ASTVผู้จัดการรายวัน- “มาร์ค”หัก “พรทิวา”อีกรอบ งวดนี้มีมติครม.ชัดเจนให้ส่งเรื่องขายแป้งมันจีน 2 แสนตันให้บอร์ดมันสำปะหลังชุด “กอร์ปศักดิ์” พิจารณาก่อน ระบุเหตุผลราคาที่ขายต่ำไป แม้จะเป็นราคามิตรภาพ ก็ควรจะได้ราคาดีกว่านี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้คณะกรรมการมันสำปะหลัง กลับไปทบทวนการเสนอขายแป้งมันสำปะหลัง 200,000 ตัน ให้รัฐวิสาหกิจของจีน เนื่องจากการเจรจาซื้อขายในขณะนี้มีปริมาณค่อนข้างสูง ถ้าซื้อขายราคาต่ำกว่าราคาตลาดจะมีผลกระทบต่อราคาตลาดอย่างแน่นอน จึงต้องให้คณะกรรมการฯ ไปทบทวน เพราะแนวโน้มราคายังขึ้นอยู่ จะทำให้มีช่องว่างระหว่างราคาตลาดกับราคาที่มีการเสนอขึ้นมา ควรไปดูตรงนั้น ที่สำคัญคือถ้าช่องว่างราคามันสูง จะให้คนวิ่งมาซื้อจากรัฐบาลแทนที่จะไปซื้อจากเกษตรกร
“ราคาต้องขยับขึ้นมากกว่านี้ เพราะวันนี้ยังมีช่องว่างพอสมควร ยังมีช่องว่างอีกหลายร้อย ถ้าเป็นเรื่องมิตรภาพก็ไม่ควรให้ห่างจนกระทบตลาด และยังได้เปิดทางเลือกไปด้วยว่าจะไปปรับลดปริมาณลงด้วย เพราะแป้งมันของรัฐบาลเข้าใจว่ามีอยู่ 3 แสนตัน เราต้องพยายามรักษาระดับราคาให้ดีเพื่อประโยชน์เกษตรกร ต้องเข้าใจว่าในหลายประเทศที่เจรจากันอยู่ต้องอิงกับราคาตลาด หากจำเป็นต้องลดหย่อน ครม.ก็ไม่ขัดข้อง”นายอภิสิทธิ์กล่าว
แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม. กล่าวว่า ครม.ได้รับทราบคำชี้แจงของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ถึงการดำเนินการซื้อแป้งมันสำปะหลัง แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) กับบริษัท Guangxi Mingyang Biochemical Scince&Technology Inc.วิสาหกิจจีน ซึ่งขอซื้อแป้งมันสำปะหลัง ปริมาณ 200,000 ตัน ราคา ณ หน้าคลัง 8,010 บาท/ตัน โดยระบุว่า จากการเจรจากับบริษัทดังกล่าว สามารถเพิ่มราคา ณ หน้าคลังได้อีก 90 บาท/ตัน จากเดิม 7,920 บาท/ตัน
ทั้งนี้ นางพรทิวา ระบุว่า การที่เสนอการดำเนินการครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลอะไร ก็แล้วแต่ครม.ที่จะพิจารณาอนุมัติหรือไม่ โดยยืนยันว่า ราคาที่ได้ถือว่าเป็นราคามิตรภาพ ขณะที่เลขาธิการสภาพัฒน์ กลับเห็นต่างว่า ราคาที่เสนอมายังเป็นราคาที่แตกต่างกันแบบมีนัยยะสำคัญ เรื่องนี้น่าจะเสนอคณะกรรมการมันสำปะหลังแห่งชาติ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธานพิจารณากับผู้ทรงคุณวุฒิด้านนี้ก่อน ประกอบกับราคา ณ ปัจจุบันก็ไม่มีการรายงานให้ ครม.รับทราบในวันนี้
อย่างไรก็ตาม พอมาถึงตอนนี้ นายกฯ เห็นว่า เท่าที่ทราบขณะนี้รัฐบาลมีแป้งมันมันสำปะหลังอยู่ในมือกว่า 300,000 ตัน และราคาหน้าคลัง ณ ปัจจุบันก็น่าจะสูงขึ้นอีก การที่กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาได้ในราคามิตรภาพ แม้ราคาจะเป็นราคาแบบมิตรภาพ แต่ราคาในตลาดปัจจุบันสูง ก็ควรจะขายได้ราคาสูงกว่านี้
