ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ ถึงกรณีที่นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี ด้านเศรษฐกิจ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ไม่ขายแป้งมัน 200,000 ตันแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ให้กับรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ในวันที่ 9 พ.ย.นี้ นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษา นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย จะเดินทางไปยังสถานีตำรวจนครบาลดุสิต เพื่อแจ้งความดำเนินคดีกับนายกอร์ปศักดิ์ และข้าราชการที่เกี่ยวข้อง กรณีออกหนังสือเวียนมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 3 พ.ย.ที่ผ่านมา
โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ครม.ได้พิจารณาตามที่คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ ที่จะไม่ขายแป้งมัน 200,000 ตันให้รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน และไม่ขายให้ผู้ใช้ในประเทศ แต่ขายมันเส้นทั้งในประเทศ และเพื่อส่งออก ให้กับผู้ผ่านเกณฑ์ราคา ทั้งที่การประชุมครม.วันที่ 3 พ.ย.ไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยจะฟ้องร้องในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนในวันที่ 10-11 พ.ย.จะเข้ายื่นฟ้องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในข้อหาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครม.วันที่ 10 พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติขายมันสำปะหลังให้สาธารณรัฐประชาชนจีนแบบจีทูจี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลแบบจีทูจี รวมถึงให้พิจารณาอนุมัติขายให้ผู้ซื้อในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ว่า ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ขอให้ชะลอการระบายสินค้ามันสำปะหลัง แบบจีทูจี ให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 แสนตัน ในราคาเฉลี่ย 7,950 บาท/ตัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นราคาขายที่ต่ำไป จึงเห็นควรให้มีการชะลอไว้ก่อน และให้ไปเจราจากับทางรัฐบาลจีนอีกครั้ง เพราะกังวลว่าหากขายถูกไปในล็อตนี้ อาจทำให้ล็อตที่เหลืออยู่ราคาลดลงไปด้วย ซึ่งการซื้อขายครั้งนี้จีนทำในนามของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีน จึงถือเป็นการขายแบบจีทูจี”
นายกอร์ปศักดิ์ ระบุว่า การชะลอครั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนกับความสัมพันธ์ ของทั้ง 2 ประเทศ เพราะ อยากให้ประเทศได้ผลประโยชน์สูงสุด
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ครม.ยังได้เห็นชอบตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ที่อนุมัติให้มีการส่งออกมันเส้นไปยังต่างประเทศให้มากที่สุดก่อนแล้วค่อยนำมาใช้ในประเทศ โดยในส่วนของมันเส้น เพื่อการส่งออก มีผู้เสนอมา 18 รายแต่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเพียง 8 ราย จำนวน 3.4 แสนตัน ราคาเฉลี่ย 4,800 บาทต่อตัน รวมทั้งสิ้น 1655 ล้านบาท ซึ่งได้ราค่อนข้างดีมากกว่ามันเส้นที่ใช้ในประเทศ ประมาณ 400 บาทต่อตัน
ในส่วนของแป้งมันเพื่อการส่งออกมีผู้เสนอมา 9 รายผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 7 ราย แต่มี 1 รายที่เสนอราคาต่ำกว่า 8000 บาท /ตัน ทางครม.จึงอนุมัติเพียง 6 ราย จำนวน 1.3 แสนตัน ราคา เฉลี่ย 8300 บาท/ตันรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้มีรายงานว่าในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายกอร์ปศักดิ์ เสนอให้ชลอ การระบายมันสำปะหลังทั้งมันเส้นและแป้งมันไปยังจีน เนื่องจาก นายกอร์ปศักดิ์ เห็นว่า ทำไมต้องสงสารประเทศจีนแต่หากจำหน่ายให้กับประเทศที่ยากจนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีของจีนสามารถที่จะซื้อในราคาที่สูงได้ นอกจากนั้นนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการชะลอจึงจะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความชัดเจนต่อนโยบายจีทูจี
