วีระศักดิ์ ประเดิมงาน ผอ.ไอทีดี จับมือนักกฎหมายไทย ทำเอกสารสร้างความรู้ เสริมภูมิ แจกกลุ่มงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาคเอกชน และ วุฒิสภา เตรียมพร้อมรับมือเปิดเขตการค้าเสรี และ เสรีบริการอาเซียน ไทย –จีน จี้ทุกฝ่ายตื่น รีบพัฒนาบุคลากร
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา(ไอทีดี) เปิดเผยว่า ไอทีดี จะร่วมกับ นักกฎหมายในประเทศไทย จัดทำตารางตรวจสอบความโปร่งใส(เช็คลิสต์) ของเขตการค้าเสรี(FTA) พร้อมจัดทำเป็นเอกสาร โดยใช้ข้อความหรือภาษาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาชิกรัฐสภา และวุฒิสภา ภาคเอกชนสมาคมองค์กรต่างๆ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ตลอดจนสื่อมวลชน เพื่อจะได้นำข้อมูลไปศึกษาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจาFTA กับประเทศคู่ค้า ให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยให้มากที่สุด คาดว่าเช็คลิสต์ที่กำลังจัดทำขึ้นนี้จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า
***ปลุกอาเซีนยร่วมร่างกฎหมาย****
นอกจากนั้นจะเชิญชวนประเทศในกลุ่มอาเซียนมาร่วมกันวางกรอบการเจรจามาตรฐานlสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อการตกลงด้านการค้าและการลงทุน ให้มีมาตรฐาน และมีกฎหมายเข้ามารองรับกับFTA เพื่อไม่ให้ประเทศกลุ่มอาเซียนเสียเปรียบประเทศยุโรปและอเมริกา ซึ่งได้ทำกฎหมายเตรียมไว้รองรับหมดแล้ว
“เช็คลิสต์ที่กลุ่มประเทศจะร่วมกันร่างขึ้นมานี้ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง โดยมีฐานกฎหมายรองรับ แนวคิดนี้รัฐบาลจีนให้ความสนใจมาก ซึ่งประเทศไทยยังขาดนักพัฒนาด้านกฎหมายและด้านการค้า ความสำคัญของเช็คลิสต์ เพื่อเป็นข้อมูล ให้รู้เท่าทันว่าสิ่งที่เจรจากันอยู่นั้นมีกฎหมายรองรับหรือไม่ ”
**** เสริมเขี้ยวภาคบริการรับมืออาเซียนไทย-จีน***
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ไอทีดีให้ความสำคัญกับการสำรวจและเสนอแนะการเตรียมความพร้อมรับมือเปิดเสรีอาเซียนในกลุ่มธุรกิจบริการด้วยการจัดทำคู่มือประกอบ แจกเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะคนไทยจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการมาก โดยเฉพาะเรื่องท่องเที่ยว โดยเสรีบริการจะเปิดเต็มรูปแบบในอีก 4 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสามารถแยกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจโรงแรม โดยกลุ่มโรงแรมภูมิภาคที่ยังมีปัญหาประสิทธิภาพในการบริหาร เครือข่ายด้านการตลาด และอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเครือข่ายจะถูกครอบงำกิจการ(เทค โอเวอร์) โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้มแข็งกว่า เกิดการแข่งขันด้านราคา ไทยขาดแคลนแรงงานคุณภาพ จึงเสนอให้ เอ็กซิมแบงก์ และบีโอไอ เพิ่มบทบาทสนับสนุนนักลงทุนไทยบุกตลาดอาเซียน ไปพร้อมๆกับการพัฒนาศักยภาพบุคคลากร
2.ธุรกิจนำเที่ยว ในอนาคตอาจมีระบบโลจิสติกส์ที่บริการแบบจ้างภายนอก(เอ้าท์ซอร์ส)ของต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาดขนส่งในไทยได้ เช่น จากมาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน ดังนั้นต้องมีการวิจัยและเร่งจัดทำแผนโลจิสติกส์ด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ระดับชาติ ระดับภาค เป็นโครงข่าย 3.ธุรกิจของที่ระลึก ต่างชาติได้เปรียบด้านการบริหารจัดการที่ดีกว่า ไทยจึงควรจัดอบรมภาษและบริการให้มีมาตรฐาน จัดอบรมผู้บริหารท้องถิ่นด้านความปลอดภัย 4.ธุรกิจสวนสนุกและบันเทิง ไทยมีอุปสรรคด้านเงินทุน เทคโนโลยี จึงเสนอแนะให้บีโอไอ และนิคมอุตสาหกรรม ช่วยส่งเสริม เพื่อใช้ธุรกิจนี้เป็นแม่เหล็ก ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและเยาวชน
***แรงงานไทยยังด้อยฝีมือ****
5.ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร ไทย ควรอบรมภาษาพื้นฐาน และเร่งเรื่องการวางมาตรฐานความสะอาดของครัวสากล และ6.ธุรกิจมัคคุเทศก์ ต้องเร่งผลิตฐานข้อมูลออนไลน์ให้กว้างขวางที่สุด เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้นักท่องเที่ยวและผู้ใฝ่รู้ ไว้ค้นคว้า นอกจากนี้ต้องตรวจทดสอบประเมินวิชาชีพมัคคุเทศก์ให้จริงจัง ไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นวางมาตรฐานขึ้นทะเบียนมัคคุเทศก์ประจำถิ่น และบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นอย่างเข้มงวด
นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา(ไอทีดี) เปิดเผยว่า ไอทีดี จะร่วมกับ นักกฎหมายในประเทศไทย จัดทำตารางตรวจสอบความโปร่งใส(เช็คลิสต์) ของเขตการค้าเสรี(FTA) พร้อมจัดทำเป็นเอกสาร โดยใช้ข้อความหรือภาษาที่สามารถเข้าใจได้ง่าย เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง อาทิ สมาชิกรัฐสภา และวุฒิสภา ภาคเอกชนสมาคมองค์กรต่างๆ สภาอุตสาหกรรม สภาหอการค้า ตลอดจนสื่อมวลชน เพื่อจะได้นำข้อมูลไปศึกษาเพื่อใช้เป็นแนวทางในการเจรจาFTA กับประเทศคู่ค้า ให้เกิดความยุติธรรมกับทุกฝ่าย โดยเฉพาะให้เกิดประโยชน์กับประเทศไทยให้มากที่สุด คาดว่าเช็คลิสต์ที่กำลังจัดทำขึ้นนี้จะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า
***ปลุกอาเซีนยร่วมร่างกฎหมาย****
นอกจากนั้นจะเชิญชวนประเทศในกลุ่มอาเซียนมาร่วมกันวางกรอบการเจรจามาตรฐานlสำหรับประเทศกำลังพัฒนา เพื่อการตกลงด้านการค้าและการลงทุน ให้มีมาตรฐาน และมีกฎหมายเข้ามารองรับกับFTA เพื่อไม่ให้ประเทศกลุ่มอาเซียนเสียเปรียบประเทศยุโรปและอเมริกา ซึ่งได้ทำกฎหมายเตรียมไว้รองรับหมดแล้ว
“เช็คลิสต์ที่กลุ่มประเทศจะร่วมกันร่างขึ้นมานี้ เพื่อสร้างอำนาจการต่อรอง โดยมีฐานกฎหมายรองรับ แนวคิดนี้รัฐบาลจีนให้ความสนใจมาก ซึ่งประเทศไทยยังขาดนักพัฒนาด้านกฎหมายและด้านการค้า ความสำคัญของเช็คลิสต์ เพื่อเป็นข้อมูล ให้รู้เท่าทันว่าสิ่งที่เจรจากันอยู่นั้นมีกฎหมายรองรับหรือไม่ ”
**** เสริมเขี้ยวภาคบริการรับมืออาเซียนไทย-จีน***
นายวีระศักดิ์ กล่าวอีกว่า ไอทีดีให้ความสำคัญกับการสำรวจและเสนอแนะการเตรียมความพร้อมรับมือเปิดเสรีอาเซียนในกลุ่มธุรกิจบริการด้วยการจัดทำคู่มือประกอบ แจกเอกชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะคนไทยจะเกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการมาก โดยเฉพาะเรื่องท่องเที่ยว โดยเสรีบริการจะเปิดเต็มรูปแบบในอีก 4 ปีข้างหน้า
อย่างไรก็ตาม จากการสำรวจสามารถแยกเป็น 6 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่ 1.ธุรกิจโรงแรม โดยกลุ่มโรงแรมภูมิภาคที่ยังมีปัญหาประสิทธิภาพในการบริหาร เครือข่ายด้านการตลาด และอยู่ในพื้นที่ที่มีศักยภาพด้านการท่องเที่ยวเครือข่ายจะถูกครอบงำกิจการ(เทค โอเวอร์) โดยนักลงทุนต่างชาติที่เข้มแข็งกว่า เกิดการแข่งขันด้านราคา ไทยขาดแคลนแรงงานคุณภาพ จึงเสนอให้ เอ็กซิมแบงก์ และบีโอไอ เพิ่มบทบาทสนับสนุนนักลงทุนไทยบุกตลาดอาเซียน ไปพร้อมๆกับการพัฒนาศักยภาพบุคคลากร
2.ธุรกิจนำเที่ยว ในอนาคตอาจมีระบบโลจิสติกส์ที่บริการแบบจ้างภายนอก(เอ้าท์ซอร์ส)ของต่างประเทศเข้ามาแย่งตลาดขนส่งในไทยได้ เช่น จากมาเลเซีย สิงคโปร์ และจีน ดังนั้นต้องมีการวิจัยและเร่งจัดทำแผนโลจิสติกส์ด้านการท่องเที่ยวระดับภูมิภาค ระดับชาติ ระดับภาค เป็นโครงข่าย 3.ธุรกิจของที่ระลึก ต่างชาติได้เปรียบด้านการบริหารจัดการที่ดีกว่า ไทยจึงควรจัดอบรมภาษและบริการให้มีมาตรฐาน จัดอบรมผู้บริหารท้องถิ่นด้านความปลอดภัย 4.ธุรกิจสวนสนุกและบันเทิง ไทยมีอุปสรรคด้านเงินทุน เทคโนโลยี จึงเสนอแนะให้บีโอไอ และนิคมอุตสาหกรรม ช่วยส่งเสริม เพื่อใช้ธุรกิจนี้เป็นแม่เหล็ก ดึงนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวและเยาวชน
***แรงงานไทยยังด้อยฝีมือ****
5.ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร ไทย ควรอบรมภาษาพื้นฐาน และเร่งเรื่องการวางมาตรฐานความสะอาดของครัวสากล และ6.ธุรกิจมัคคุเทศก์ ต้องเร่งผลิตฐานข้อมูลออนไลน์ให้กว้างขวางที่สุด เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลให้นักท่องเที่ยวและผู้ใฝ่รู้ ไว้ค้นคว้า นอกจากนี้ต้องตรวจทดสอบประเมินวิชาชีพมัคคุเทศก์ให้จริงจัง ไม่เลือกปฏิบัติ พร้อมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นวางมาตรฐานขึ้นทะเบียนมัคคุเทศก์ประจำถิ่น และบังคับใช้กฎหมายท้องถิ่นอย่างเข้มงวด
