ASTVผู้จัดการรายวัน-ส.อ.ท.เผยออร์เดอร์ไตรมาส 4 ไม่หวือหวา ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมใช้อัตรากำลังผลิต 60-70% รอลุ้นปี 2553 ดีกว่านี้ เผยแรงงานระดับล่างโดยเฉพาะจากต่างด้าวเข้าสู่ระบบมากขึ้น ทำใจสิ้นปีนี้โรงงานกว่า 70% ไม่มีแผนขึ้นเงินเดือนไม่มีโบนัส
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานด้านแรงงานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อสินค้าหรือออร์เดอร์การผลิตไตรมาส 4 ส่วนใหญ่ยังมีเข้ามาไม่มากตามที่เคยคาดหมายไว้ ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานแต่ละแห่งเฉลี่ยประมาณ 60-70% เท่านั้น โดยเดิมคาดหวังว่าจะขยับไปในระดับ 90-100% หรือกลับไปสู่สถานการณ์ปกติในช่วงต้นปี 2551 ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
“ออร์เดอร์ไม่ได้หวือหวาอย่างที่คาด เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรปสิ้นปีปรากฏกว่าไม่ได้ดีอย่างที่หลายฝ่ายมองไว้ แต่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปและยังมีหลายปัจจัยที่ทุกฝ่ายเองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่ ทำให้ออร์เดอร์ที่ได้รับเป็นการทดแทนสต็อกสินค้าเดิมที่ลดลงเท่านั้นคงจะต้องรอลุ้นปี 2553 ที่จะกลับไปเป็นปกติ”นายทวีกิจกล่าว
ทั้งนี้ ออร์เดอร์ที่เริ่มกลับมาในภาคอุตสาหกรรมส่งผลให้มีการทะยอยรับแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแรงงานระดับล่าง แต่ล่าสุดรัฐบาลได้มีการขยายเวลาเพิ่มการจดทะเบียนรับแรงงานต่างด้าวอีก 15 วัน ทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่างคงจะลดต่ำลงมากโดยประเมินว่าจะมีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรวมเกือบ 2 ล้านคน ส่วนแรงงานระดับล่างที่เป็นคนไทย ยอมรับว่ายังเข้ามาในระบบไม่มาก เพราะส่วนหนึ่งมีโครงการของประกันสังคมที่จะให้เงินเดือน 50% ของเงินเดือนเดิมเป็นระยะเวลา 8 เดือน รวมถึงโครงการต้นกล้าอาชีพ
นอกจากนี้ ยังพบว่าแรงงานระดับล่างคนไทยส่วนหนึ่งเริ่มทยอยกลับไปใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นเพราะภาคเกษตรหลายชนิดมีราคาที่ดี ทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง
อย่างไรก็ตาม โครงการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการตกงานในช่วงที่ผ่านมา เมื่อถึงครบกำหนดโครงการแล้วจึงคิดว่ารัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่ออายุให้อีก เพราะขณะนี้มีการเรียกแรงงานเข้ากลับทำงานเพิ่มแล้วและหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2553 ก็จะมีการทะยอยเรียกแรงงานเพิ่มอีก
นายทวีกิจกล่าวว่า ผลพวงจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาตั้งแต่ต้นปีแม้ว่าปลายปีคำสั่งซื้อจะเริ่มกระเตื้องแต่ภาพรวมก็ถือว่าภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังในภาวะที่ขาดทุน ดังนั้นประเมินแนวโน้มโรงงานอุตสาหกรรมที่จะพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนสิ้นปีนี้กว่า 70% จะยังไม่มีการปรับขึ้นเงินเดือนและไม่มีการจ่ายโบนัส ยกเว้นบริษัทที่มีผลกำไรชัดเจนและไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาซึ่งคงมีบ้างแต่เป็นจำนวนน้อย
