เชียงราย - ผู้ว่าฯ เชียงรายพร้อมคณะประสานงานท่องเที่ยวกลุ่มลุ่มน้ำโขง ต้องรอเก้อเหตุฝ่ายจีนแจ้งเลื่อนกะทันหันในการเซ็น MOU ท่องเที่ยวเชียงราย-สิบสองปันนา อ้างผู้บริหารมณฑลติดภารกิจที่ประเทศสิงคโปร์ระบุขอเลื่อนเซ็นอีกครั้งปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะจากจ.เชียงราย นำโดยนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้กำหนดจัดให้มีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวร่วมกัน ระหว่างสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และสำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ณ ที่ว่าการ อ.เชียงของ โดยมีการจัดเตรียมสถานที่และความพร้อมต่างๆ เอาไว้แล้วนั้น
ปรากฏว่า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ได้แจ้งขอเลื่อนการลงนามดังกล่าวแล้ว จึงทำให้ไม่มีการทำพิธีลงนามแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายมีการเตรียมการด้านต่างๆ ไว้พร้อมสรรพ เช่น อาคาร สถานที่ ห้องพักโรงแรม อาหาร ฯลฯ
นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าทางการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา แจ้งว่าเกิดจากการที่ผู้บริหารระดับสูงในเขตปกครองฯติดภารกิจและเดินทางกลับไม่ทัน ทำให้ไม่มีผู้ลงนามรับรองการเดินทางออกนอกประเทศ ให้แก่คณะของสำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา จึงทำให้คณะไม่สามารถเดินทางมาร่วมพิธีลงนามกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายได้ดังกล่าว กระนั้นก็ได้มีการแจ้งเพิ่มเติมว่าคณะจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา พร้อมจะเดินทางมาร่วมพิธีลงนามครั้งใหม่ได้ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ช่วงที่รอคณะจากประเทศจีนดังกล่าวคงจะมีการหารือกันภายใน เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่แน่นแฟ้นมากขึ้นโดยหวังว่าทุกฝ่ายจะเห็นแก่ประโยชน์ของการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-จีน และที่จะเกิดกับ จ.เชียงราย เป็นหลัก เพราะในปัจจุบันพบว่ายังมีอุปสรรคปัญหาอยู่บางประการที่รอการแก้ไขร่วมกันอยู่
อนึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อร่วมลงนามกับทางเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน และมีหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นรองประธาน
ส่วนกรรมการประกอบไปด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ประธานหอการค้าจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด ฯลฯ รวม 19 คน
ที่ผ่านมามีการหารือนอกรอบกับสำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในการกำหนดกรอบของร่างข้อตกลงดังกล่าวเอาไว้แล้วจำนวน 8 ข้อ แต่ล่าสุดนายสุรชัย ลิ้นทอง รองผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงราย และนายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เรียกประชุมคณะกรรมการทั้งหมด เพื่อพิจารณาร่างข้อตกลงดังกล่าว และมีการแก้ไขปรับปรุงเนื้อหาและรายละเอียดของถ้อยคำให้เหมาะสมกับการเป็นร่างข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งมีการกำหนดให้ตัวแทนผู้ลงนามฝ่ายไทยคือประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย
ส่วนฝ่ายจีนให้เปลี่ยนจากการกำหนดให้บริษัท หย่าไทร้เอเซียนทัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นเอกชนไปเป็นองค์กรที่รัฐท้องถิ่นให้การรับรอง เช่น สำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาหรือสมาคมการท่องเที่ยวสิบสองปันนา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวเกี่ยวกับการกำหนดให้มีการจัดประชุมสัมมนาร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายทุกๆ 6 เดือนนั้น พบว่าทาง จ.เชียงราย แจ้งว่าจะไม่สนับสนุนด้านงบประมาณในการเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสัมมนาดังกล่าว โดยยกให้ภาคเอกชนคือสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย เป็นฝ่ายรับผิดชอบเอาเองโดยตรง โดยอ้างเรื่องการติดขัดเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของทางราชการ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะจากจ.เชียงราย นำโดยนายสุเมธ แสงนิ่มนวล ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย และคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ได้กำหนดจัดให้มีพิธีลงนามข้อตกลงความร่วมมือส่งเสริมอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวร่วมกัน ระหว่างสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย และสำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน จีนตอนใต้ ณ ที่ว่าการ อ.เชียงของ โดยมีการจัดเตรียมสถานที่และความพร้อมต่างๆ เอาไว้แล้วนั้น
ปรากฏว่า เขตปกครองตนเองสิบสองปันนา ได้แจ้งขอเลื่อนการลงนามดังกล่าวแล้ว จึงทำให้ไม่มีการทำพิธีลงนามแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่หลายฝ่ายมีการเตรียมการด้านต่างๆ ไว้พร้อมสรรพ เช่น อาคาร สถานที่ ห้องพักโรงแรม อาหาร ฯลฯ
นายสมเกียรติ ชื่นธีระวงษ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย เปิดเผยว่าทางการเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา แจ้งว่าเกิดจากการที่ผู้บริหารระดับสูงในเขตปกครองฯติดภารกิจและเดินทางกลับไม่ทัน ทำให้ไม่มีผู้ลงนามรับรองการเดินทางออกนอกประเทศ ให้แก่คณะของสำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา จึงทำให้คณะไม่สามารถเดินทางมาร่วมพิธีลงนามกับสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายได้ดังกล่าว กระนั้นก็ได้มีการแจ้งเพิ่มเติมว่าคณะจากเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา พร้อมจะเดินทางมาร่วมพิธีลงนามครั้งใหม่ได้ภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ต่อไป
ทั้งนี้ ช่วงที่รอคณะจากประเทศจีนดังกล่าวคงจะมีการหารือกันภายใน เพื่อให้เกิดความร่วมมือที่แน่นแฟ้นมากขึ้นโดยหวังว่าทุกฝ่ายจะเห็นแก่ประโยชน์ของการส่งเสริมการท่องเที่ยวไทย-จีน และที่จะเกิดกับ จ.เชียงราย เป็นหลัก เพราะในปัจจุบันพบว่ายังมีอุปสรรคปัญหาอยู่บางประการที่รอการแก้ไขร่วมกันอยู่
อนึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการส่งเสริมและประสานงานการท่องเที่ยวในกลุ่มประเทศอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงเพื่อร่วมลงนามกับทางเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา โดยมีรองผู้ว่าราชการจังหวัดฝ่ายเศรษฐกิจและสังคมเป็นประธาน และมีหัวหน้าสำนักงานจังหวัดเป็นรองประธาน
ส่วนกรรมการประกอบไปด้วยผู้ที่เกี่ยวข้องหลากหลาย เช่น ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานเชียงราย ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัด ประธานหอการค้าจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจังหวัด ประชาสัมพันธ์จังหวัด ฯลฯ รวม 19 คน
ที่ผ่านมามีการหารือนอกรอบกับสำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาในการกำหนดกรอบของร่างข้อตกลงดังกล่าวเอาไว้แล้วจำนวน 8 ข้อ แต่ล่าสุดนายสุรชัย ลิ้นทอง รองผู้ว่าราชการ จังหวัดเชียงราย และนายพินิจ หาญพาณิชย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ได้เรียกประชุมคณะกรรมการทั้งหมด เพื่อพิจารณาร่างข้อตกลงดังกล่าว และมีการแก้ไขปรับปรุงเนื้อหาและรายละเอียดของถ้อยคำให้เหมาะสมกับการเป็นร่างข้อตกลงระหว่างประเทศ รวมทั้งมีการกำหนดให้ตัวแทนผู้ลงนามฝ่ายไทยคือประธานสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย
ส่วนฝ่ายจีนให้เปลี่ยนจากการกำหนดให้บริษัท หย่าไทร้เอเซียนทัวร์ จำกัด ซึ่งเป็นเอกชนไปเป็นองค์กรที่รัฐท้องถิ่นให้การรับรอง เช่น สำนักงานการท่องเที่ยวเขตปกครองตนเองสิบสองปันนาหรือสมาคมการท่องเที่ยวสิบสองปันนา เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวเกี่ยวกับการกำหนดให้มีการจัดประชุมสัมมนาร่วมกันระหว่างทั้งสองฝ่ายทุกๆ 6 เดือนนั้น พบว่าทาง จ.เชียงราย แจ้งว่าจะไม่สนับสนุนด้านงบประมาณในการเป็นเจ้าภาพในการจัดประชุมสัมมนาดังกล่าว โดยยกให้ภาคเอกชนคือสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จ.เชียงราย เป็นฝ่ายรับผิดชอบเอาเองโดยตรง โดยอ้างเรื่องการติดขัดเรื่องการเบิกจ่ายงบประมาณของทางราชการ