ชาวไร่อ้อยเตรียมรับทรัพย์ หลัง กบ.เคาะราคาอ้อยขั้นต้นปี 52/53 ที่ 950 บาทต่อตัน (10 ซีซีเอส) แต่ค่าความหวานเฉลี่ยส่วนใหญ่สูงถึง 12 เซนต์ต่อปอนด์ รับเต็มๆ ทะลุ 1,000 บาทต่อตัน ขณะที่ขั้นสุดท้าย 51/52 ไม่น้อยหน้าแต่ต้องรอลุ้น กอน.จะหักเข้ากองทุน 15 บาทต่อตัน ตามระเบียบหรือไม่ พร้อมจัดสรรน้ำตาบบริโภคในประเทศ 21 ล้านกระสอบ สูงขึ้นป้องกันตึงตัว
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย (กบ.) วานนี้ (4 พ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 ที่ 950 บาทต่อตัน (ความหวาน 10 ซีซีเอส) โดยคำนวณจากองค์ประกอบหลัก คือ ราคาน้ำตาลทรายดิบโควตา ข.ที่ 19.75 เซนต์ต่อปอนด์ และอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยราคาอ้อยขั้นต้นดังกล่าวถือเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2551/2552 กบ.ได้มีมติเห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว อยู่ที่ระดับ 918 บาทต่อตัน (10 ซีซีเอส) แต่เฉลี่ยค่าความหวานของอ้อยที่ผลิตได้อยู่ที่ระดับ 12.28 ซีซีเอส หรือคำนวณเป็นราคาอ้อยขั้นสุดท้ายที่ 1,043 บาทต่อตัน แต่ตามมติ ครม.และระเบียบของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) กำหนดไว้หากราคาอ้อยขั้นสุดท้ายสูงกว่าขั้นต้นจะต้องหักค่าอ้อยขั้นต่ำอย่างน้อย 15 บาทต่อตัน เพื่อนำเงินส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) ชำระหนี้ ดังนั้น จึงต้องรอ กอน.เห็นชอบในเรื่องนี้ว่าจะหักตามระเบียบหรือหากไม่หักก็จะต้องให้ ครม.เห็นชอบ
“ราคาอ้อยขั้นต้นปี 2551/2552 อยู่ที่ 830 บาทต่อตันปี 2552/2553 สูงถึง 950 บาทต่อตัน ซึ่งหากความหวานมากกว่า 10 ซีซีเอส ก็จะได้รับค่าอ้อยแตะพันบาทต่อตัน ซึ่งปีนี้ฤดูหนาวมาเร็วทำให้การสะสมความหวานของอ้อยมีมากขึ้น คาดว่า ซีซีเอสเฉลี่ยน่าจะสูงระดับ 12.1 ซีซีเอส ขณะที่ราคาขั้นสุดท้ายก็ถือว่าสูงจึงถือว่าเป็นปีทองของชาวไร่” นายประเสริฐ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบ.ยังเห็นชอบการจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 โดยกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ (โควตา ก.) ที่ 21 ล้านกระสอบ น้ำตาลทรายดิบโควตา ข.8 ล้านกระสอบ และน้ำตาลทรายโควตา ค.47.17 ล้านกระสอบ โดยปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2551/2552 จำนวน 2 ล้านกระสอบ เนื่องจากเกรงว่าจะตึงตัวเนื่องจากราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกค่อนข้างสูงอาจส่งผลให้ผู้ส่งออกที่เคยใช้น้ำตาลทรายโควตา ค.หันมาใช้โควตาก.เพิ่มขึ้น
