สองโมงเช้า “แกนนำพันธมิตรฯ” พบ “มาร์ค” ยื่นหนังสือแก้ข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ด้าน”การเมืองใหม่” หนุน รบ.ยกเลิก MOU และแถลงการณ์ร่วมปี 44 จี้รัฐบาลดู “สื่อเขมร” เริ่มเสนอข่าวพาดพิงสถาบันกษัตริย์ไทย ยำ“แม้ว, จิ๋ว, ฮุนเซน”เป็น 3 เกลอรุ่น 2”บ่อนทำลายชาติ เล็งหากฎหมายฟัน“เพื่อแม้ว”หนุน พระยาละแวกตั้ง “พ่อแม้ว”อาจเป็นภัยความมั่นคง
วันนี้ (9พ.ย.) เวลา 08.30 น. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายพิภพ ธงไชย จะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเสนอความเห็นของแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา
ขณะที่เวลา 13.00 น.วานนี้ (8 พ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร ว่าที่โฆษกพรรคการเมืองใหม่ พร้อมด้วย พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยระบุว่า พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนมาตรการของรัฐบาลในการยกเลิก MOU 2544 และ แถลงการณ์ร่วม 2544 ที่ลงนามโดย นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผู้แทนฝ่ายไทย กับ นายซกอัน ผู้แทนฝ่ายกัมพูชา และ คำแถลงการณ์ร่วมปี 2544 ซึ่งลงนามโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้แทนฝ่ายไทย กับ นายฮุนเซน ผู้แทนฝ่ายกัมพูชา เนื่องจาก MOU และแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว เป็นข้อผูกพันที่มีความสุ่มเสียงต่อการสูญเสียผลประโยชน์ของประเทศไทย เนื่องจากในข้อตกลงตามเอกสารทั้งสองนั้น ได้มีการแนบท้ายแผนที่ทางกัมพูชาเป็นผู้กำหนดเอง โดยแผนที่นั้นได้มีการลากเส้นเขตแดนรุกล้ำอธิปไตยของไทย ดังนั้น หากยังไม่มีการยกเลิกก็เท่ากับเป็นการสุ่มเสี่ยงที่ไทยจะเสียดินแดน รวมถึงผลประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลที่เป็นของไทยได้
อีกทั้งเมื่อ อดีตนายกฯทักษิณ เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเอง แล้วจะไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับทางกัมพูชาอีกนั้น ก็ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะมีการนำความลับของประเทศไปเปิดเผย อันจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อประเทศไทยได้
พรรคการเมืองใหม่ ยังเรียกร้องไปยังรัฐบาล ส.ส. และ ส.ว. ทุกท่านด้วยว่า ในวันจันทร์ที่ 9 นี้ จะมีการพิจารณาข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ ขึ้นมาพิจารณา รวมถึงมีการนำข้อตกลง MOU ปี 2543 ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ลงนามโดย มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา นั้น ทางพรรคการเมืองใหม่อยากเรียกร้องให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างถ้วนถี่ ต้องตอบให้ได้ว่า MOU ปี 2543 นี้ จะไม่นำไปสู่การเสียดินแดนอย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นตราบาป รัฐบาลประชาธิปัตย์ตลอดไป
จี้รบ.ใช้สติแก้ปัญหาไทย-เขมร
นอกจากนี้ ทางพรรคการเมืองใหม่ ยังอยากเรียกร้องไปทางรัฐบาล ให้ดำเนินการกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา อย่างมีสติ ซึ่งแม้ว่าการที่รัฐบาลตอบโต้อย่างกัมพูชา ในเรื่องการแต่งตั้ง นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีนั้น จะเป็นสิ่งที่เหมาะสม จนได้รับความชื่นชมจากประชาชนมากขึ้นโดยเห็นได้จากผลโพลก็ตาม แต่รัฐบาลก็ไม่ควรหยุดอยู่เท่านี้ ยังควรให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในเรื่องนี้กับประชาชนต่อไป ซึ่งขณะนี้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้เร็ว เพราะยิ่งนับวัน กลุ่มผู้ไม่หวังดีก็ยิ่งปล่อยข่าว สร้างความปั่นป่วนต่อชาติ และจาบจ้วงสถาบันกษัติย์ของไทยอยู่อย่างต่อเนื่อง