โดยหนังสือดังกล่าว ระบุว่า ครม.ได้พิจารณาตามที่คณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลังเสนอ ที่จะไม่ขายแป้งมัน 200,000 ตันให้รัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน และไม่ขายให้ผู้ใช้ในประเทศ แต่ขายมันเส้นทั้งในประเทศ และเพื่อส่งออก ให้กับผู้ผ่านเกณฑ์ราคา ทั้งที่การประชุมครม.วันที่ 3 พ.ย.ไม่ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยจะฟ้องร้องในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ส่วนในวันที่ 10-11 พ.ย.จะเข้ายื่นฟ้องร้องต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แห่งชาติ (ป.ป.ช.) และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ในข้อหาเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครม.วันที่ 10 พ.ย.นี้ กระทรวงพาณิชย์จะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติขายมันสำปะหลังให้สาธารณรัฐประชาชนจีนแบบจีทูจี ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการขายสินค้าเกษตรในสต๊อกรัฐบาลแบบจีทูจี รวมถึงให้พิจารณาอนุมัติขายให้ผู้ซื้อในประเทศด้วย
อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี เคยให้สัมภาษณ์ว่า ครม.มีมติ เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ขอให้ชะลอการระบายสินค้ามันสำปะหลัง แบบจีทูจี ให้กับสาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 2 แสนตัน ในราคาเฉลี่ย 7,950 บาท/ตัน เนื่องจากเห็นว่าเป็นราคาขายที่ต่ำไป จึงเห็นควรให้มีการชะลอไว้ก่อน และให้ไปเจราจากับทางรัฐบาลจีนอีกครั้ง เพราะกังวลว่าหากขายถูกไปในล็อตนี้ อาจทำให้ล็อตที่เหลืออยู่ราคาลดลงไปด้วย ซึ่งการซื้อขายครั้งนี้จีนทำในนามของรัฐวิสาหกิจที่ได้รับการรับรองจากรัฐบาลท้องถิ่นของจีน จึงถือเป็นการขายแบบจีทูจี”
นายกอร์ปศักดิ์ ระบุว่า การชะลอครั้งนี้จะไม่กระทบกระเทือนกับความสัมพันธ์ ของทั้ง 2 ประเทศ เพราะ อยากให้ประเทศได้ผลประโยชน์สูงสุด
นายกอร์ปศักดิ์ กล่าวว่า ครม.ยังได้เห็นชอบตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายมันสำปะหลัง ที่อนุมัติให้มีการส่งออกมันเส้นไปยังต่างประเทศให้มากที่สุดก่อนแล้วค่อยนำมาใช้ในประเทศ โดยในส่วนของมันเส้น เพื่อการส่งออก มีผู้เสนอมา 18 รายแต่ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดเพียง 8 ราย จำนวน 3.4 แสนตัน ราคาเฉลี่ย 4,800 บาทต่อตัน รวมทั้งสิ้น 1655 ล้านบาท ซึ่งได้ราค่อนข้างดีมากกว่ามันเส้นที่ใช้ในประเทศ ประมาณ 400 บาทต่อตัน
ในส่วนของแป้งมันเพื่อการส่งออกมีผู้เสนอมา 9 รายผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 7 ราย แต่มี 1 รายที่เสนอราคาต่ำกว่า 8000 บาท /ตัน ทางครม.จึงอนุมัติเพียง 6 ราย จำนวน 1.3 แสนตัน ราคา เฉลี่ย 8300 บาท/ตันรวมทั้งสิ้นประมาณ 1 พันล้านบาท
ทั้งนี้มีรายงานว่าในการประชุม ครม.เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายกอร์ปศักดิ์ เสนอให้ชลอ การระบายมันสำปะหลังทั้งมันเส้นและแป้งมันไปยังจีน เนื่องจาก นายกอร์ปศักดิ์ เห็นว่า ทำไมต้องสงสารประเทศจีนแต่หากจำหน่ายให้กับประเทศที่ยากจนก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่กรณีของจีนสามารถที่จะซื้อในราคาที่สูงได้ นอกจากนั้นนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ จากพรรคภูมิใจไทย ไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการชะลอจึงจะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เพื่อสอบถามความชัดเจนต่อนโยบายจีทูจี
