“พาณิชย์”เปิดศึกฉะ “กอร์ปศักดิ์” อีกรอบ หลังเลขาครม.ออกหนังสือเวียนมติครม.วันที่ 3 พ.ย.ให้เร่งขายมันเส้นในประเทศ-ส่งออก แต่ไม่ขายแป้งมันให้จีน เป็นเท็จ เหตุครม.ไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ และ“พรทิวา” ไม่ได้เสนอเรื่องเข้าที่ประชุม ถามกลับเป็นมติออกมาได้ยังไง ส่อไม่ชอบมาพากล ยันยังไม่รายงานครม.จนกว่าจะหารือลงตัว “อลงกรณ์” ร่วมยัน ครม.ไม่ได้พิจารณาจริง
นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ที่ไม่อนุมัติขายแป้งมันสำปะหลัง 200,000 ตันแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับบริษัท กวางสี หมิงหยาง ไบโอเคมีคอล ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี อิงค์ รัฐวิสาหกิจของจีนว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ลงนามในหนังสือเวียนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ครม.เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดระบายมันเส้น และแป้งมัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่อนุมัติขายมันเส้นเพื่อส่งออกให้ผู้ผ่านเกณฑ์ 8 ราย ปริมาณ 340,000 มูลค่า 1,655 ล้านบาท และขายในประเทศให้ผู้ผ่านเกณฑ์ 3 ราย กว่า 100,000 ตัน แต่ไม่ขายแป้งมัน 200,000 ตันให้รัฐวิสาหกิจของจีน เพราะเสนอราคาต่ำกว่าตันละ 8,000 บาท และไม่ขายในประเทศ
ทั้งนี้ การจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของครม.เจ้าของเรื่องคือ กระทรวงพาณิชย์ต้องเป็นผู้เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ลงนามร่วมด้วย จากนั้น นายกรัฐมนตรีจึงจะลงนามอีกครั้ง เพื่อบรรจุเป็นวาระพิจารณา แต่เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในแฟ้มงานของรมว.พาณิชย์อยู่เลย ไม่ได้ส่งเรื่องให้ครม.พิจารณา แล้วจะมาอ้างว่า เป็นมติครม.ได้ยังไง นายกอร์ปศักดิ์ แจ้งต่อครม.ปากเปล่าหรือ ทั้งๆ ที่เป็นการขายทรัพย์สินของประเทศชาติมูลค่ามากถึง 2,600 ล้านบาท ต่างจากการขาย 5 ครั้งที่ผ่านมา ที่มีกระบวนการจัดทำเอกสารเสนอเข้าที่ประชุมอย่างถูกต้อง
“หนังสือเวียนมติครม.ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรม เพราะในการประชุมครม.วันที่ 3 พ.ย. นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ไม่ได้เสนอเรื่องดังกล่าวบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาของครม. ดังนั้น ครม.จึงยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว แล้วเลขาธิการครม.จะมาเวียนมติครม.ได้อย่างไร”นายธนพรกล่าว
นายธนพร กล่าวว่า อยากวิงวอนให้รัฐมนตรีทุกท่านที่ได้เห็นหนังสือเวียนมติฉบับนี้แล้ว ควรแสดงจุดยืนว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว และยังไม่เห็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ การดำเนินการดังกล่าว ถือว่านายกอร์ปศักดิ์ ได้เอาตัวครม.ทั้งหมดมามีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำของตนเองเพียงคนเดียว โดยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย ซึ่งตนจะดำเนินการตามกฎหมายกับทุกคน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด เพราะถือว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือเวียนมติครม.ดังกล่าวยังระบุให้กระทรวงพาณิชย์นำรายละเอียดของมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 2 พ.ย.นำเสนอครม.รับทราบในการประชุมวันที่ 10 พ.ย.นี้ด้วย แต่กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า จะยังไม่นำเรื่องเข้าสู่ครม.จนกว่า จะมีความชัดเจน หลังจากที่นางพรทิวา หารือเพื่อทำความเข้าใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแล้วเท่านั้น อีกทั้ง หากจะนำเข้าครม.ก็ต้องเพื่อพิจารณา ไม่ใช่เพื่อทราบเพียงอย่างเดียว
“ไม่เข้าใจว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีวัตถุประสงค์ใดที่ดำเนินการเช่นนี้ หากมีข้อมูลว่า บริษัทดังกล่าวไม่โปร่งใส หรือซื้อสินค้าจากไทยแล้วจะไปขายต่อให้บริษัทจีนก็ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่การทำเช่นนี้ ทำให้กระทรวงพาณิชย์สับสนว่า รัฐบาลจะยังมีนโยบายขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลแบบจีทูจีอีกหรือไม่ หากไม่มีก็แจ้งมาให้ชัดเจน กระทรวงพาณิชย์จะได้หยุดการเจรจากับประเทศอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจาขายข้าวกับหลายประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังกับจีน”นายธนพรกล่าว
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมครม.วันที่ 3 พ.ย. นายกอร์ปศักดิ์ ได้ถามในที่ประชุมว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เสนอการขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือ ซึ่งตนได้ตอบไปว่า รมว.พาณิชย์ไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม หากเลขาธิการครม.จะทำหนังสือเวียนมติครม.ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ประชุมกันจะมีมติออกมาได้อย่างไร
นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยถึงความไม่ชอบมาพากลของนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ที่ไม่อนุมัติขายแป้งมันสำปะหลัง 200,000 ตันแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับบริษัท กวางสี หมิงหยาง ไบโอเคมีคอล ไซแอนซ์ แอนด์ เทคโนโลยี อิงค์ รัฐวิสาหกิจของจีนว่า เมื่อวันที่ 5 พ.ย.ที่ผ่านมา นายสุรชัย ภู่ประเสริฐ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ได้ลงนามในหนังสือเวียนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ครม.เห็นชอบให้กระทรวงพาณิชย์เร่งรัดระบายมันเส้น และแป้งมัน ตามมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 2 พ.ย. ที่อนุมัติขายมันเส้นเพื่อส่งออกให้ผู้ผ่านเกณฑ์ 8 ราย ปริมาณ 340,000 มูลค่า 1,655 ล้านบาท และขายในประเทศให้ผู้ผ่านเกณฑ์ 3 ราย กว่า 100,000 ตัน แต่ไม่ขายแป้งมัน 200,000 ตันให้รัฐวิสาหกิจของจีน เพราะเสนอราคาต่ำกว่าตันละ 8,000 บาท และไม่ขายในประเทศ
ทั้งนี้ การจะนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาของครม.เจ้าของเรื่องคือ กระทรวงพาณิชย์ต้องเป็นผู้เสนอเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม โดยมีนายกอร์ปศักดิ์ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ลงนามร่วมด้วย จากนั้น นายกรัฐมนตรีจึงจะลงนามอีกครั้ง เพื่อบรรจุเป็นวาระพิจารณา แต่เรื่องดังกล่าวยังอยู่ในแฟ้มงานของรมว.พาณิชย์อยู่เลย ไม่ได้ส่งเรื่องให้ครม.พิจารณา แล้วจะมาอ้างว่า เป็นมติครม.ได้ยังไง นายกอร์ปศักดิ์ แจ้งต่อครม.ปากเปล่าหรือ ทั้งๆ ที่เป็นการขายทรัพย์สินของประเทศชาติมูลค่ามากถึง 2,600 ล้านบาท ต่างจากการขาย 5 ครั้งที่ผ่านมา ที่มีกระบวนการจัดทำเอกสารเสนอเข้าที่ประชุมอย่างถูกต้อง
“หนังสือเวียนมติครม.ดังกล่าว เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง และไม่ชอบธรรม เพราะในการประชุมครม.วันที่ 3 พ.ย. นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ ไม่ได้เสนอเรื่องดังกล่าวบรรจุเป็นวาระเพื่อพิจารณาของครม. ดังนั้น ครม.จึงยังไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว แล้วเลขาธิการครม.จะมาเวียนมติครม.ได้อย่างไร”นายธนพรกล่าว
นายธนพร กล่าวว่า อยากวิงวอนให้รัฐมนตรีทุกท่านที่ได้เห็นหนังสือเวียนมติฉบับนี้แล้ว ควรแสดงจุดยืนว่า ในการประชุมครม.เมื่อวันที่ 3 พ.ย.ไม่มีการพิจารณาเรื่องดังกล่าว และยังไม่เห็นเอกสารเกี่ยวกับเรื่องนี้ด้วยซ้ำ การดำเนินการดังกล่าว ถือว่านายกอร์ปศักดิ์ ได้เอาตัวครม.ทั้งหมดมามีส่วนรับผิดชอบกับการกระทำของตนเองเพียงคนเดียว โดยที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วยเลย ซึ่งตนจะดำเนินการตามกฎหมายกับทุกคน และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างถึงที่สุด เพราะถือว่าเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
อย่างไรก็ตาม ในหนังสือเวียนมติครม.ดังกล่าวยังระบุให้กระทรวงพาณิชย์นำรายละเอียดของมติคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง เมื่อวันที่ 2 พ.ย.นำเสนอครม.รับทราบในการประชุมวันที่ 10 พ.ย.นี้ด้วย แต่กระทรวงพาณิชย์ยืนยันว่า จะยังไม่นำเรื่องเข้าสู่ครม.จนกว่า จะมีความชัดเจน หลังจากที่นางพรทิวา หารือเพื่อทำความเข้าใจกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีแล้วเท่านั้น อีกทั้ง หากจะนำเข้าครม.ก็ต้องเพื่อพิจารณา ไม่ใช่เพื่อทราบเพียงอย่างเดียว
“ไม่เข้าใจว่า นายกอร์ปศักดิ์ มีวัตถุประสงค์ใดที่ดำเนินการเช่นนี้ หากมีข้อมูลว่า บริษัทดังกล่าวไม่โปร่งใส หรือซื้อสินค้าจากไทยแล้วจะไปขายต่อให้บริษัทจีนก็ร้องทุกข์กล่าวโทษ แต่การทำเช่นนี้ ทำให้กระทรวงพาณิชย์สับสนว่า รัฐบาลจะยังมีนโยบายขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลแบบจีทูจีอีกหรือไม่ หากไม่มีก็แจ้งมาให้ชัดเจน กระทรวงพาณิชย์จะได้หยุดการเจรจากับประเทศอื่นๆ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการเจรจาขายข้าวกับหลายประเทศ รวมถึงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังกับจีน”นายธนพรกล่าว
นายอลงกรณ์ พลบุตร รมช.พาณิชย์ กล่าวว่า ในการประชุมครม.วันที่ 3 พ.ย. นายกอร์ปศักดิ์ ได้ถามในที่ประชุมว่า กระทรวงพาณิชย์ไม่ได้เสนอการขายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังหรือ ซึ่งตนได้ตอบไปว่า รมว.พาณิชย์ไม่ได้นำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม หากเลขาธิการครม.จะทำหนังสือเวียนมติครม.ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่ได้ประชุมกันจะมีมติออกมาได้อย่างไร