เห็นได้จากขณะนี้ เริ่มมีการเสนอข่าวจากสื่อมวลชนของกัมพูชา (ซึ่งสื่อทุกสื่อในกัมพูชาเป็นของรัฐบาล) ในลักษณะที่จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ของไทยเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีการกล่าวถึงเรื่องของ อำมาตยธิปไตย หรือรุนแรงไปถึงขั้นที่ระบุว่า ปัญหาในประเทศไทยปัจจุบัน เป็นเรื่องของคนเพียงคนเดียวที่อยากจะรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร มีบทบาทและอำนาจก็ทนไม่ได้ จึงหาเรื่องกลั่นแกล้งและขับไล่ให้พ้นประเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไข
แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ นั้น รัฐบาลก็ควรคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ อย่าให้พี่น้องชาวไทย และกัมพูชา ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันต้องได้รับความเดือดร้อน อย่าให้เรื่องของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร คนเดียว ทำลายประเทศได้ แต่รัฐบาลก็ต้องเร่ง จัดการ อย่าปล่อยให้ “สามเกลอ รุ่น 2” คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และ สมเด็จฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ออกมาสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศไปมากกว่านี้
จี้'เพื่อแม้ว'ทบทวนภัยชาติ
พร้อมกันนี้ ทางพรรคการเมืองใหม่ ยังอยากเรียกร้องไปยัง พรรคเพื่อไทย ให้พิจารณาถึงความเหมาะสม ต่อท่าที ที่มีต่อกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ตั้งนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจด้วยว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยทบทวนเสียใหม่ ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วหรือ กับการที่จะสนับสนุนให้กัมพูชา ตั้งนักโทษหนีคดีเป็นที่ปรึกษา ซึ่งนอกจากจะเป็นการฉีกหน้าระบอบยุติธรรมของประเทศตัวเองแล้ว ยังถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอีกด้วย ซึ่งจากนี้ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ควรเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติจริงหรือไม่ เพราะหากนโยบายของพรรคมีออกมาว่าสมควรสนับสนุนให้กัมพูชาตั้ง นักโทษชายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาแล้ว ย่อมมีความผิดที่ชัดเจนในเรื่องของการเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ แต่หากทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายในเรื่องดังกล่าวแล้ว พรรคเพื่อไทย ควรออกมาขอโทษต่อชาวไทยทั้งชาติ ที่ได้เคยแสดงท่าทีสนับสนุน หรือเห็นดีเห็นงามกับการตั้งนักโทษหนีคดี เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลกัมพูชา
“พิภพ” นำยื่นหนังสือนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่นายพิภพ จะนำเข้ายื่นนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ดำเนินการยกเลิกแผนที่แสดงเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว และ ผลักดันทหารและชาวกัมพูชาออกจากดินแดนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข มีใจความว่า เรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้ใช้โอกาสนี้ดำเนินการทบทวนพันธะผูกพันระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมกับแก้ไขความผิดและความพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
ประการแรก ขอให้ยกเลิก MOU ๒๕๔๓ ที่ได้เริ่มต้นดำเนินการให้ใช้แผนที่มาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ เป็นครั้งแรก โดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอันอาจเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๒๔ อีกทั้งฝ่ายกัมพูชายังได้ละเมิดข้อตกลงใน MOU ๒๕๔๓ ข้อ ๕ เพราะฝ่ายกัมพูชามีการดำเนินการที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เช่น การตัดไม้สร้างถนน สร้างชุมชน สร้างตลาด สร้างวัด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลไทยได้ทำการประท้วงเป็นหลักฐานหลายครั้งแล้ว
ประการที่สอง ขอให้ยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ แถลงการณ์ร่วมฯ ๒๕๔๔ ที่รับรองเส้นเขตแดนทางทะเลที่ไม่ได้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้งรัฐบาลไทยยังได้ดำเนินการโดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอันอาจเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๒๔ เช่นเดียวกัน
ประการที่สาม ขอให้ประกาศยกเลิก แถลงการณ์ร่วมฯ ๒๕๕๑ กับประเทศกัมพูชา คณะกรรมการมรดกโลก และองค์การยูเนสโก อย่างเป็นทางการโดยยกเหตุผลให้ชัดเจนว่ามาจากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคำสั่งศาลปกครองสูงสุด พร้อมทั้งประกาศคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาให้มีความชัดเจน
ประการที่สี่ ขอให้สมาชิกรัฐสภาได้ดำเนินการเพิกถอนมติรัฐสภาเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นมติที่ได้ยอมรับแผนที่ตามมาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ เป็นครั้งแรก อันจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ประการที่ห้า ขอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจยกเลิก TOR ๒๕๔๖ เพราะได้อ้างอิงและใช้แผนที่ตามมาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐
ประการที่หก ขอให้รัฐบาลได้ถอนเรื่องร่างข้อตกลงชั่วคราว ๒๕๕๒ ออกจากการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากรัฐสภา และหยุดนำผลการประชุมของ JBC ทั้ง ๓ ครั้ง ให้ที่ประชุมของรัฐสภาเห็นชอบ และให้สมาชิกรัฐสภาทบทวนพิจารณากรอบการเจรจาเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับชายแดนที่ได้ผ่านการรับรองจากสมาชิกรัฐสภาไปแล้ว
ประการที่เจ็ด ให้รัฐบาลและกองทัพบกดำเนินการปกป้องอธิปไตย โดยอาศัยกฎบัตรสหประชาชาติข้อ ๕๑ และกฎอัยการศึก ทำการผลักดันชาวกัมพูชาที่ได้รุกล้ำและยึดครองพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง ให้ออกจากดินแดนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข
ประการที่แปด ในกรณีที่ประเทศกัมพูชาได้ประกาศแต่งตั้งให้นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษารัฐบาลทางด้านเศรษฐกิจ และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นการย่ำยีหลักนิติรัฐและศาลไทยที่กระทำในพระปรมาภิไธยอย่างร้ายแรง จึงขอให้รัฐบาลไทยได้พิจารณายกเลิกโครงการและงบประมาณที่ช่วยเหลือประเทศกัมพูชาทั้งหมด ตลอดจนพิจารณาหามาตรการอื่นเพื่อกดดันฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติมต่อไป