**รง.เริ่มทยอยเปิดหีบ 24 พ.ย.
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบกำหนดวันเปิดหีบอ้อยของโรงงานทั้งหมด 46 แห่ง โดยภาคเหนือจะเริ่มเปิดช่วง 24-30 พ.ย.2552 ภาคกลางเริ่มทยอยเปิด 20 พ.ย.-7 ธ.ค.2552 ภาคตะวันออก 1 ธ.ค.เป็นส่วนใหญ่และภาคอีสานวันที่ 24 พ.ย.โดยคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 71.44 ล้านตัน จากปีก่อนที่ 66.46 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม มติต่างๆ ที่ กบ.เห็นชอบจะต้องเสนอ กอน.อนุมัติ ซึ่งขณะนี้การตั้งคณะกรรมการ กอน.รอส่วนของตัวแทนจากฝ่ายข้าราชการประจำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ส่งมาซึ่งคาดว่าจะจบได้เร็วๆ นี้
นายประเสริฐ ตปนียางกูร เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (สอน.) เปิดเผยหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารอ้อยและน้ำตาลทราย (กบ.) วานนี้ (4 พ.ย.) ว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบราคาอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 ที่ 950 บาทต่อตัน (ความหวาน 10 ซีซีเอส) โดยคำนวณจากองค์ประกอบหลัก คือ ราคาน้ำตาลทรายดิบโควตา ข.ที่ 19.75 เซนต์ต่อปอนด์ และอัตราแลกเปลี่ยนที่ 33 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ โดยราคาอ้อยขั้นต้นดังกล่าวถือเป็นราคาสูงสุดเป็นประวัติการณ์
สำหรับราคาอ้อยขั้นสุดท้ายปี 2551/2552 กบ.ได้มีมติเห็นชอบไปก่อนหน้านี้แล้ว อยู่ที่ระดับ 918 บาทต่อตัน (10 ซีซีเอส) แต่เฉลี่ยค่าความหวานของอ้อยที่ผลิตได้อยู่ที่ระดับ 12.28 ซีซีเอส หรือคำนวณเป็นราคาอ้อยขั้นสุดท้ายที่ 1,043 บาทต่อตัน แต่ตามมติ ครม.และระเบียบของคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) กำหนดไว้หากราคาอ้อยขั้นสุดท้ายสูงกว่าขั้นต้นจะต้องหักค่าอ้อยขั้นต่ำอย่างน้อย 15 บาทต่อตัน เพื่อนำเงินส่งเข้ากองทุนอ้อยและน้ำตาลทราย (กท.) ชำระหนี้ ดังนั้น จึงต้องรอ กอน.เห็นชอบในเรื่องนี้ว่าจะหักตามระเบียบหรือหากไม่หักก็จะต้องให้ ครม.เห็นชอบ
“ราคาอ้อยขั้นต้นปี 2551/2552 อยู่ที่ 830 บาทต่อตันปี 2552/2553 สูงถึง 950 บาทต่อตัน ซึ่งหากความหวานมากกว่า 10 ซีซีเอส ก็จะได้รับค่าอ้อยแตะพันบาทต่อตัน ซึ่งปีนี้ฤดูหนาวมาเร็วทำให้การสะสมความหวานของอ้อยมีมากขึ้น คาดว่า ซีซีเอสเฉลี่ยน่าจะสูงระดับ 12.1 ซีซีเอส ขณะที่ราคาขั้นสุดท้ายก็ถือว่าสูงจึงถือว่าเป็นปีทองของชาวไร่” นายประเสริฐ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุม กบ.ยังเห็นชอบการจัดสรรปริมาณอ้อยขั้นต้นฤดูการผลิตปี 2552/2553 โดยกำหนดปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศ (โควตา ก.) ที่ 21 ล้านกระสอบ น้ำตาลทรายดิบโควตา ข.8 ล้านกระสอบ และน้ำตาลทรายโควตา ค.47.17 ล้านกระสอบ โดยปริมาณน้ำตาลทรายบริโภคในประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากฤดูการผลิตปี 2551/2552 จำนวน 2 ล้านกระสอบ เนื่องจากเกรงว่าจะตึงตัวเนื่องจากราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกค่อนข้างสูงอาจส่งผลให้ผู้ส่งออกที่เคยใช้น้ำตาลทรายโควตา ค.หันมาใช้โควตาก.เพิ่มขึ้น
**รง.เริ่มทยอยเปิดหีบ 24 พ.ย.
ขณะเดียวกัน ที่ประชุมยังเห็นชอบกำหนดวันเปิดหีบอ้อยของโรงงานทั้งหมด 46 แห่ง โดยภาคเหนือจะเริ่มเปิดช่วง 24-30 พ.ย.2552 ภาคกลางเริ่มทยอยเปิด 20 พ.ย.-7 ธ.ค.2552 ภาคตะวันออก 1 ธ.ค.เป็นส่วนใหญ่และภาคอีสานวันที่ 24 พ.ย.โดยคาดว่าจะมีปริมาณอ้อยเข้าหีบ 71.44 ล้านตัน จากปีก่อนที่ 66.46 ล้านตัน อย่างไรก็ตาม มติต่างๆ ที่ กบ.เห็นชอบจะต้องเสนอ กอน.อนุมัติ ซึ่งขณะนี้การตั้งคณะกรรมการ กอน.รอส่วนของตัวแทนจากฝ่ายข้าราชการประจำของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กับกระทรวงพาณิชย์ ส่งมาซึ่งคาดว่าจะจบได้เร็วๆ นี้