ปัตตานี – สมาชิกวุฒิสภา สรรหา ปัตตานี ชี้การตั้งนครปัตตานีเป็นเรื่องละเอียดอ่อน หวั่นกระทบความมั่นคงประเทศ ซ้ำ สโลแกนต่างกัน อาจเป็นช่องทางของกลุ่มผู้ไม่หวังดี ย้ำ ไม่เห็นด้วยหากนำไปเปรียบเทียบกับเขตปกครองอื่นๆ
วันที่ (4 พ.ย.) นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภาสรรหา จ.ปัตตานี กล่าวถึงประเด็นเขตปกครองพิเศษนครปัตตานี ว่า เป็นประเด็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการเอาคำออกมาพูดเป็นสโลแกนที่ต่างกัน ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นได้แล้ว อาจจะเป็นการตั้งความหวังให้กลุ่มการเมืองที่ขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขที่เกี่ยวกับความมั่นคงในอนาคตได้
นายอนุศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การตั้งประเด็นเขตปกครองพิเศษนครปัตตานี ว่า “จริงๆ แล้วผมคิดว่า ทาง พล.อ.ชวลิต ท่านก็มีความปรารถนาดี แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันและในพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความเข้าใจผิดในอะไรหลายๆ อย่าง ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะมาพูดกันในสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับยุทธวิธีทางการเมืองยิ่งเป็นอันตรายต่อประเทศชาติบ้านเมือง เรื่องนี้หลายๆ คนในพื้นที่ก็แสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วง เป็นประเด็นที่พูดกันในร้านน้ำชากันมากว่า การพูดเรื่องนี้ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
“หากจะพูดกันตามเนื้อหาที่มีอยู่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ ในรูปแบบการปกครองท้องถิ่นในปัจจุบัน ก็เป็นลักษณะที่เต็มรูปแบบมานานแล้ว ทุกๆ 4 ปี ประชาชนทุกคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถที่จะไปเลือกผู้นำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำระดับ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต.) เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งผู้นำในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่นของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้นำที่เป็นมุสลิมอยู่แล้ว อย่างเช่น อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เป็นผู้นำมุสลิม 100 เปอร์เซ็นต์” นายอนุศาสตร์ กล่าว
นายอนุศาสตร์ ให้ความเห็นว่า กรณีการตั้งนครปัตตานีนั้น หากเป็นยุทธวิธีทางการเมืองในการเลือกตั้ง อาจสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ ต่อชาติบ้านเมือง ต่อความมั่นคง ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ หากคนที่ได้รับฟังสโลแกนต่างๆ อย่างเขตปกครองพิเศษ (Autonomy) ปราศจากความเข้าใจ จนนำไปสู่การเข้าใจผิดว่าประเทศไทยไม่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในพื้นที่ 3 จังหวัด ทั้งที่จริงแล้ว การปกครองระบอบประชาธิปไตย ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีครบถ้วน เหมือนจังหวัดอื่นๆ 3 จังหวัดไม่ได้ด้อยกว่าจังหวัดอื่นๆ
ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ที่หลายๆ ท่าน พูดว่ามีลักษณะเหมือนกับที่กรุงเทพฯ นั้น หากพิจารณาแล้ว กรุงเทพฯ กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความแตกต่างกัน ในด้านปัจจัยต่างๆ ซึ่ง นายอนุศาสตร์ ไม่เห็นด้วยที่ทาง พล.อ.ชวลิต มีการพูดพาดพิงไปถึงการเลือกตั้ง กทม.รวมถึงการนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบการปกครองของนครพัทยา นครเชียงใหม่ หรือแม้แต่ กทม.ที่คล้ายๆ กับรูปแบบการปกครองของเทศบาลนครยะลา รวมไปถึงเรื่อง อบต. อบจ.ซึ่งต่างก็มีแบบเต็มรูปแบบ
