลือที่ไม่หวังดีดังกล่าว
**นักพนันเข้ากาสิโนฝั่งเขมรบางตา
ส่วนบรรยากาศบริเวณจุดตรวจขาออกด่าน ตม.อรัญประเทศ หน้าด่านพรมแดนอรัญประเทศ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงานักพนันชาวไทยเดินทางไปเสี่ยงโชคในบ่อนฝั่งปอยเปต บางตา ส่วนใหญ่เกรงเกิดปัญหาทำให้มีการปิดด่านพรมแดนฯ
ส่วนบรรยากาศในตลาดโรงเกลือ พ่อค้า แม่ค้า ชาวเขมรกว่า 5 พันคนยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์และเปิดทีวีดูข่าวจากทีวีเขมรตลอดเวลา โดยวิพากษ์วิจารณ์ถึงกรณีสมเด็จฮุน เซ็น นายกฯกัมพูชาออกมาบอกว่า พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯไทยที่หลบหนีคดีฯจะเดินทางมาประชุมเศรษฐกิจกับนักธุรกิจชาวกัมพูชาที่กรุงพนมเปญในวันที่ 12 พ.ย.52
**รบ.เขมรสั่งอพยพแรงงานกลับ
อีกทั้งสมเด็จฮุน เซ็น ยังพูดท้าทายรัฐบาลไทยว่าหากไทยปิดด่านพรมแดนเมื่อไหร่กัมพูชา ก็จะปิดด้วยนั้น ทำให้ชาวเขมรเกิดความกลัวว่าจะมีการปิดพรมแดนจริง จึงได้มีการสั่งครอบครัวที่อยู่ในฝั่งปอยเปต เตรียมอพยพไปอยู่บ้านญาติและบ้านเกิดที่อยู่ห่างชายแดน
ส่วนบรรยากาศบริเวณชายแดนด้าน อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว มีรายงานทางทหารของไทยว่าได้มีชาวเขมรที่เข้ามารับจ้างและขายแรงงานในฝั่งไทย หลายร้อยคนต่างทยอยเดินทางกลับประเทศ ซึ่งชาวเขมรเหล่านั้นอ้างว่ารัฐบาลบาลกัมพูชา สั่งให้ชาวเขมรที่อยู่ในไทยกลับประเทศ ทำให้เกิดการเดินทางกลับประเทศของแรงงานชาวเขมร
นอกจากนั้นยังมีข่าวลือจากแรงงานชาวเขมรตลอดแนวชายแดนที่ติดกับประเทศไทยด้าน จ.สระแก้ว ว่ารัฐบาลกัมพูชา สั่งอพยพแรงงานเขมรที่อยู่ในประเทศไทยกลับประเทศทั้งหมดโดยเร็วทำให้แรงงานเขมรที่เข้ามาทำงานรับจ้างอยู่บริเวณแนวชายแดนไทยต่างอพยพเดินทางกลับประเทศ เป็นจำนวนมาก