ASTVผู้จัดการรายวัน-บลจ.กรุงไทย เลื่อนระดมทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จ.ภูเก็ต เเละจ.เชียงใหม่ หลังโรงเเรมที่ภูเก็ต อยู่ในระหว่างขยายพื้นที่ก่อนสร้างโรงเเรม ทำให้การประเมินสินทรัพย์ล่าช้า ส่วนโรงเเรมที่เชียงใหม่กำลังประเมินสินทรัพย์ คาดเปิดIPO ได้ในไตรมาสเเรกปี 53 นี้
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์(Property Fund) โรงเเรมจังหวัดภูเก็ต เเละจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้นั้น อาจจะต้องเลื่อการระดมทุนออกไปก่อน หลังจากที่ผ่านมา เราว่าวางเเผนระดมทุนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งโรงเเรมที่จังหวัดภูเก็ต อยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้างตัวโรงเเรมเพิ่ม ทำให้ทางบลจ.ต้องรอให้สินทรัพย์ดังกล่าวสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน ถึงจะโอนย้ายสินทรัพย์นั้นเข้ามาในบัญชี
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวเเล้วทางเราถึงจะประเมินสินทรัพย์โดยรวมใหม่อีกครั้ง ทำให้การระดมในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จังหวัดภูเก็ต ต้องเลื่อนออกไป ขณะที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ทางบลจ.กำลังอยู่ในช่วงประเมินสินทรัพย์อยู่เช่นกัน
"คาดว่าทั้งกองทุนอสังหาฯโรงเเรมทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ เเละจังหวัดภูเก็จ จะสามารถเปิดระดมทุนได้ในช่วงไตรมาสเเรกของปีหน้านี้ " นายสมชัยกล่าว
สำหรับกองทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จ.ภูเก็ตเป็นโรงเเรมประเภท Pool Villa โดยลูกค้าที่เข้าพักจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับสูงเเละมีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) เฉลี่ย 65% ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนแบบถือครองกรรมสิทธิ์หรือ freehold ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นจะมีขนาดกองทุนประมาณ 5,000ล้านบาทเป็นทรัพย์สินประเภท freehold โดยโรงเเรมดังกล่าวเป็นโรงเเรมที่ถือว่ามีอัตราค่าห้องสูงที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่จะเปิดขายควบคู่กับกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ นั้นทางเราก็ต้องชะลอเปิดขายหน่วยลงทุนด้วยเช่นกัน เนื่องจากช่วงจังหวะที่เราจะเปิดขายนั้่น เป็นช่วงเวลาที่ค่าเงินของประเทศดังกล่าวเเข็งค่ามาก ประกอบกับผลตอบเเทนของตราสารนั้นปรับตัวลดลงประมาณ 1.5% ซึ่งหากค่าเงินของประเทศดังกล่าวอ่อนค่าเเละผลตอบเเทนของตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้น ทางบลจ.ก็สามารถเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนได้เลย เพราะบลจ.ได้เสนอและอนุญมัติขอจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเเละองทุนรวมกรุงไทยมิดเดิ้ลอีสต์ 1 กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ไว้เเล้ว
ทั้งนี้ จากการที่บลจ.ได้ชะลอการเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยมิดเดิ้ลอีสต์ 1 ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางออกไปก่อน เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารมีแนวโน้มลดลงตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณตราสารหนี้ในตลาดรองมีอยู่อย่างจำกัด จึงทำให้ผลตอบแทนของตราสารอยู่ในระดับต่ำกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง ดังนั้น จึงต้องชะลอการลงทุนเพื่อรอดูภาวะตลาดและผลตอบแทนที่เหมาะสมอีกครั้ง
นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการจัดตั้งกองทุนอสังหาริมทรัพย์(Property Fund) โรงเเรมจังหวัดภูเก็ต เเละจังหวัดเชียงใหม่ ตอนนี้นั้น อาจจะต้องเลื่อการระดมทุนออกไปก่อน หลังจากที่ผ่านมา เราว่าวางเเผนระดมทุนในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งโรงเเรมที่จังหวัดภูเก็ต อยู่ในช่วงระหว่างการก่อสร้างตัวโรงเเรมเพิ่ม ทำให้ทางบลจ.ต้องรอให้สินทรัพย์ดังกล่าวสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ก่อน ถึงจะโอนย้ายสินทรัพย์นั้นเข้ามาในบัญชี
เมื่อเสร็จสิ้นขั้นตอนดังกล่าวเเล้วทางเราถึงจะประเมินสินทรัพย์โดยรวมใหม่อีกครั้ง ทำให้การระดมในส่วนของกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จังหวัดภูเก็ต ต้องเลื่อนออกไป ขณะที่กองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จังหวัดเชียงใหม่นั้น ทางบลจ.กำลังอยู่ในช่วงประเมินสินทรัพย์อยู่เช่นกัน
"คาดว่าทั้งกองทุนอสังหาฯโรงเเรมทั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ เเละจังหวัดภูเก็จ จะสามารถเปิดระดมทุนได้ในช่วงไตรมาสเเรกของปีหน้านี้ " นายสมชัยกล่าว
สำหรับกองทุนกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จ.ภูเก็ตเป็นโรงเเรมประเภท Pool Villa โดยลูกค้าที่เข้าพักจะเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติระดับสูงเเละมีอัตราการเช่า (Occupancy Rate) เฉลี่ย 65% ทั้งนี้กองทุนดังกล่าวเป็นกองทุนแบบถือครองกรรมสิทธิ์หรือ freehold ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์โรงเเรมที่จังหวัดเชียงใหม่นั้นจะมีขนาดกองทุนประมาณ 5,000ล้านบาทเป็นทรัพย์สินประเภท freehold โดยโรงเเรมดังกล่าวเป็นโรงเเรมที่ถือว่ามีอัตราค่าห้องสูงที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่
นายสมชัยกล่าวอีกว่า ส่วนกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศที่จะเปิดขายควบคู่กับกองทุนพันธบัตรเกาหลีใต้ นั้นทางเราก็ต้องชะลอเปิดขายหน่วยลงทุนด้วยเช่นกัน เนื่องจากช่วงจังหวะที่เราจะเปิดขายนั้่น เป็นช่วงเวลาที่ค่าเงินของประเทศดังกล่าวเเข็งค่ามาก ประกอบกับผลตอบเเทนของตราสารนั้นปรับตัวลดลงประมาณ 1.5% ซึ่งหากค่าเงินของประเทศดังกล่าวอ่อนค่าเเละผลตอบเเทนของตราสารหนี้ปรับเพิ่มขึ้น ทางบลจ.ก็สามารถเปิดขายหน่วยลงทุนกองทุนได้เลย เพราะบลจ.ได้เสนอและอนุญมัติขอจัดตั้งกองทุนดังกล่าวเเละองทุนรวมกรุงไทยมิดเดิ้ลอีสต์ 1 กับคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์เเละตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต.ไว้เเล้ว
ทั้งนี้ จากการที่บลจ.ได้ชะลอการเปิดจำหน่ายกองทุนรวมกรุงไทยมิดเดิ้ลอีสต์ 1 ซึ่งเป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในตราสารหนี้กลุ่มประเทศตะวันออกกลางออกไปก่อน เนื่องจากผลตอบแทนของตราสารมีแนวโน้มลดลงตามความต้องการที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับปริมาณตราสารหนี้ในตลาดรองมีอยู่อย่างจำกัด จึงทำให้ผลตอบแทนของตราสารอยู่ในระดับต่ำกว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง ดังนั้น จึงต้องชะลอการลงทุนเพื่อรอดูภาวะตลาดและผลตอบแทนที่เหมาะสมอีกครั้ง