“ส่วนด้านการพัฒนางบประมาณต่างๆ ที่มีก็ค่อนข้างจะมากอยู่แล้ว อย่างจังหวัดปัตตานี มีอยู่ถึง 4,000 ล้านบาท ที่องค์กรปกครองส่วนได้รับ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนที่เรามีอยู่ในกลไกของบ้านเมือง แต่ต้องถามว่าสิ่งเหล่านี้ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนและทางพี่น้องประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงหรือไม่นั้น แต่เราก็ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ไม่ว่าระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ซึ่งมันก็เป็นทั้งประเทศร่วมทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ที่เราต้องใช้เงินอย่างมหาศาล แม้อาจจะมีการปิดกั้นประชาชนบางส่วนที่จะอาสาสมัครเข้ามาเป็นผู้นำ เพราะไม่มีทุนทรัพย์ก็เป็นไปได้ ในกลไกเหล่านี้เราต้องมาดูว่าประสิทธิภาพประสิทธิผลที่เรามีอยู่แล้ว มันตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้ขนาดไหน” นายอนุศาสตร์ กล่าว
“ผมอยากย้ำว่า ทุกคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สามารถเลือกผู้นำของตัวเองได้เหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ปัญหาสำคัญสำหรับเรื่องการเลือกตั้ง เราก็รู้กันดีว่ามันต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลไลที่เราควรต้องปรับปรุงแก้ไข ซึ่งในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในความคิดของผมนั้น ผมคิดว่าเราต้องมาเน้นในเรื่องการธรรมาภิบาล เรื่องความโปร่งใส่ การตรวจสอบ การถ่วงดุล การคานอำนาจซึ่งกันและกัน เราไม่ควรให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครอบงำประชาชนได้ ไม่ว่าจะเข้ามาในสู่วิถีการเลือกตั้ง มันก็ต้องเป็นไปในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนก็มีส่วนร่วมอยู่แล้ว” ส.ว.ปัตตานี กล่าว
จบท้ายด้วยกระแสของประชาชนในพื้นที่ที่ นายอนุศาสตร์ กล่าวว่า มีทั้งส่วนคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งนายอนุศาสตร์ คงตอบแทนคนพื้นที่ทั้งหมดไม่ได้ แต่คาดว่า ในส่วนที่เห็นด้วยคงจะมีเสียงที่ดังกว่า ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในเรื่องสโลแกนนครปัตตานีนั้น ด้านความหมายมันอาจจะทำให้กลุ่มคนที่ฉวยโอกาสเพื่อผลประโยชน์ของบางกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย เหมือนระเบิดเวลา ที่เราต้องไตร่ตรองและคิดให้ดี
วันที่ (4 พ.ย.) นายอนุศาสตร์ สุวรรณมงคล สมาชิกวุฒิสภาสรรหา จ.ปัตตานี กล่าวถึงประเด็นเขตปกครองพิเศษนครปัตตานี ว่า เป็นประเด็นที่ค่อนข้างละเอียดอ่อน โดยเฉพาะการเอาคำออกมาพูดเป็นสโลแกนที่ต่างกัน ต้องใช้ความระมัดระวัง เพราะนอกจากจะเป็นการสร้างความไม่สงบให้เกิดขึ้นได้แล้ว อาจจะเป็นการตั้งความหวังให้กลุ่มการเมืองที่ขับเคลื่อนอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขที่เกี่ยวกับความมั่นคงในอนาคตได้
นายอนุศาสตร์ ให้ความเห็นว่า การตั้งประเด็นเขตปกครองพิเศษนครปัตตานี ว่า “จริงๆ แล้วผมคิดว่า ทาง พล.อ.ชวลิต ท่านก็มีความปรารถนาดี แต่ในสถานการณ์ปัจจุบันและในพื้นที่ที่สุ่มเสี่ยงต่อการเกิดความเข้าใจผิดในอะไรหลายๆ อย่าง ผมคิดว่าไม่จำเป็นที่จะมาพูดกันในสิ่งเหล่านี้ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับยุทธวิธีทางการเมืองยิ่งเป็นอันตรายต่อประเทศชาติบ้านเมือง เรื่องนี้หลายๆ คนในพื้นที่ก็แสดงความคิดเห็นด้วยความเป็นห่วง เป็นประเด็นที่พูดกันในร้านน้ำชากันมากว่า การพูดเรื่องนี้ในสถานการณ์แบบนี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม”