นายทวีกิจ จตุรเจริญคุณ รองประธานด้านแรงงานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อสินค้าหรือออร์เดอร์การผลิตไตรมาส 4 ส่วนใหญ่ยังมีเข้ามาไม่มากตามที่เคยคาดหมายไว้ ส่งผลให้อัตราการใช้กำลังการผลิตของโรงงานแต่ละแห่งเฉลี่ยประมาณ 60-70% เท่านั้น โดยเดิมคาดหวังว่าจะขยับไปในระดับ 90-100% หรือกลับไปสู่สถานการณ์ปกติในช่วงต้นปี 2551 ก่อนเกิดวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐฯ
“ออร์เดอร์ไม่ได้หวือหวาอย่างที่คาด เพราะเศรษฐกิจสหรัฐฯ ญี่ปุ่น ยุโรปสิ้นปีปรากฏกว่าไม่ได้ดีอย่างที่หลายฝ่ายมองไว้ แต่มีการฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปและยังมีหลายปัจจัยที่ทุกฝ่ายเองก็เริ่มไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวต่อเนื่องหรือไม่ ทำให้ออร์เดอร์ที่ได้รับเป็นการทดแทนสต็อกสินค้าเดิมที่ลดลงเท่านั้นคงจะต้องรอลุ้นปี 2553 ที่จะกลับไปเป็นปกติ”นายทวีกิจกล่าว
ทั้งนี้ ออร์เดอร์ที่เริ่มกลับมาในภาคอุตสาหกรรมส่งผลให้มีการทะยอยรับแรงงานเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะแรงงานระดับล่าง แต่ล่าสุดรัฐบาลได้มีการขยายเวลาเพิ่มการจดทะเบียนรับแรงงานต่างด้าวอีก 15 วัน ทำให้ปัญหาการขาดแคลนแรงงานระดับล่างคงจะลดต่ำลงมากโดยประเมินว่าจะมีการจดทะเบียนแรงงานต่างด้าวรวมเกือบ 2 ล้านคน ส่วนแรงงานระดับล่างที่เป็นคนไทย ยอมรับว่ายังเข้ามาในระบบไม่มาก เพราะส่วนหนึ่งมีโครงการของประกันสังคมที่จะให้เงินเดือน 50% ของเงินเดือนเดิมเป็นระยะเวลา 8 เดือน รวมถึงโครงการต้นกล้าอาชีพ
นอกจากนี้ ยังพบว่าแรงงานระดับล่างคนไทยส่วนหนึ่งเริ่มทยอยกลับไปใช้แรงงานในภาคเกษตรกรรมเพิ่มขึ้นเพราะภาคเกษตรหลายชนิดมีราคาที่ดี ทั้งข้าว อ้อย มันสำปะหลัง
อย่างไรก็ตาม โครงการเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาการตกงานในช่วงที่ผ่านมา เมื่อถึงครบกำหนดโครงการแล้วจึงคิดว่ารัฐบาลไม่มีความจำเป็นที่จะต้องต่ออายุให้อีก เพราะขณะนี้มีการเรียกแรงงานเข้ากลับทำงานเพิ่มแล้วและหากเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในช่วงต้นปี 2553 ก็จะมีการทะยอยเรียกแรงงานเพิ่มอีก
นายทวีกิจกล่าวว่า ผลพวงจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำมาตั้งแต่ต้นปีแม้ว่าปลายปีคำสั่งซื้อจะเริ่มกระเตื้องแต่ภาพรวมก็ถือว่าภาคการผลิตส่วนใหญ่ยังในภาวะที่ขาดทุน ดังนั้นประเมินแนวโน้มโรงงานอุตสาหกรรมที่จะพิจารณาปรับขึ้นเงินเดือนสิ้นปีนี้กว่า 70% จะยังไม่มีการปรับขึ้นเงินเดือนและไม่มีการจ่ายโบนัส ยกเว้นบริษัทที่มีผลกำไรชัดเจนและไม่ได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจในช่วงที่ผ่านมาซึ่งคงมีบ้างแต่เป็นจำนวนน้อย
