xs
xsm
sm
md
lg

ตั้งนครรัฐปัตตานี เมื่อไหร่ “บิ๊กจิ๋ว” จะหยุดทำร้ายชาติ!!!?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ชวลิต ยงใจยุทธ
รายงาน

ปฏิกิริยายิงกระสุนปืนใหญ่ใกล้หมดแม็กของทหารแก่(ไม่มีงานทำ) อย่าง พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ปัจจุบันผันตัวไปรับใช้ “นช.ทักษิณ ชินวัตร” ในตำแหน่งประธานพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนว่านับวันจะยิ่งเลอะเทอะและตอกย้ำคำเตือนล่วงหน้าของ “พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์” ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ในเรื่องของ “การทรยศชาติ” มากเป็นลำดับ

เริ่มจากพฤติกรรม “ชักศึกเข้าบ้าน” ด้วยการสวมวิญญาณของพระยาจักรีเดินทางไปจับมือกับพระยาละแวก-สมเด็จฯ ฮุนเซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชาเพื่อโอบอุ้มนายใหญ่แห่งดูไบ จนคนไทยผู้รักชาติก่นด่ากันทั้งบ้านทั้งเมือง...แต่ขงเบ้งแห่งกองทัพไทยก็ไม่ยอมหยุด แถมยังพยายามงัดมุกใหม่ๆ มาสร้างความร้อนรุ่มให้กับประเทศไทยเป็นระยะๆ

โดยเฉพาะกับปฏิบัติการล่าสุดที่ปัดฝุ่นนำแนวคิดตั้ง “นครรัฐปัตตานี” ขึ้นมานำเสนอเพื่อแก้ปัญหาเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ส่วนกรณีที่ พล.อ.ชวลิต จะเดินทางไปประเทศมาเลเชียหรือประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ ภายใต้นโยบายไทยร่มเย็น เป็นมิตรเพื่อนบ้านนั้น เจตจำนงคงไม่ต่างจากการไปพบสมเด็จฯ ฮุนเซนที่กัมพูชา เพราะแท้ที่จริงแล้วคงไม่ได้ต้องการทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน แต่เป็นการทำเพื่อช่วยเหลือนช.ทักษิณในการสร้างความปั่นป่วนให้เกิดขึ้นในบ้านเมืองมากกว่า จนน่าเปลี่ยนชื่อเป็น “ไทยร้อนรุ่ม ชักศึกเข้าบ้าน” มากกว่า

คำถามที่เกิดขึ้นทันทีก็คือ พล.อ.ชวลิตมีความจริงใจในการนำเสนอจริงหรือไม่

ตอบได้ทันทีเลยว่า “ไม่”

การปัดฝุ่นนำแนวความคิดตั้งนครรัฐปัตตานีออกมานั้น เป็นแค่เพียง “เกมการเมือง” ที่พล.อ.ชวลิต ต้องการใช้เป็นเครื่องมือในการเขย่ารัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นลิ่มที่ต้องการเพิ่มความแตกแยกให้เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่ได้นำเสนอเพื่อต้องการแก้ปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นอย่างจริงๆ จังๆ

หากยังจำกันได้ ก่อนหน้านี้ พล.อ.ชวลิตได้เคยเสนอแนวคิด “ทฤษฎีดอกไม้หลากสี” ในการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนใต้มาแล้วคือทำให้ประชาชนในพื้นที่ที่มีความหลากหลายอยู่ด้วยกันด้วยความสงบและสันติได้เหมือนดอกไม้ที่มีหลากสีสัน พร้อมเสนอให้ทั้งฝ่ายรัฐและกลุ่มก่อความไม่สงบถอยหลังฝ่ายละ 3 ก้าว เพื่อเปิดการเจรจาหาข้อยุติในปัญหาความขัดแย้ง เพื่อดึงองค์กรภาคประชาชนให้เข้ามาร่วมสร้างความสมานฉันท์ในพื้นที่ และเพื่อทำให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้เป็นพื้นที่ปกครองพิเศษเพื่อให้มีการปกครองตัวเอง

แต่ “นช.ทักษิณ” ที่ขณะนั้นเป็นนายกรัฐมนตรีไม่เห็นด้วย และต่อมาก็มีคำสั่งปลด พล.อ.ชวลิตจากหน้าที่แก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้