วันนี้ (9พ.ย.) เวลา 08.30 น. กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดยนายพิภพ ธงไชย จะเข้าพบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะนายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเสนอความเห็นของแกนนำพันธมิตรฯ ทั้ง 5 คนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาข้อพิพาทไทย-กัมพูชา
ขณะที่เวลา 13.00 น.วานนี้ (8 พ.ย.) ที่บ้านพระอาทิตย์ นายสุริยะใส กตะศิลา ว่าที่เลขาธิการพรรคการเมืองใหม่ นายสำราญ รอดเพชร ว่าที่โฆษกพรรคการเมืองใหม่ พร้อมด้วย พล.ร.ท.ประทีป ชื่นอารมณ์ กรรมการบริหารพรรคการเมืองใหม่ ร่วมกันแถลงข่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยระบุว่า พรรคการเมืองใหม่สนับสนุนมาตรการของรัฐบาลในการยกเลิก MOU 2544 และ แถลงการณ์ร่วม 2544 ที่ลงนามโดย นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย ผู้แทนฝ่ายไทย กับ นายซกอัน ผู้แทนฝ่ายกัมพูชา และ คำแถลงการณ์ร่วมปี 2544 ซึ่งลงนามโดย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้แทนฝ่ายไทย กับ นายฮุนเซน ผู้แทนฝ่ายกัมพูชา เนื่องจาก MOU และแถลงการณ์ร่วมดังกล่าว เป็นข้อผูกพันที่มีความสุ่มเสียงต่อการสูญเสียผลประโยชน์ของประเทศไทย เนื่องจากในข้อตกลงตามเอกสารทั้งสองนั้น ได้มีการแนบท้ายแผนที่ทางกัมพูชาเป็นผู้กำหนดเอง โดยแผนที่นั้นได้มีการลากเส้นเขตแดนรุกล้ำอธิปไตยของไทย ดังนั้น หากยังไม่มีการยกเลิกก็เท่ากับเป็นการสุ่มเสี่ยงที่ไทยจะเสียดินแดน รวมถึงผลประโยชน์ทรัพยากรทางทะเลที่เป็นของไทยได้
อีกทั้งเมื่อ อดีตนายกฯทักษิณ เป็นผู้ดำเนินการในเรื่องดังกล่าวเอง แล้วจะไปเป็นที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจให้กับทางกัมพูชาอีกนั้น ก็ย่อมสุ่มเสี่ยงที่จะมีการนำความลับของประเทศไปเปิดเผย อันจะส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อประเทศไทยได้
พรรคการเมืองใหม่ ยังเรียกร้องไปยังรัฐบาล ส.ส. และ ส.ว. ทุกท่านด้วยว่า ในวันจันทร์ที่ 9 นี้ จะมีการพิจารณาข้อตกลงระหว่างประเทศต่างๆ ขึ้นมาพิจารณา รวมถึงมีการนำข้อตกลง MOU ปี 2543 ระหว่างไทยและกัมพูชา ที่ลงนามโดย มรว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เสนอให้ที่ประชุมพิจารณา นั้น ทางพรรคการเมืองใหม่อยากเรียกร้องให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าวอย่างถ้วนถี่ ต้องตอบให้ได้ว่า MOU ปี 2543 นี้ จะไม่นำไปสู่การเสียดินแดนอย่างแน่นอน เพราะไม่เช่นนั้นก็จะเป็นตราบาป รัฐบาลประชาธิปัตย์ตลอดไป
จี้รบ.ใช้สติแก้ปัญหาไทย-เขมร
นอกจากนี้ ทางพรรคการเมืองใหม่ ยังอยากเรียกร้องไปทางรัฐบาล ให้ดำเนินการกรณีความขัดแย้งระหว่างไทยและกัมพูชา อย่างมีสติ ซึ่งแม้ว่าการที่รัฐบาลตอบโต้อย่างกัมพูชา ในเรื่องการแต่งตั้ง นายทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคดีนั้น จะเป็นสิ่งที่เหมาะสม จนได้รับความชื่นชมจากประชาชนมากขึ้นโดยเห็นได้จากผลโพลก็ตาม แต่รัฐบาลก็ไม่ควรหยุดอยู่เท่านี้ ยังควรให้ข้อมูลข่าวสารที่ถูกต้องในเรื่องนี้กับประชาชนต่อไป ซึ่งขณะนี้รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการให้เร็ว เพราะยิ่งนับวัน กลุ่มผู้ไม่หวังดีก็ยิ่งปล่อยข่าว สร้างความปั่นป่วนต่อชาติ และจาบจ้วงสถาบันกษัติย์ของไทยอยู่อย่างต่อเนื่อง
