เชียงราย – ต่างด้าวเชียงรายชุม เผยตั้งแต่ต้นปีจนถึงขณะนี้จับได้กว่าร้อยคน มีทั้งเกาหลีเหนือ พม่า โรฮิงยา
รายงานข่าวจาก จ.เชียงราย แจ้งว่า วันนี้ (9 มิ.ย.) พ.ต.อ.อรรถวุฒิ อ่อนทรัพย์ ผกก.11 กก.ตำรวจน้ำ ร่วมกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เขตเชียงราย แถลงผลการจับกุมผู้ต้องหาคดีเป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต โดยมีผู้ต้องหาเป็นชาวต่างด้าวที่ไม่มีเอกสารการขออยู่ในประเทศไทย ทั้งหมดจำนวน 106 คน โดยเป็นคนพม่า 87 คน คนลาว 18 คน และชาวโรฮิงยา ถือสัญชาติพม่าจำนวน 1 คน
โดยเหตุดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำและทหารได้กระจายกำลังกันออกติดตามจับกุมบุคคลต่างด้าวที่ทำงานอยู่ตามพื้นที่ต่างๆ ทั่วพื้นที่ อ.เชียงแสน อ.เชียงของ และ อ.เวียงแก่น ชายแดนไทย-ส.ป.ป.ลาว ด้าน จ.เชียงราย รวมทั้งเชื่อมกับสามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งติดต่อกับประเทศพม่าด้วย ผลปรากฏว่า พบชาวต่างด้าวอาศัยอยู่ตามจุดต่างๆ เช่น อาคารร้างติดถนนเลี่ยงเมือง ต.เวียง อ.เชียงแสน ฯลฯ จึงได้จับกุมตัวได้ทั้งหมด และหลังจากได้สอบสวนปากคำ พร้อมตั้งข้อกล่าวหาแล้วได้จัดส่งให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองเชียงแสนทำการดำเนินคดีผลักดันออกนอกประเทศต่อไป
ด้าน พ.ต.อ.อรรถวุฒิ กล่าวว่า พล.ต.ท.ไถง ปราศจากศัตรู ผบช.กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง มีแผนออกปราบปรามคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากคนเหล่านี้บางส่วนเข้าไปมีส่วนร่วมในการก่ออาชญากรรม เช่น ปลอมแปลงบัตรเครดิต ลักทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฯลฯ จนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
ดังนั้น พล.ต.ต.มิสกวัน บัวรา ผบก.ตำรวจน้ำ จึงสั่งการให้ทางตำรวจน้ำออกดำเนินการดังกล่าว แนวโน้มการลักลอบเข้ามาของคนต่างด้าวเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ โดยส่วนใหญ่จะทำงานกับนายจ้างตามแนวชายแดน แต่ก็มีบางส่วนที่ลักลอบเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ โดยลักลอบไปครั้งละ 4-5 คน กับรถทัวร์โดยสารโดยมีกลุ่มขบวนการจัดหาอำนวยความสะดวกให้ ซึ่งจะได้ทำการตรวจสอบเพื่อสกัดกั้นต่อไป
รายงานข่าวจาก ส.รน.1 กก.11 บก.รน.(ตำรวจน้ำเชียงแสน) แจ้งว่า ตั้งแต่เดือน ม.ค.-9 มิ.ย.นี้ สามารถจับกุมชาวต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายได้ทั้งหมด 288 คน โดยเดือน ม.ค.-พ.ค.มีจำนวนเฉลี่ยเดือนละ 30-80 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวพม่าและบางส่วนเป็นคนลาวและเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ตาม ในเดือน มิ.ย.นี้ พบว่า ยังไม่ถึงครึ่งเดือนมีกว่า 107 คนแล้วและยังพบชาวโรฮิงยาดังกล่าวอีกด้วย
นายมอล คาเล็ด อายุ 30 ปี ชาวโรฮิงยาที่ถูกจับกุมกล่าวว่า เดิมอยู่ประเทศบังกลาเทศ แต่ย้ายไปอยู่เมืองตองกี ในรัฐฉาน ประเทศพม่า แต่ประสบภาวะเศรษฐกิจจึงย้ายไปขายโรตีอยู่ที่เชียงแสน ในอดีตเคยมีบัตรต่างด้าว ขออนุญาตเข้าเมืองอย่างถูกต้อง แต่เป็นเพราะปัญหาเศรษฐกิจอีกที่ทำให้ขายโรตีไม่ได้ จึงไม่มีเงินไปทำบัตรต่างด้าวต่อ จึงถูกจับกุมดังกล่าว