“หากจะพูดกันตามเนื้อหาที่มีอยู่ให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบ ในรูปแบบการปกครองท้องถิ่นในปัจจุบัน ก็เป็นลักษณะที่เต็มรูปแบบมานานแล้ว ทุกๆ 4 ปี ประชาชนทุกคนในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้สามารถที่จะไปเลือกผู้นำของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นผู้นำระดับ องค์การบริหารส่วนท้องถิ่น (อบต.) เทศบาล หรือองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ซึ่งผู้นำในส่วนของการปกครองส่วนท้องถิ่นของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ส่วนใหญ่ก็เป็นผู้นำที่เป็นมุสลิมอยู่แล้ว อย่างเช่น อบจ.ทั้ง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็เป็นผู้นำมุสลิม 100 เปอร์เซ็นต์” นายอนุศาสตร์ กล่าว
นายอนุศาสตร์ ให้ความเห็นว่า กรณีการตั้งนครปัตตานีนั้น หากเป็นยุทธวิธีทางการเมืองในการเลือกตั้ง อาจสร้างความเสียหายต่อพื้นที่ ต่อชาติบ้านเมือง ต่อความมั่นคง ซึ่งจะต้องมีการชี้แจงให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ หากคนที่ได้รับฟังสโลแกนต่างๆ อย่างเขตปกครองพิเศษ (Autonomy) ปราศจากความเข้าใจ จนนำไปสู่การเข้าใจผิดว่าประเทศไทยไม่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยในพื้นที่ 3 จังหวัด ทั้งที่จริงแล้ว การปกครองระบอบประชาธิปไตย ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็มีครบถ้วน เหมือนจังหวัดอื่นๆ 3 จังหวัดไม่ได้ด้อยกว่าจังหวัดอื่นๆ
ส่วนการเลือกตั้งผู้ว่าฯ ที่หลายๆ ท่าน พูดว่ามีลักษณะเหมือนกับที่กรุงเทพฯ นั้น หากพิจารณาแล้ว กรุงเทพฯ กับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีความแตกต่างกัน ในด้านปัจจัยต่างๆ ซึ่ง นายอนุศาสตร์ ไม่เห็นด้วยที่ทาง พล.อ.ชวลิต มีการพูดพาดพิงไปถึงการเลือกตั้ง กทม.รวมถึงการนำไปเปรียบเทียบกับรูปแบบการปกครองของนครพัทยา นครเชียงใหม่ หรือแม้แต่ กทม.ที่คล้ายๆ กับรูปแบบการปกครองของเทศบาลนครยะลา รวมไปถึงเรื่อง อบต. อบจ.ซึ่งต่างก็มีแบบเต็มรูปแบบ
“ส่วนด้านการพัฒนางบประมาณต่างๆ ที่มีก็ค่อนข้างจะมากอยู่แล้ว อย่างจังหวัดปัตตานี มีอยู่ถึง 4,000 ล้านบาท ที่องค์กรปกครองส่วนได้รับ เพราะฉะนั้นสิ่งเหล่านี้เป็นส่วนที่เรามีอยู่ในกลไกของบ้านเมือง แต่ต้องถามว่าสิ่งเหล่านี้ตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนและทางพี่น้องประชาชนได้มีส่วนร่วมอย่างแท้จริงหรือไม่นั้น แต่เราก็ทราบกันดีว่าการเลือกตั้งแต่ละครั้ง ไม่ว่าระดับชาติหรือระดับท้องถิ่น ซึ่งมันก็เป็นทั้งประเทศร่วมทั้งใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย ที่เราต้องใช้เงินอย่างมหาศาล แม้อาจจะมีการปิดกั้นประชาชนบางส่วนที่จะอาสาสมัครเข้ามาเป็นผู้นำ เพราะไม่มีทุนทรัพย์ก็เป็นไปได้ ในกลไกเหล่านี้เราต้องมาดูว่าประสิทธิภาพประสิทธิผลที่เรามีอยู่แล้ว มันตอบสนองความต้องการของคนในพื้นที่ได้ขนาดไหน” นายอนุศาสตร์ กล่าว
“ผมอยากย้ำว่า ทุกคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ สามารถเลือกผู้นำของตัวเองได้เหมือนจังหวัดอื่นๆ แต่ปัญหาสำคัญสำหรับเรื่องการเลือกตั้ง เราก็รู้กันดีว่ามันต้องใช้เงินจำนวนมาก ซึ่งเป็นกลไลที่เราควรต้องปรับปรุงแก้ไข ซึ่งในการแก้ไขปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ในความคิดของผมนั้น ผมคิดว่าเราต้องมาเน้นในเรื่องการธรรมาภิบาล เรื่องความโปร่งใส่ การตรวจสอบ การถ่วงดุล การคานอำนาจซึ่งกันและกัน เราไม่ควรให้กลุ่มใดกลุ่มหนึ่งครอบงำประชาชนได้ ไม่ว่าจะเข้ามาในสู่วิถีการเลือกตั้ง มันก็ต้องเป็นไปในระบอบประชาธิปไตย ทุกคนก็มีส่วนร่วมอยู่แล้ว” ส.ว.ปัตตานี กล่าว
จบท้ายด้วยกระแสของประชาชนในพื้นที่ที่ นายอนุศาสตร์ กล่าวว่า มีทั้งส่วนคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ซึ่งนายอนุศาสตร์ คงตอบแทนคนพื้นที่ทั้งหมดไม่ได้ แต่คาดว่า ในส่วนที่เห็นด้วยคงจะมีเสียงที่ดังกว่า ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนในเรื่องสโลแกนนครปัตตานีนั้น ด้านความหมายมันอาจจะทำให้กลุ่มคนที่ฉวยโอกาสเพื่อผลประโยชน์ของบางกลุ่ม ซึ่งเป็นเรื่องอันตราย เหมือนระเบิดเวลา ที่เราต้องไตร่ตรองและคิดให้ดี