เห็นได้จากขณะนี้ เริ่มมีการเสนอข่าวจากสื่อมวลชนของกัมพูชา (ซึ่งสื่อทุกสื่อในกัมพูชาเป็นของรัฐบาล) ในลักษณะที่จาบจ้วงสถาบันกษัตริย์ของไทยเป็นจำนวนมากอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน มีการกล่าวถึงเรื่องของ อำมาตยธิปไตย หรือรุนแรงไปถึงขั้นที่ระบุว่า ปัญหาในประเทศไทยปัจจุบัน เป็นเรื่องของคนเพียงคนเดียวที่อยากจะรักษาอำนาจไว้ให้นานที่สุด เมื่อ นายทักษิณ ชินวัตร มีบทบาทและอำนาจก็ทนไม่ได้ จึงหาเรื่องกลั่นแกล้งและขับไล่ให้พ้นประเทศ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้ถือเป็นเรื่องร้ายแรง ที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการแก้ไข
แต่อย่างไรก็ตาม การดำเนินการใดๆ นั้น รัฐบาลก็ควรคำนึงถึงความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ อย่าให้พี่น้องชาวไทย และกัมพูชา ที่มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันต้องได้รับความเดือดร้อน อย่าให้เรื่องของนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร คนเดียว ทำลายประเทศได้ แต่รัฐบาลก็ต้องเร่ง จัดการ อย่าปล่อยให้ “สามเกลอ รุ่น 2” คือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ นักโทษชายทักษิณ ชินวัตร และ สมเด็จฮุนเซน ผู้นำกัมพูชา ออกมาสร้างความปั่นป่วนให้ประเทศไปมากกว่านี้
จี้'เพื่อแม้ว'ทบทวนภัยชาติ
พร้อมกันนี้ ทางพรรคการเมืองใหม่ ยังอยากเรียกร้องไปยัง พรรคเพื่อไทย ให้พิจารณาถึงความเหมาะสม ต่อท่าที ที่มีต่อกรณีที่สมเด็จฮุนเซน ตั้งนักโทษชายทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจด้วยว่า ขอให้พรรคเพื่อไทยทบทวนเสียใหม่ ว่าเป็นสิ่งที่เหมาะสมแล้วหรือ กับการที่จะสนับสนุนให้กัมพูชา ตั้งนักโทษหนีคดีเป็นที่ปรึกษา ซึ่งนอกจากจะเป็นการฉีกหน้าระบอบยุติธรรมของประเทศตัวเองแล้ว ยังถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติอีกด้วย ซึ่งจากนี้ ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็ควรเข้ามาร่วมพิจารณาด้วยว่า การกระทำดังกล่าวถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติจริงหรือไม่ เพราะหากนโยบายของพรรคมีออกมาว่าสมควรสนับสนุนให้กัมพูชาตั้ง นักโทษชายทักษิณ เป็นที่ปรึกษาแล้ว ย่อมมีความผิดที่ชัดเจนในเรื่องของการเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ แต่หากทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้มีนโยบายในเรื่องดังกล่าวแล้ว พรรคเพื่อไทย ควรออกมาขอโทษต่อชาวไทยทั้งชาติ ที่ได้เคยแสดงท่าทีสนับสนุน หรือเห็นดีเห็นงามกับการตั้งนักโทษหนีคดี เป็นที่ปรึกษาให้รัฐบาลกัมพูชา
“พิภพ” นำยื่นหนังสือนายกฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับหนังสือที่นายพิภพ จะนำเข้ายื่นนายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ดำเนินการยกเลิกแผนที่แสดงเส้นเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชา มาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ ซึ่งจัดทำขึ้นโดยคณะกรรมการฝรั่งเศสแต่เพียงฝ่ายเดียว และ ผลักดันทหารและชาวกัมพูชาออกจากดินแดนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข มีใจความว่า เรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้ใช้โอกาสนี้ดำเนินการทบทวนพันธะผูกพันระหว่างไทย-กัมพูชา พร้อมกับแก้ไขความผิดและความพลาดที่เกิดขึ้นในอดีตด้วยแนวทางดังต่อไปนี้