ขณะเดียวกันดูเหมือนว่า พล.อ.ชวลิตจะยังไม่สะเด็ดน้ำกับแนวความคิดเรื่องนครรัฐปัตตานี เพราะยังไม่มีรูปแบบของการดำเนินงานที่ชัดเจน จนเกิดคำถามดังสนั่นไปทั่วทั้งแผ่นดินว่า คำว่านครรัฐปัตตานีนั้นต้องการถึงขั้นบริหารงานโดยเอกเทศหรือไม่ พล.อ.ชวลิตต้องการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดชายแดนใต้เพื่อให้มีการปกครองตนเองหรือไม่

สังคมไทยต้องสำเหนียกให้ดีว่า การที่ พล.อ.ชวลิต หยิบคำว่า “นครรัฐปัตตานี” นั้นมีความหมายที่ลึกซึ้ง เพราะคำว่านครรัฐปัตตานีมีความหมายที่ไม่เหมือนกับเขตการปกครองรูปแบบพิเศษของไทยอย่างกรุงเทพมหานคร เชียงใหม่หรือพัทยา หากมีความหมายเสมือนหนึ่งเป็นการตั้งอาณาจักรหรือนครใหม่ซ้อนขึ้นมาในราชอาณาจักรไทย

นี่คือสิ่งที่ขัดกับบทบัญญัติที่กำหนดเอาไว้ในรัฐธรรมนูญมาตรา 1 ว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ รวมทั้งมาตรา 2 ที่ระบุไว้ว่า ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

“นาายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดฉากวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงว่า ถ้า พล.อ.ชวลิตมีจุดมุ่งหมายเพื่อจะให้เป็นรัฐอิสระ ก็เข้าข่ายที่จะมีความผิดตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 1 ที่ระบุว่าประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียวจะแบ่งแยกมิได้ ซึ่งความผิดในเรื่องนี้มีโทษฐานเป็นกบฎในราชอาณาจักรได้

ขณะเดียวกัน การเสนอแนวคิดเรื่องนครรัฐปัตตานีอาจจะเป็นการเปิดช่องว่างให้มีการนำการเมืองนอกประเทศหรือองค์กรสากลเข้ามาแทรกแซงในพื้นที่ 3 จังหวัดภาคใต้

นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมจากนายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีพบว่า แนวคิดการจัดตั้งนครรัฐปัตตานีของพล.อ.ชวลิตนั้น เชื่อว่า เบื้องหลังได้มาจากแกนนำบางกลุ่ม ซึ่งจากการที่ตนได้ศึกษาเรื่องนี้มานานจึงพบว่า แนวคิดนี้สอดคล้องกับกลุ่มที่ต้องการแบ่งแยกดินแดนและกลุ่มที่เคลื่อนไหวผลักดันให้จัดตั้งรัฐอิสระ

ที่สำคัญคือที่ผ่านมากลุ่มเหล่านี้เคยเสนอถึงขั้นให้ 3 จังหวัดชายแดนใต้กลับไปใช้ระบบการปกครองโดยสุลต่านอีกต่างหาก

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องไม่ลืมก็คือ ปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ทวีความรุนแรงมากขึ้นเป็นลำดับนั้นเกิดขึ้นในยุคที่ นช.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี จากผลพวงของนโยบายในการแก้ไขปัญหาที่ล้มเหลวด้วยการใช้ความรุนแรงจนทำให้เกิดเหตุการณ์ลุกลามใหญ่โต ไม่ว่าจะเป็นกรณีตากใบหรือกรือเซะ ซึ่งในยุคนั้น พล.อ.ชวลิตดำรงตำแหน่งเป็นรองนายกรัฐมนตรี

ทั้ง นช.ทักษิณและพล.ชวลิตไม่สามารถแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นได้

“นายเจะอามิง โตะตาหยง” ส.ส.นราธิวาสและ ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ให้ความเห็นต่อแนวความคิดเรื่องนครรัฐปัตตานีว่า “การออกมาเคลื่อนไหวของพล.อ. ชวลิตในวันนี้แอบแฝงด้วยการเมือง ไม่ได้มีความจริงใจในการแก้ไขปัญหาอย่างแน่นอน ท่านมีธงอยู่แล้ว ผมว่าท่านมีอะไรลึกมากกว่าที่ท่านพูด ในส่วนลึกของหัวใจจริงๆ ท่านต้องการอะไรกันแน่ ผมมองดูในหัวใจของท่านมันไม่ใช่ประเด็นที่ท่านนำเสนอ คือมันมีอะไรเหนือกว่านั้นใช่หรือไม่ คงอยากสร้างหน้าตาตัวเองให้ดูดีขึ้น และปมเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณทักษิณ ไม่งั้นอยู่ๆ ท่านชวลิตจะไปมีไฟช่วงหลังได้ยังไง ก็เป็นเรื่องแปลก มันมีการเมืองอยู่เบื้องหลังอยู่แล้ว”

