ASTVผู้จัดการรายวัน-“พรทิวา”ยันเสนอครม.วันนี้ อนุมัติขายแป้งมันสำปะหลังให้จีน 2 แสนตัน แม้จะถูก “กอร์ปศักดิ์” ติดเบรกมาก่อนหน้านี้ ยืนยันได้ทำตามคำสั่งนายกฯ แล้ว โดยสามารถเจรจาต่อรองได้ราคาเพิ่มขึ้น ระบุหากไม่ขายจะทำให้ประเทศเสียเครดิต
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติขายแป้งมันสำปะหลังให้กับบริษัท กวางสี หมิงหยาง ไบโอเคมีคอล ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี อิงค์ รัฐวิสาหกิจของจีน แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) จำนวน 2 แสนตัน หลังจากที่ได้มีการหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในระหว่างการเดินทางไปประชุมสุดยอดแม่โขงที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาเพิ่มขึ้น โดยได้มีการดำเนินการตามนโยบายแล้ว จนสามารถเจรจาให้บริษัทดังกล่าวเพิ่มราคาให้จากเดิมที่ซื้อตันละ 7,950 บาท เป็นตันละ 8 พันกว่าบาท
“จะเสนอให้ครม. พิจารณาอนุมัติขายแป้งมันสำปะหลังจำนวนดังกล่าวให้กับรัฐวิสาหกิจจีน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ให้มาเมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว และได้มีการเจรจากันมาอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็ได้ตกลงขายให้ ซึ่งราคาที่ขายตันละ 7,950 บาท ก็เกินไปจากราคาเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ได้ขายต่ำกว่า และเมื่อมีปัญหา นายกฯ ให้ไปต่อรองเพิ่มก็ให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศไปเจรจา ก็ได้ราคาเพิ่มขึ้นมาอีก รวมแล้วเกินไปกว่าราคาเกณฑ์ถึงตันละ 400 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ดี”นางพรทิวากล่าว
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับครม.ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร แต่กระทรวงพาณิชย์เห็นว่าการขายแป้งมันสำปะหลังล๊อตนี้ให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับไทย และเป็นการเพิ่มตลาดส่งออกให้กับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง แต่หากไม่ขาย ความน่าเชื่อถือก็จะหายไป และเสียเครดิต โดยเครดิตที่เสียไปไม่ใช่ของกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นของประเทศไทย
นอกจากนี้ หากยังไม่สามารถระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังออกไป ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาหัวมันสำปะหลังฤดูการใหม่ที่จะทยอยออกมาในช่วงเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ จากการที่เก็บสต๊อกไว้มาก และยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเดือนละหลายสิบล้านบาทด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาระบุว่าครม. ไม่อนุมัติให้ขายแป้งมันสำปะหลังจำนวน 2 แสนตัน ในรูปแบบจีทูจีให้กับจีน ทั้งๆ ที่ในวันนั้น ครม. ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ จนทำให้นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ได้ออกมาให้ข่าวว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องนายกอร์ปศักดิ์ และเลขาธิการครม. ในข้อหาทำมติครม. อันเป็นเท็จ และเรียกร้องให้ครม. ร่วมกันคัดค้านมติดังกล่าว จนทำให้ถูกมองว่านายกอร์ปศักดิ์กับกระทรวงพาณิชย์ เกิดอาการไม่กินเส้นกันขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหากรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ได้สั่งเลื่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) จากวันที่ 6 พ.ย.ไปเป็นวันที่ 19 พ.ย. จนกระทรวงพาณิชย์ต้องออกมาโวยวายว่า ทำให้ไม่สามารถกำหนดท่าทีของประเทศในการเจรจากับฟิลิปปินส์ในเรื่องข้าว และทำทีไทยในเรื่องการเปิดเสรีด้านการลงทุนได้ จนเกิดอาการเกาเหลาต่ออีก
