เชียงราย - เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ อ.เชียงแสน ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงเขตเชียงราย จับกุมชาว “เกาหลีเหนือ” ที่ลอบทะลักเข้าทางเชียงรายไม่หยุด โดยล่าสุด จับได้อีกกว่า 30 คน
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (22 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ อ.เชียงแสน ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย สืบทราบว่า จะมีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวเกาหลีเหนือ ต่อมาเจ้าหน้าที่พบเรือหางยาว จำนวน 3 ลำ แล่นมาตามแม่น้ำโขงชายแดนพม่า-ส.ป.ป.ลาว และแล่นเข้าสู่ฝั่งไทย บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ หมู่บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เจ้าหน้าที่จึงนำเรือตามไปตรวจสอบก็พบว่าเรือทั้งหมดมีคนอยู่เต็มลำ เมื่อเจ้าหน้าที่ใกล้เข้าไปถึงก็ได้มีการลำเลียงผู้โดยสารขึ้นฝั่งก่อนที่คนเรือจะขับเรือหลบหนีไปกลางแม่น้ำโขงอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบผู้โดยสารที่ลงจากเรือทั้งหมดนับได้จำนวน 32 คน โดยมีทั้งผู้ชาย หญิงและเด็ก เมื่อสอบถามหาหลักฐานการเข้าออกเมือง ปรากฏว่า ทั้งหมดไม่มีให้และใช้ภาษาในการสื่อสารด้วยภาษาเกาหลีเหนือ ซึ่งเจรจากันไม่รู้เรื่อง พ.ต.ท.สุลักษณ์ เสงี่ยมลักษณ์ สารวัตรตำรวจน้ำเชียงแสน จึงให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวบุคคลทั้งหมดไปยังสถานีตำรวจน้ำเชียงแสน เพื่อทำการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดให้การคล้ายกับคนเกาหลีเหนือที่ลักลอบเข้าเมืองมาก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก ว่า ได้ลักลอบหลบหนีออกจากประเทศเกาหลีเหนือ และเข้าสู่ประเทศจีน เพื่อหลบหนีความทุกข์ยากและอยากไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ กับลูกหลาน ชาวเกาหลีเหนือดังกล่าวให้การอีกว่า จากนั้นได้หลบหนีมาเรื่อยๆ จนถึงเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน ชายแดนจีน-ส.ป.ป.ลาว-พม่า ก็ได้โดยสารมากับเรือสินค้าในแม่น้ำโขง เมื่อใกล้ฝั่งไทยก็ลงเรือเล็ก และลักลอบเข้าเมืองดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวทั้งหมดส่ง สภ.เชียงแสน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของชาวเกาหลีเหนือ ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองดังกล่าว แจ้งว่า ในปัจจุบันมีกลุ่มชาวเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันเป็นขบวนการ เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีเหนือหลบหนีออกจากประเทศ และเดินทางไปอาศัยอยู่กับญาติมิตรที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยคนกลุ่มนี้จะวางเครือข่ายเอาไว้ทั้งในประเทศเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน ส.ป.ป.ลาว พม่า และประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.เชียงราย โดยจะมีการยื่นข้อเสนอไปยังชาวเกาหลีใต้ที่พอมีฐานะ ว่า ต้องการให้ญาติมิตรหนีความทุกข์ยากในเกาหลีเหนือไปอยู่ที่เกาหลีใต้ด้วยกันหรือไม่
หากได้รับการตอบรับ ก็จะคิดค่าใช้จ่ายให้แบบเบ็ดเสร็จโดยรวมค่าเดินทาง ค่าวิ่งเต้นช่วยเหลือต่างๆ ตลอดรายทางทั้งหมด จากนั้นคนกลุ่มนี้จะพาชาวเกาหลีเหนือหนีออกจากชายแดนและอาศัยหน้าตาที่คล้ายกันของชาวเกาหลีและจีน ช่วยเหลือเรื่องที่พัก อาหาร ฯลฯ ผ่านตามรายทาง กระทั่งมาถึง จ.เชียงราย ก็จะมีเครือข่ายเป็นชาวเกาหลีกว่า 50 คน ที่อาศัยอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ร้านอาหาร เขยชาวเชียงราย ฯลฯ คอยวิ่งเต้นช่วยเหลือจนถึงทั้งหมดถูกส่งไปยังสถานทูตประเทศเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และผลักดันออกนอกประเทศไปตามความประสงค์ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบเข้ามาของชาวเกาหลีนั้น เป็นเรื่องยากจะแก้ไข เพราะลักลอบเข้ามาตามชายแดนผ่านประเทศเพื่อนบ้านโดยอาศัยชายแดนที่เป็นเส้นทางยาวยากต่อการป้องกัน กระนั้นเมื่อหลบหนีเข้ามาเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (22 ต.