นายจะอามิงตอกย้ำอย่างเจ็บแสบด้วยว่า “ทำไมสมัยที่เป็นรองนายกรัฐมนตรีที่รับผิดชอบด้านความมั่นคง ไม่เห็นท่านคิดทำเรื่องนี้แต่แรก แล้วทำไมเพิ่งมาคิดได้ตอนนี้ ความบอบช้ำของประชาชนในพื้นที่3 จังหวัดเกิดจากนโยบายและความผิดพลาดตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ และมีรองนายกรัฐมนตรีชื่อพล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในขณะนั้น ในกรณีตากใบ ก็เป็นความผิดพลาดท่านด้วยมันเป็นสิ่งที่ท่านต้องตอบสังคมให้ใด้ เพราะมีการใช้อำนาจรัฐเหนือกฏหมาย ทำให้มีกลุ่มประชาชนเสียชีวิตมากมาย ถามว่าวันนั้นคุณชวลิต แสดงความรับผิดชอบอะไรบ้างไม่มีเลย ทำไมคุณชวลิตไม่ยอมมองดูตัวเอง ต้องย้อนกลับมามองดูตัวเองบ้าง มัวแต่ยุยงปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยกมากขึ้น และสิ่งที่ชาวบ้านเรียกร้องมาตลอดคือความเป็นธรรม แต่โยบายที่ท่านพูดมาไม่ได้เกี่ยวข้องเลย และยังเป็นการกำหนดจากกรอบความคิดท่านคนเดียว โดยท่านไม่ได้เข้ามาถามคนในพื้นที่ ผมจึงมองไม่เห็นความแตกต่างจากอดีตเลย กลับเป็นการซ้ำเติมการแก้ไขปัญหามากว่าเดิมอีก”

แหล่งข่าวทางการทหารแจ้งข่าวด่วนเข้ามาว่า การลงพื้นที่ของ “จิ๋วหวานเจี๊ยบ” นั้น มีการใช้ “เงิน” เพื่อจ้างชาวบ้านในพื้นที่ให้เข้าประชุมเพื่อเสนอความคิดเห็นต่อการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หมู่บ้านละ 14 คน คนละ 1,800 บาท

ที่ตลกร้ายไปกว่านั้นอยู่ตรงที่ ภายหลังการเสนอแนวคิดเรื่องนครปัตตานีจบลง แนวร่วมสมาชิกขบวนการแบ่งแยกดินแดนในภาคใต้ได้ฉวยโอกาสปฏิบัติการทางจิตวิทยา โฆษณาชวนเชื่อบอกกันปากต่อปากกับสมาชิกและประชาชนในพื้นที่ว่า การต่อสู้ใกล้สำเร็จและเรากำลังมีชัยชนะแล้ว ขณะเดียวกันเลขาธิการขบวนการพูโลใหม่ก็ได้แถลงการณ์ผ่านทางเว็บไซต์พูโลว่า พูโล บีอาร์เอ็นและขบวนการอื่นๆ พร้อมที่จะเจรจากับตัวแทนของไทยโดยไม่มีเงื่อนไข

คำถามสุดท้ายคือ เมื่อไหร่ พล.ชวลิตจะหยุดทำให้บ้านเมืองวุ่นวายเสียทีและหากจะให้สถานการณ์ในภาคใต้คลี่คลาย พล.อ.ชวลิตก็ควรไปลากคอ “นช.ทักษิณ” ที่เร่ร่อนเป็นสัมภเวสีอยู่ในต่างประเทศกลับมากล่าวขอโทษประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ได้รับผลจาก “การอุ้ม-ฆ่า” สมัยที่นายใหญ่แห่งดูไบเป็นนายกรัฐมนตรีเสียก่อน จากนั้นถึงค่อยกลับมาเปลืองน้ำลายเสนอแนวคิดเรื่องการดับไฟใต้
กำลังโหลดความคิดเห็น