แต่ในที่สุดนายกอร์ปศักดิ์ได้ประสานมายังกระทรวงพาณิชย์ว่าจะเลื่อนวันประชุมมาเป็นวันที่ 12 พ.ย.นี้แทน ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้ว
นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า จะเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติขายแป้งมันสำปะหลังให้กับบริษัท กวางสี หมิงหยาง ไบโอเคมีคอล ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี อิงค์ รัฐวิสาหกิจของจีน แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) จำนวน 2 แสนตัน หลังจากที่ได้มีการหารือกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในระหว่างการเดินทางไปประชุมสุดยอดแม่โขงที่ประเทศญี่ปุ่น และได้ขอให้กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาต่อรองเพื่อให้ได้ราคาเพิ่มขึ้น โดยได้มีการดำเนินการตามนโยบายแล้ว จนสามารถเจรจาให้บริษัทดังกล่าวเพิ่มราคาให้จากเดิมที่ซื้อตันละ 7,950 บาท เป็นตันละ 8 พันกว่าบาท
“จะเสนอให้ครม. พิจารณาอนุมัติขายแป้งมันสำปะหลังจำนวนดังกล่าวให้กับรัฐวิสาหกิจจีน เพราะเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ให้มาเมื่อ 6-7 เดือนที่แล้ว และได้มีการเจรจากันมาอย่างต่อเนื่องจนในที่สุดก็ได้ตกลงขายให้ ซึ่งราคาที่ขายตันละ 7,950 บาท ก็เกินไปจากราคาเกณฑ์ที่กำหนด ไม่ได้ขายต่ำกว่า และเมื่อมีปัญหา นายกฯ ให้ไปต่อรองเพิ่มก็ให้อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศไปเจรจา ก็ได้ราคาเพิ่มขึ้นมาอีก รวมแล้วเกินไปกว่าราคาเกณฑ์ถึงตันละ 400 บาท ถือว่าเป็นราคาที่ดี”นางพรทิวากล่าว
อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับครม.ว่าจะมีมติออกมาอย่างไร แต่กระทรวงพาณิชย์เห็นว่าการขายแป้งมันสำปะหลังล๊อตนี้ให้กับรัฐวิสาหกิจของจีน เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือให้กับไทย และเป็นการเพิ่มตลาดส่งออกให้กับผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง แต่หากไม่ขาย ความน่าเชื่อถือก็จะหายไป และเสียเครดิต โดยเครดิตที่เสียไปไม่ใช่ของกระทรวงพาณิชย์ แต่เป็นของประเทศไทย
นอกจากนี้ หากยังไม่สามารถระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังออกไป ก็จะส่งผลกระทบต่อราคาหัวมันสำปะหลังฤดูการใหม่ที่จะทยอยออกมาในช่วงเดือนธ.ค.ที่จะถึงนี้ จากการที่เก็บสต๊อกไว้มาก และยังต้องรับภาระค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษาเดือนละหลายสิบล้านบาทด้วย
รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาระบุว่าครม. ไม่อนุมัติให้ขายแป้งมันสำปะหลังจำนวน 2 แสนตัน ในรูปแบบจีทูจีให้กับจีน ทั้งๆ ที่ในวันนั้น ครม. ไม่ได้มีการพิจารณาในเรื่องนี้ จนทำให้นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ ได้ออกมาให้ข่าวว่าจะเดินหน้าฟ้องร้องนายกอร์ปศักดิ์ และเลขาธิการครม. ในข้อหาทำมติครม. อันเป็นเท็จ และเรียกร้องให้ครม. ร่วมกันคัดค้านมติดังกล่าว จนทำให้ถูกมองว่านายกอร์ปศักดิ์กับกระทรวงพาณิชย์ เกิดอาการไม่กินเส้นกันขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังมีปัญหากรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ได้สั่งเลื่อนการประชุมคณะกรรมการนโยบายเศรษฐกิจระหว่างประเทศ (กนศ.) จากวันที่ 6 พ.ย.ไปเป็นวันที่ 19 พ.ย. จนกระทรวงพาณิชย์ต้องออกมาโวยวายว่า ทำให้ไม่สามารถกำหนดท่าทีของประเทศในการเจรจากับฟิลิปปินส์ในเรื่องข้าว และทำทีไทยในเรื่องการเปิดเสรีด้านการลงทุนได้ จนเกิดอาการเกาเหลาต่ออีก
แต่ในที่สุดนายกอร์ปศักดิ์ได้ประสานมายังกระทรวงพาณิชย์ว่าจะเลื่อนวันประชุมมาเป็นวันที่ 12 พ.ย.นี้แทน ซึ่งเร็วขึ้นกว่าเดิมแล้ว