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำ อ.เชียงแสน ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย สืบทราบว่า จะมีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายของชาวเกาหลีเหนือ ต่อมาเจ้าหน้าที่พบเรือหางยาว จำนวน 3 ลำ แล่นมาตามแม่น้ำโขงชายแดนพม่า-ส.ป.ป.ลาว และแล่นเข้าสู่ฝั่งไทย บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ หมู่บ้านสบรวก หมู่ 1 ต.เวียง อ.เชียงแสน เจ้าหน้าที่จึงนำเรือตามไปตรวจสอบก็พบว่าเรือทั้งหมดมีคนอยู่เต็มลำ เมื่อเจ้าหน้าที่ใกล้เข้าไปถึงก็ได้มีการลำเลียงผู้โดยสารขึ้นฝั่งก่อนที่คนเรือจะขับเรือหลบหนีไปกลางแม่น้ำโขงอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบผู้โดยสารที่ลงจากเรือทั้งหมดนับได้จำนวน 32 คน โดยมีทั้งผู้ชาย หญิงและเด็ก เมื่อสอบถามหาหลักฐานการเข้าออกเมือง ปรากฏว่า ทั้งหมดไม่มีให้และใช้ภาษาในการสื่อสารด้วยภาษาเกาหลีเหนือ ซึ่งเจรจากันไม่รู้เรื่อง พ.ต.ท.สุลักษณ์ เสงี่ยมลักษณ์ สารวัตรตำรวจน้ำเชียงแสน จึงให้เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวบุคคลทั้งหมดไปยังสถานีตำรวจน้ำเชียงแสน เพื่อทำการสอบสวน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดให้การคล้ายกับคนเกาหลีเหนือที่ลักลอบเข้าเมืองมาก่อนหน้านี้เป็นจำนวนมาก ว่า ได้ลักลอบหลบหนีออกจากประเทศเกาหลีเหนือ และเข้าสู่ประเทศจีน เพื่อหลบหนีความทุกข์ยากและอยากไปอยู่ที่ประเทศเกาหลีใต้ กับลูกหลาน ชาวเกาหลีเหนือดังกล่าวให้การอีกว่า จากนั้นได้หลบหนีมาเรื่อยๆ จนถึงเขตปกครองตนเองสิบสองปันนา มณฑลหยุนหนัน ประเทศจีน ชายแดนจีน-ส.ป.ป.ลาว-พม่า ก็ได้โดยสารมากับเรือสินค้าในแม่น้ำโขง เมื่อใกล้ฝั่งไทยก็ลงเรือเล็ก และลักลอบเข้าเมืองดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไว้ในข้อหาเป็นบุคคลต่างด้าวเข้ามาในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต นำตัวทั้งหมดส่ง สภ.เชียงแสน ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป
รายงานข่าวจากฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบการเคลื่อนไหวของชาวเกาหลีเหนือ ที่ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองดังกล่าว แจ้งว่า ในปัจจุบันมีกลุ่มชาวเกาหลีใต้กลุ่มหนึ่งได้รวมตัวกันเป็นขบวนการ เพื่อช่วยเหลือชาวเกาหลีเหนือหลบหนีออกจากประเทศ และเดินทางไปอาศัยอยู่กับญาติมิตรที่ประเทศเกาหลีใต้ โดยคนกลุ่มนี้จะวางเครือข่ายเอาไว้ทั้งในประเทศเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ จีน ส.ป.ป.ลาว พม่า และประเทศไทย โดยเฉพาะ จ.เชียงราย โดยจะมีการยื่นข้อเสนอไปยังชาวเกาหลีใต้ที่พอมีฐานะ ว่า ต้องการให้ญาติมิตรหนีความทุกข์ยากในเกาหลีเหนือไปอยู่ที่เกาหลีใต้ด้วยกันหรือไม่
หากได้รับการตอบรับ ก็จะคิดค่าใช้จ่ายให้แบบเบ็ดเสร็จโดยรวมค่าเดินทาง ค่าวิ่งเต้นช่วยเหลือต่างๆ ตลอดรายทางทั้งหมด จากนั้นคนกลุ่มนี้จะพาชาวเกาหลีเหนือหนีออกจากชายแดนและอาศัยหน้าตาที่คล้ายกันของชาวเกาหลีและจีน ช่วยเหลือเรื่องที่พัก อาหาร ฯลฯ ผ่านตามรายทาง กระทั่งมาถึง จ.เชียงราย ก็จะมีเครือข่ายเป็นชาวเกาหลีกว่า 50 คน ที่อาศัยอยู่ในรูปแบบต่างๆ เช่น ร้านอาหาร เขยชาวเชียงราย ฯลฯ คอยวิ่งเต้นช่วยเหลือจนถึงทั้งหมดถูกส่งไปยังสถานทูตประเทศเกาหลีใต้ประจำประเทศไทย และผลักดันออกนอกประเทศไปตามความประสงค์ต่อไป
ด้าน พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผบก.ภ.เชียงราย กล่าวว่า ปัญหาการลักลอบเข้ามาของชาวเกาหลีนั้น เป็นเรื่องยากจะแก้ไข เพราะลักลอบเข้ามาตามชายแดนผ่านประเทศเพื่อนบ้านโดยอาศัยชายแดนที่เป็นเส้นทางยาวยากต่อการป้องกัน กระนั้นเมื่อหลบหนีเข้ามาเจ้าหน้าที่ก็ดำเนินคดีตามกฎหมาย