ประการแรก ขอให้ยกเลิก MOU ๒๕๔๓ ที่ได้เริ่มต้นดำเนินการให้ใช้แผนที่มาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ เป็นครั้งแรก โดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอันอาจเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๒๔ อีกทั้งฝ่ายกัมพูชายังได้ละเมิดข้อตกลงใน MOU ๒๕๔๓ ข้อ ๕ เพราะฝ่ายกัมพูชามีการดำเนินการที่มีผลเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมของพื้นที่ชายแดน เช่น การตัดไม้สร้างถนน สร้างชุมชน สร้างตลาด สร้างวัด ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศของรัฐบาลไทยได้ทำการประท้วงเป็นหลักฐานหลายครั้งแล้ว
ประการที่สอง ขอให้ยกเลิก MOU ๒๕๔๔ และ แถลงการณ์ร่วมฯ ๒๕๔๔ ที่รับรองเส้นเขตแดนทางทะเลที่ไม่ได้ยึดหลักกฎหมายระหว่างประเทศ อีกทั้งรัฐบาลไทยยังได้ดำเนินการโดยที่ไม่ผ่านความเห็นชอบจากรัฐสภาอันอาจเป็นการขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช ๒๕๔๐ มาตรา ๒๒๔ เช่นเดียวกัน
ประการที่สาม ขอให้ประกาศยกเลิก แถลงการณ์ร่วมฯ ๒๕๕๑ กับประเทศกัมพูชา คณะกรรมการมรดกโลก และองค์การยูเนสโก อย่างเป็นทางการโดยยกเหตุผลให้ชัดเจนว่ามาจากคำวินิจฉัยของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และคำสั่งศาลปกครองสูงสุด พร้อมทั้งประกาศคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลกของกัมพูชาให้มีความชัดเจน
ประการที่สี่ ขอให้สมาชิกรัฐสภาได้ดำเนินการเพิกถอนมติรัฐสภาเมื่อวันที่ ๒๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๕๑ ซึ่งเป็นมติที่ได้ยอมรับแผนที่ตามมาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐ เป็นครั้งแรก อันจะนำไปสู่การสูญเสียดินแดนครั้งใหญ่ที่สุดอีกครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย
ประการที่ห้า ขอให้รัฐบาลแสดงความจริงใจยกเลิก TOR ๒๕๔๖ เพราะได้อ้างอิงและใช้แผนที่ตามมาตราส่วน ๑ ต่อ ๒๐๐,๐๐๐
ประการที่หก ขอให้รัฐบาลได้ถอนเรื่องร่างข้อตกลงชั่วคราว ๒๕๕๒ ออกจากการพิจารณาให้ความเห็นชอบจากรัฐสภา และหยุดนำผลการประชุมของ JBC ทั้ง ๓ ครั้ง ให้ที่ประชุมของรัฐสภาเห็นชอบ และให้สมาชิกรัฐสภาทบทวนพิจารณากรอบการเจรจาเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับชายแดนที่ได้ผ่านการรับรองจากสมาชิกรัฐสภาไปแล้ว
ประการที่เจ็ด ให้รัฐบาลและกองทัพบกดำเนินการปกป้องอธิปไตย โดยอาศัยกฎบัตรสหประชาชาติข้อ ๕๑ และกฎอัยการศึก ทำการผลักดันชาวกัมพูชาที่ได้รุกล้ำและยึดครองพร้อมด้วยสิ่งปลูกสร้าง ให้ออกจากดินแดนไทยโดยไม่มีเงื่อนไข
ประการที่แปด ในกรณีที่ประเทศกัมพูชาได้ประกาศแต่งตั้งให้นักโทษชาย ทักษิณ ชินวัตร เป็นที่ปรึกษารัฐบาลทางด้านเศรษฐกิจ และเป็นที่ปรึกษาส่วนตัวของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ย่อมส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และเป็นการย่ำยีหลักนิติรัฐและศาลไทยที่กระทำในพระปรมาภิไธยอย่างร้ายแรง จึงขอให้รัฐบาลไทยได้พิจารณายกเลิกโครงการและงบประมาณที่ช่วยเหลือประเทศกัมพูชาทั้งหมด ตลอดจนพิจารณาหามาตรการอื่นเพื่อกดดันฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติมต่อไป