แหล่งข่าว ระบุว่า ข้อเท็จจริงที่มีการนำเสนอในครม. ยืนยันว่า รัฐวิสาหกิจจีน จะนำแป้งมันไปผลิตเป็นเอทานอล รัฐบาลไทยไม่ควรที่จะขายในราคาที่ถูก หากจะแสวงหากำไรจากแป้งมันที่ถืออยู่ ขณะเดียวกัน แป้งมันที่อยู่ในสต๊อก รัฐบาลสามารถเก็บไว้ขายได้ ไม่จำเป็นต้องรีบขาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันในหลักการนี้
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้คณะกรรมการมันสำปะหลัง กลับไปทบทวนการเสนอขายแป้งมันสำปะหลัง 200,000 ตัน ให้รัฐวิสาหกิจของจีน เนื่องจากการเจรจาซื้อขายในขณะนี้มีปริมาณค่อนข้างสูง ถ้าซื้อขายราคาต่ำกว่าราคาตลาดจะมีผลกระทบต่อราคาตลาดอย่างแน่นอน จึงต้องให้คณะกรรมการฯ ไปทบทวน เพราะแนวโน้มราคายังขึ้นอยู่ จะทำให้มีช่องว่างระหว่างราคาตลาดกับราคาที่มีการเสนอขึ้นมา ควรไปดูตรงนั้น ที่สำคัญคือถ้าช่องว่างราคามันสูง จะให้คนวิ่งมาซื้อจากรัฐบาลแทนที่จะไปซื้อจากเกษตรกร
“ราคาต้องขยับขึ้นมากกว่านี้ เพราะวันนี้ยังมีช่องว่างพอสมควร ยังมีช่องว่างอีกหลายร้อย ถ้าเป็นเรื่องมิตรภาพก็ไม่ควรให้ห่างจนกระทบตลาด และยังได้เปิดทางเลือกไปด้วยว่าจะไปปรับลดปริมาณลงด้วย เพราะแป้งมันของรัฐบาลเข้าใจว่ามีอยู่ 3 แสนตัน เราต้องพยายามรักษาระดับราคาให้ดีเพื่อประโยชน์เกษตรกร ต้องเข้าใจว่าในหลายประเทศที่เจรจากันอยู่ต้องอิงกับราคาตลาด หากจำเป็นต้องลดหย่อน ครม.ก็ไม่ขัดข้อง”นายอภิสิทธิ์กล่าว
แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม. กล่าวว่า ครม.ได้รับทราบคำชี้แจงของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ถึงการดำเนินการซื้อแป้งมันสำปะหลัง แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) กับบริษัท Guangxi Mingyang Biochemical Scince&Technology Inc.วิสาหกิจจีน ซึ่งขอซื้อแป้งมันสำปะหลัง ปริมาณ 200,000 ตัน ราคา ณ หน้าคลัง 8,010 บาท/ตัน โดยระบุว่า จากการเจรจากับบริษัทดังกล่าว สามารถเพิ่มราคา ณ หน้าคลังได้อีก 90 บาท/ตัน จากเดิม 7,920 บาท/ตัน
ทั้งนี้ นางพรทิวา ระบุว่า การที่เสนอการดำเนินการครั้งนี้ ไม่ได้หวังผลอะไร ก็แล้วแต่ครม.ที่จะพิจารณาอนุมัติหรือไม่ โดยยืนยันว่า ราคาที่ได้ถือว่าเป็นราคามิตรภาพ ขณะที่เลขาธิการสภาพัฒน์ กลับเห็นต่างว่า ราคาที่เสนอมายังเป็นราคาที่แตกต่างกันแบบมีนัยยะสำคัญ เรื่องนี้น่าจะเสนอคณะกรรมการมันสำปะหลังแห่งชาติ ที่มีนายกอร์ปศักดิ์ เป็นประธานพิจารณากับผู้ทรงคุณวุฒิด้านนี้ก่อน ประกอบกับราคา ณ ปัจจุบันก็ไม่มีการรายงานให้ ครม.รับทราบในวันนี้
อย่างไรก็ตาม พอมาถึงตอนนี้ นายกฯ เห็นว่า เท่าที่ทราบขณะนี้รัฐบาลมีแป้งมันมันสำปะหลังอยู่ในมือกว่า 300,000 ตัน และราคาหน้าคลัง ณ ปัจจุบันก็น่าจะสูงขึ้นอีก การที่กระทรวงพาณิชย์ไปเจรจาได้ในราคามิตรภาพ แม้ราคาจะเป็นราคาแบบมิตรภาพ แต่ราคาในตลาดปัจจุบันสูง ก็ควรจะขายได้ราคาสูงกว่านี้
แหล่งข่าว ระบุว่า ข้อเท็จจริงที่มีการนำเสนอในครม. ยืนยันว่า รัฐวิสาหกิจจีน จะนำแป้งมันไปผลิตเป็นเอทานอล รัฐบาลไทยไม่ควรที่จะขายในราคาที่ถูก หากจะแสวงหากำไรจากแป้งมันที่ถืออยู่ ขณะเดียวกัน แป้งมันที่อยู่ในสต๊อก รัฐบาลสามารถเก็บไว้ขายได้ ไม่จำเป็นต้องรีบขาย ซึ่งนายกรัฐมนตรีก็ยืนยันในหลักการนี้