ASTVผู้จัดการรายวัน- ผวาโรงงานกลุ่มวังขนายเบี้ยวจ่ายเงินค่าอ้อยซ้ำรอยอดีต “ชาวไร่”รีบตบเท้าวอนรัฐเร่งออกมาตรการให้อนท.รับจำนำด่วนก่อนถึงฤดูเปิดหีบกลางพ.ย.นี้ ขณะที่อนท.ขายน้ำตาลล่วงหน้าปี 2554 แล้วเคาะที่ 20.55 เซนต่อปอนด์
นายกำธรกิตติ โชคทรัพย์ เลขาธิการสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้นำตัวแทนชาวไร่อ้อยเข้าหารือกับนายอนุสรณ์ เนื่องผลมาก รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเนื่องจากกลุ่มชาวไร่อ้อยดังกล่าวได้รับผลกระทบจากกรณีของโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย 2 แห่งคือ มหาสารคาม และอู่ทองมีปัญหาสภาพคล่องจึงต้องการให้บอร์ดกองทุนฯพิจารณาแนวทางช่วยเหลือด้วยการเข้ามารับจำนำน้ำตาลเพื่อจ่ายเงินค่าอ้อยให้ชาวไร่แทน
ทั้งนี้โรงงานน้ำตาลวังขนายมีการปรับโครงสร้างหนี้และบมจ.นครหลวงไทยเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่จากการเจรจาทางธนาคารนครหลวงไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับ 2 โรงงานซึ่งจะส่งผลกระทบให้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าอ้อยให้กับชาวไร่ได้เมื่อถึงฤดูการหีบอ้อยช่วงกลางพ.ย.ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องขอให้ทางภาครัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือไว้ก่อน
“ เราคงจะใช้วิธีเดิมคือให้กองทุนอ้อยฯรับจำนำน้ำตาลทั้งหมดแล้วจ่ายเงินตรงให้กับชาวไร่อ้อยไม่เกี่ยวกับโรงงานอะไรเพราะเป็นแนวทางที่ดำเนินการมาแล้วที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาแต่ต้องการให้รัฐออกมาตรการไว้ก่อนที่จะเปิดหีบซึ่งหากไม่ช่วยเหลือการจะส่งอ้อยข้ามไปยังโรงงานอื่นจะถูกพ่อค้ากดราคาได้และระยะทางขนส่งก็ไกลไม่คุ้มซึ่งนายอนุสรณ์ได้รับปากไว้ว่าไม่มีปัญหาแต่ตามระเบียบจะต้องให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.)สรุปแนวทางก่อน”นายกำธรกล่าว
นายกำธรกล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกยังคงมีทิศทางที่สูงขึ้นดังนั้นจึงประเมินว่าราคาน้ำตาลน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกราว 4-5 ปีจึงทำให้มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)กำหนดให้อนท.สามารถขายน้ำตาลทรายดิบโควตา ข.ล่วงหน้า 2 ฤดูกาล จะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาลปี 52/53 นี้นั้นล่าสุดได้มีการจำหน่ายน้ำตาลล่วงหน้าของปี 2554 บ้างแล้วเล็กน้อยโดยราคาเฉลี่ยที่ทำไว้ประมาณ 20.55 เซนต่อปอนด์ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำตาลทรายของชาวไร่อ้อยมีความมั่นคงมากขึ้น
“เราขายน้ำตาลทรายล่วงหน้าไว้จะเน้นการสร้างราคาที่มีเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับระบบมากกว่าการคำนึงถึงการเก็งกำไรก็จะค่อยๆ พิจารณาราคาที่เหมาะสม”นายกำธรกล่าว
นายกำธรกิตติ โชคทรัพย์ เลขาธิการสหพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ได้นำตัวแทนชาวไร่อ้อยเข้าหารือกับนายอนุสรณ์ เนื่องผลมาก รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะประธานคณะกรรมการกองทุนอ้อยและน้ำตาลทรายเนื่องจากกลุ่มชาวไร่อ้อยดังกล่าวได้รับผลกระทบจากกรณีของโรงงานน้ำตาลกลุ่มวังขนาย 2 แห่งคือ มหาสารคาม และอู่ทองมีปัญหาสภาพคล่องจึงต้องการให้บอร์ดกองทุนฯพิจารณาแนวทางช่วยเหลือด้วยการเข้ามารับจำนำน้ำตาลเพื่อจ่ายเงินค่าอ้อยให้ชาวไร่แทน
ทั้งนี้โรงงานน้ำตาลวังขนายมีการปรับโครงสร้างหนี้และบมจ.นครหลวงไทยเป็นเจ้าหนี้รายใหญ่จากการเจรจาทางธนาคารนครหลวงไม่ปล่อยสินเชื่อให้กับ 2 โรงงานซึ่งจะส่งผลกระทบให้ไม่สามารถจ่ายเงินค่าอ้อยให้กับชาวไร่ได้เมื่อถึงฤดูการหีบอ้อยช่วงกลางพ.ย.ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 1,500 ล้านบาท ดังนั้นจึงต้องขอให้ทางภาครัฐบาลหามาตรการช่วยเหลือไว้ก่อน
“ เราคงจะใช้วิธีเดิมคือให้กองทุนอ้อยฯรับจำนำน้ำตาลทั้งหมดแล้วจ่ายเงินตรงให้กับชาวไร่อ้อยไม่เกี่ยวกับโรงงานอะไรเพราะเป็นแนวทางที่ดำเนินการมาแล้วที่ผ่านมาก็ไม่มีปัญหาแต่ต้องการให้รัฐออกมาตรการไว้ก่อนที่จะเปิดหีบซึ่งหากไม่ช่วยเหลือการจะส่งอ้อยข้ามไปยังโรงงานอื่นจะถูกพ่อค้ากดราคาได้และระยะทางขนส่งก็ไกลไม่คุ้มซึ่งนายอนุสรณ์ได้รับปากไว้ว่าไม่มีปัญหาแต่ตามระเบียบจะต้องให้คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย(กอน.)สรุปแนวทางก่อน”นายกำธรกล่าว
นายกำธรกล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำตาลทรายตลาดโลกยังคงมีทิศทางที่สูงขึ้นดังนั้นจึงประเมินว่าราคาน้ำตาลน่าจะยังคงอยู่ในระดับสูงไปอีกราว 4-5 ปีจึงทำให้มติคณะรัฐมนตรี(ครม.)กำหนดให้อนท.สามารถขายน้ำตาลทรายดิบโควตา ข.ล่วงหน้า 2 ฤดูกาล จะเริ่มตั้งแต่ฤดูกาลปี 52/53 นี้นั้นล่าสุดได้มีการจำหน่ายน้ำตาลล่วงหน้าของปี 2554 บ้างแล้วเล็กน้อยโดยราคาเฉลี่ยที่ทำไว้ประมาณ 20.55 เซนต่อปอนด์ซึ่งจะทำให้ราคาน้ำตาลทรายของชาวไร่อ้อยมีความมั่นคงมากขึ้น
“เราขายน้ำตาลทรายล่วงหน้าไว้จะเน้นการสร้างราคาที่มีเสถียรภาพและความมั่นคงให้กับระบบมากกว่าการคำนึงถึงการเก็งกำไรก็จะค่อยๆ พิจารณาราคาที่เหมาะสม”นายกำธรกล่าว